Chapter 56 รางวัลศิษย์
จุนซ่างเซียวที่มอบภารกิจสำนักกว่า 20 ภารกิจออกไป หลากหลายภารกิจมีเวลากำหนด ขอเพียงกระทำอย่างสม่ำเสมอภารกิจดังกล่าวก็สำเร็จได้.
อีกไม่กี่ถึงวัน ภารกิจที่หมู่บ้านชิงหยางดูเหมือนว่าจะสำเร็จสมบูรณ์.
จุนซ่างเซียวยังคงอยู่ในสำนัก เขาที่ได้ยินเสียงภารกิจหลาย ๆ ภารกิจที่สำเร็จทีละอันทีละอัน คะแนนความสำเร็จและคะแนนสนับสนุนสำนักค่อย ๆ เพิ่มขึ้นช้า ๆ.
เพราะว่าระดับของภารกิจที่แจกจ่ายไปนั้นเป็นภารกิจระดับหนึ่งหรือไม่ก็สองดาว ทำให้รางวัลที่ได้รับ เพียงหนึ่งหรือสองแต้ม.
จุนซ่างเซียวที่ไม่ได้เป็นกังวลเกี่ยวกับแต้มสนับสนุนแต่อย่างใด สิ่งที่เขาต้องการใส่ใจมากที่สุดคือแต้มความสำเร็จสำนัก เมื่อไหร่ที่มันเต็ม เขาก็จะสามารถยกระดับสิ่งก่อสร้างสำนักได้ และยังสามารถรับศิษย์เพิ่มได้ด้วย.
จวบจนวันแรกจนถึงวันนี้.
ภารกิจสำหรับศิษย์ ระยะเวลาสูงสุดก็คือห้าวันครบแล้ว.
ในตอนเย็นก็มาถึง ลู่เชียนเชียน หลี่ชิงหยาง เสี่ยวจุ้ยจื่อและคนอื่นก็กลับมา ภารกิจกว่ายี่สิบภารกิจเสร็จสิ้นสมบูรณ์.
จุนซ่างเซียวที่เปิดคอนโซลระบบ.
แต้มสนับสนุน : 70 / 100.
คะแนนความสำเร็จสำนัก : 36 / 100.
ภารกิจสำนักทั้งยี่สิบสำเร็จแล้ว ได้รับแต้มทั้งหมด 36 แต้มสนับสนุนและแต้มความสำเร็จ ซึ่งแน่นอนว่าภารกิจหนึ่งดาวมีมากเกินไปและได้รับเพียงหนึ่งแต้มเท่านั้น.
จุนซ่างเซียวที่นำแต้มสนับสนุนศิษย์ เปลี่ยนเป็นผงรวมวิญญาณออกมา.
ซูเซียวโม่ที่ทำภารกิจสำเร็จเป็นคนแรก เขาได้แลกเปลี่ยนเป็นกระบี่ไม้และผงรวมวิญญาณ หากแต่ยังไม่ได้มอบให้เขา ด้วยรอคอยให้ทุกคนทำเสร็จสมบูรณ์ทั้งหมด และมอบให้พร้อมกัน.
......
เช้าวันถัดมา.
เจ้าสำนักจุนที่เรียกศิษย์ทั้งหมดมา พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงดังกังวาน “ขอบใจทุกคนกับภารกิจที่ยอดเยี่ยม ทุกคนที่ทำภารกิจจะได้รับผงรวมวิญญาณเป็นรางวัลตอบแทน.”
“ผงรวมวิญญาณ?”
ศิษย์ทุกคนที่จ้องมองหน้ากันและกันด้วยท่าทางงงงวย.
จุนซ่างเซียวเอ่ยต่อ “หลังจากใช้สิ่งนี้แล้ว จะทำให้สามารถรวบรวมพลังวิญญาณเร็วขึ้นสองเท่า และมีประสิทธิภาพหกชั่วยาม.”
“เป็นความจริงงั้นรึ?”
ทุกคนที่ดวงตาเบิกกว้าง.
ช่วยเพิ่มการดูดซับพลังวิญญาณได้เร็วขึ้นงั้นรึ? พวกเขาเคยได้ยิน มีเพียงแค่นิกายที่ร่ำรวยและทรงพลังเท่านั้นที่มีสิ่งเหล่านี้ แต่สำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเขาเอง ก็มีอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวที่นำผงรวมวิญญาณมาวางไว้บนโต๊ะและเอ่ยออกมาว่า “ผงรวมวิญญาณแต่ละถุงนั้น มีชื่อของคนที่ได้รับเขียนอยู่ ศิษย์ที่ทำภารกิจสำเร็จทุกคนจะได้รับคนล่ะหนึ่งถุง.”
หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆที่ก้าวเข้ามารับรางวัล ทุกคนที่ถือผงรวมวิญญาณไว้ในมือ ขณะที่ดวงตาเป็นประกายขึ้นมา.
ช่วยเพิ่มความเร็วในการรวมพลังวิญญาณเป็นสองเท่า ด้วยสิ่งนี้เหล่าคนที่มีพรสวรรค์ธรรมดา จะช่วยพวกเขาบ่มเพาะได้ดีขึ้น!
“จุ้ยจื่อ.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าไม่มารับอย่างงั้นรึ?”
เซียวจุ้ยจื่อที่ยืนนิ่ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยขมขื่น “เจ้าสำนัก ข้าไม่สามารถเปิดชีพจรได้ ไม่สามารถดูดซับพลังวิญญาณ ผงรวมวิญญาณนี้ควรจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเหล่าศิษย์พี่คนอื่น ๆ.”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่สะบัดมือ ผงรวมวิญญาณก็ลอยไปหาเขา “นี่คือรางวัลของเจ้า ถึงมันจะไร้ประโยชน์ เจ้าก็ควรเก็บมันเอาไว้ ส่วนจะให้คนอื่นก็ควรเป็นเจ้าตัดสินใจภายหลัง จงรับมันไป.”
เซียวจุ้ยจื่อที่รับมันเอาไว้และกล่าวออกมาว่า “ข้าเข้าใจแล้ว.”
“ซูเซียวโม่.”
“อยู่นี่แล้ว!”
“ในความเห็นของข้าเจ้าทำผลงานได้ดีมาก เปิ่นจั้วจึงคิดจะมอบอาวุธเป็นรางวัลให้กับเจ้า.”
ซูเซียวโม่ดวงตาเป็นประกาย.
อย่างไร หลังจากที่รับกระบี่ไม้ไปแล้ว ที่มุมปากของเขาถึงกับกระตุกและเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนัก กระบี่นี่ไว้ใช้ประดับรึ?.”
จุนซ่างเซียวกล่าว “เจ้าควรจะทดสอบมันดูก่อน.”
“ครับ.”
ซูเซียวโม่ที่ก้าวไปยังลานยุทธ์ กระตุ้นพลังเปิดชีพจรขั้นที่สี่ ก่อนที่จะฟันกระบี่ไม้ออกไป.
“วิ้ง! ฟิ้ว!”
ริ้วกระบี่ที่พุ่งออกไปแหวกอากาศเสียงดังหวีดหวิวกระแทกไปบนลานยุทธ์.
ลู่เชียนเชียนที่ลอบคิดในใจ “คุณภาพของกระบี่ไม้นี้ เกรงว่าไม่ได้ด้อยกว่าอาวุธระดับต่ำชั้นสูงแน่.”
“ซูมมม!”
พลังวิญญาณของซูเซียวโม่ที่อาบไปบนกระบี่ สร้างปราณกระบี่พุ่งออกไปกระแทกลงบนหินที่อยู่ด้านนอกลาน เกิดระเบิดเสียงดังกึกก้อง ก่อนที่ศิลาก้อนดังกล่าวจะแตกออกเป็นส่วน ๆ.
“สวรรค์!”
“ร้ายกาจขนาดนี้เลย!”
“คุณภาพของกระบี่ไม้เล่มนี้ไม่ธรรมดา!”
ศิษย์คนอื่น ๆ ต่างก็อุทานออกมาเสียงดัง.
ใบหน้าของซูเซียวโม่ที่เวลานี้ปรากฏความตื่นเต้นดีใจอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่จะยกมือประสานหน้าอก “ขอบคุณเจ้าสำนักที่ประทานกระบี่ให้ข้า!”
เขาที่มาจากครอบครัวยากจน พรสวรรค์ไม่สูง การได้อาวุธที่เลิศล้ำเช่นนี้มา แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อน!
“ชิงหยาง.”
จุนซ่างเซียวที่นำกระบี่หานเฟิงระดับสามัญขั้นต้นออกมา กล่าวออกไปว่า “ตลอดหลายวันมานี้เจ้าช่วยข้าจัดการภารกิจต่าง ๆ มากมาย กระบี่นี้จึงเป็นรางวัลมอบให้กับเจ้า.”
