Chapter 53 เชฟเหรียญทอง
จุนซ่างเซียวที่กินอาหารในภัตตาคารจันดร์ดารา จ่ายไปทั้งหมด 300 เงิน เขาไม่ได้รู้สึกว่าแพงแต่อย่างใด ต้องไม่ลืมว่าพวกเขากินจนหนำใจ จนไม่สามารถยัดอะไรลงไปได้อีกแล้ว.
“เจ้าสำนัก ที่สำนักมีอุปกรณ์ทำอาหารหรือไม่ เช่น กระทะ หม้อ หรือเตา?”
หลังจากออกมาจากภัตตาคาร หลิวหว่านซี่สอบถามออกไป.
“ก็อาจจะมีนะ.”จุนซ่างเซียวที่เอ่ย ด้วยท่าทางไม่แน่ใจ.
ตั้งแต่ข้ามมิติมา อาหารแต่ละมื้อที่มีกินบ้าง ไม่มีกินบ้าง ส่วนมากแล้วมักจะไปรบกวนป้าหวังหมู่บ้านชิงหยางซะส่วนใหญ่ และหลังจากกลับมาจากงานรับศิษย์ร้อยสำนัก หน้าที่ทำครัวก็ได้มอบให้กับหลี่ชิงหยางทั้งหมดเหมือนกัน.
"ประชาชนถือเรื่องอาหารการกินเป็นสิ่งสำคัญเท่าเทียมฟ้า"
(จีนมีสำนวนแต่โบราณกาลกล่าวว่า "หมินอี่สือเหวยเทียน“(民以食为天) แปลว่า”ประชาชนถือเรื่องอาหารการกินเป็นสิ่งสำคัญเท่าเทียมฟ้า")
หลิวหว่านซี่กล่าวอย่างจริงจัง “เรื่องกินไม่สามารถล้อเล่นได้ พวกเราจะต้องจัดเตรียมวัตถุดิบอุปกรณ์ให้พอเพียง.”
“ตกลง.”
จุนซ่างเซียวที่นำนางไปเลือกซื้ออุปกรณ์เครื่องครัว และยังมีวัตถุดิบและเครื่องปรุงต่าง ๆ อีกมากมาย.
เริ่มแรกเจ้าสำนักจุนสงสัยอยู่เล็กน้อย ทว่าขณะเห็นหลิวหว่านซีเลือกวัตถุดิบและอุปกรณ์ได้อย่างคุ้นเคย ก็ยอมรับว่านางนั้นทำอาหารเป็นจริง ๆ.
“ที