หลังจากงานรับศิษย์ร้อยสำนักจบลง หลี่ชิงหยางก็ชื่นชอบกระบี่หานเฟิงเล่มนี้เป็นอย่างมาก ทว่าจุนซ่างเซียวไม่ได้มอบมันให้กับเขา และบอกเขาว่า จะขอดูผลงานของเขาก่อน.
การมอบรางวัลให้กับเขาในวันนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมทีเดียว.
ด้วยการช่วยซ่อมแซมแก้ไขสำนัก แม้แต่ช่วยเหล่าศิษย์น้องบ่มเพาะพลัง อีกทั้งยังเป็นพ่อครัวจำเป็นทำอาหารให้กับเหล่าศิษย์น้อง ผลงานของเขาไม่ขาดตกบกพร่องเลย!
หลี่ชิงหยางที่ก้าวออกไปด้านหน้า จดจ้องมองกระบี่หานเฟิงที่แผ่ความหนาวเย็นออกไปรอบ ๆ เขากล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ “ขอบคุณเจ้าสำนักที่ประทานกระบี่ให้กับข้า!”
จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองเหล่าศิษย์ทุกคน กล่าวออกมาว่า “ขอเพียงพวกเจ้าทุกคนกระทำเพื่อสำนักอย่างสุดกำลัง เพิ่มความแข็งแกร่งอย่างจริงจัง ทรัพยากรต่าง ๆ อาวุธ ทักษะยุทธ์ก็จะได้รับเช่นนี้ตลอดไป!”
“รับทราบ!”
ศิษย์ทุกคนที่ตอบรับเสียงดัง.
หลิวหว่านซีที่นั่งอยู่ด้านในโรงอาหาร มือสองข้างที่ท้าวคางบ่นพึมพำไปมา “เมื่อไหร่ข้าจะได้เป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งนะ!”
......
หลังจากศิษย์ทุกคนแยกย้าย จุนซ่างเซียวก็เรียกเซียวจุ้ยจื่อเข้าไปในห้องโถงเพียงลำพัง พร้อมกับกล่าวสอบถามออกไปว่า “หลังจากเจ้าฝึกวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นแล้วเป็นเช่นไรบ้าง?”
สำหรับศิษย์คนนี้ เขาจำเป็นต้องเฝ้าดูอย่างใส่ใจ ต้องไม่ลืมว่า ถึงเขาจะเข้ากับศิษย์ทุกคนได้ หากแต่จิตใจของเขาที่ค่อย ๆ หมดกำลังใจจะก้าวต่อไปข้างหน้าในทุกวันที่ผ่านไป.
เซียวจุ้ยจื่อเอ่ย “เรียนเจ้าสำนัก ยังไม่ก้าวหน้าเลย.”
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ไม่สามารถเร่งรีบได้ แต่ว่าเจ้าอย่ากังวลจนไม่สามารถก้าวต่อไปได้ก็พอ.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
เซียวจุ้ยจื่อเอ่ย “ศิษย์จะตั้งใจอย่างจริงจัง!”
“ที่ข้าเรียกเจ้ามาวันนี้ ข้าต้องการรับรู้เรื่องในอดีต ยกตัวอย่างว่า ทำไมพลังบ่มเพาะของเจ้าสลายหายไป รากวิญญาณถดถอยได้อย่างไรกัน?”จุนซ่างเซียวสอบถาม.
แววตาของเซียวจุ้ยจื่อที่ปรากฎความเจ็บปวดออกมา เรื่องในอดีต ราวกับเป็นฝันร้ายที่สุดสำหรับเขาก็ว่าได้.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากเจ้าไม่ยินดีที่จะกล่าว ก็ไม่เป็นไร.”
“ฟู่!”เซียวจุ้ยจื่อที่สูดหายใจลึกและเริ่มเอ่ยออกมาด้วยความอัดอั้น “ในอดีตนั้น ศิษย์ได้ทะลวงชีพจรทั้ง 12 จุดแล้ว และเริ่มรวบรวมคลื่นวิญญาณหมุนเพื่อทะลวงไปยังดินแดนศิษย์ยุทธ์ ทว่าการกระทำในครั้งนั้นกลับล้มเหลวถึงกับหมดสติ หากแต่หลังจากฟื้นขึ้นมา รากวิญญาณแม้แต่พลังฝึกตนก็หายไปไม่มีเหลือเลย.”
“ไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยรึ?”
“ข้าไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย ในเวลานั้น.”
“แล้วตอนเจ้าหมดสติ มีใครอยู่ใกล้ตัวเจ้าหรือไม่?”
“ห้องบ่มเพาะของศิษย์นั้นปิดแน่น ไม่มีใคร.”
จากนั้นจุนซ่างเซียวก็ปล่อยให้เซียวจุ้ยจื่อกลับไปฝึกฝน เขาที่นั่งอยู่ในห้องโถงคนเดียว ครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้ยินมา ”
ทะลวงระดับไปยังดินแดนศิษย์ยุทธ์ล้มเหลวเป็นเรื่องปรกติ การล้มเหลวในการทะลวงระดับของทุกคนแทบจะเป็นอะไรธรรมดามาก ๆ แต่การล้มเหลวแล้วรากวิญญาณและพลังบ่มเพาะหายไป มันผิดปรกติน่าสงสัยจริง ๆ.”
เป็นไปได้ว่าในร่างกายของเขานั้นมีอะไรผิดปรกติอย่างงั้นรึ?
ไม่ใช่ ไม่เพียงแค่ผิดปรกติ พลังวิญญาณที่หายไปทั้งหมดยังพออธิบายได้ แต่รากวิญญาณลดระดับลง ไม่สมเหตุสมผลเลย?
หรือว่าจะมีคนวางยาพิษรึไม่?
จุนซ่างเซียวที่เคยอ่านนิยายมากมายมาจากโลกเดิม สิ่งที่พอจะเป็นไปได้ ก็มีเพียงอย่างเดียว ก็คือ โดนวางยา หากเป็นจริงตามนั้น ดูเหมือนจะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว แต่ก็ไม่มีเหตุผลอื่นที่ใกล้เคียงกว่านี้อีกแล้ว.
“อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุด ก็คือทำให้เขายกระดับพลังของตัวเองได้ หวังว่าวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นจะช่วยให้เขาเปิดชีพจรได้.”
......
เช้าวันถัดมา.
ศิษย์ทุกคนก็ออกมาฝึกฝนที่ลานยุทธ์เป็นปรกติ มีหลายคนต่างก็เผยใบหน้าตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก เพราะว่าด้วยการใช้ผงรวมวิญญาณ ทำให้บางคนทะลวงชีพจรก้าวไปอีกระดับได้.
นับตั้งแต่มาถึงสำนักยังไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ พวกเขากับยกระดับเพิ่มขึ้นได้ถึงสองขั้น เรื่องนี้ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน!
เรื่องดีใจยังไม่จบเท่านั้น.
เพราะว่าเวลานี้ค่ายกลที่จุนซ่างเซียวได้ติดตั้งไว้ พร้อมใช้งานแล้ว มันเป็นค่ายกลที่ช่วยเพิ่มการรวบรวมพลังวิญญาณเป็นสองเท่า ศิษย์แทบทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจอย่างที่สุด.
เกี่ยวกับผลรวมวิญญาณ ลู่เชียนเชียนไม่ได้แปลกใจอะไรนัก ทว่าเมื่อนางเห็นค่ายกล ก็ทำให้ดวงตาของนางถึงกับกระพริบสั่นส่ายไปมา ลอบคิดในใจด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ “นี่เจ้าสำนักสามารถวางค่ายกลรวมพลังวิญญาณได้อย่างงั้นรึ?”
“ค่ายกลนี้จะเปิดใช้งานหนึ่งวันในทุก ๆ เจ็ดวัน สามารถเข้าไปใช้งานได้ครั้งล่ะ 20 คน หนึ่งกลุ่มสามารถบ่มเพาะได้สองชั่วยาม.”จุนซ่างเซียวกล่าว.
“ติ๊ง!”
“ค่ายกลเปิดใช้งาน ใช้ 1 แต้มสนับสนุน.”
“ติ๊ง!”
“คะแนนสนับสนุนสำนัก : 69 / 100.”
ลู่เชียนเชียนที่ก้าวเข้าไปในค่ายกล ทันทีที่เข้ามาด้านในสัมผัสได้ว่าพลังวิญญาณด้านในนั้น มีมากกว่าปรกติถึงสองเท่า นางที่ลอบคิดในใจยากจะสงบใจได้ “เขาสามารถวางค่ายกลได้จริง ๆ!”
หลี่ชิงหยางเองก็ก้าวเข้ามาด้วยเช่นกัน พร้อมกับอุทานออกมาว่า “ไม่คาดคิดเลย เจ้าสำนักจะเป็นอาจารย์ค่ายกล ว้าว ๆ!”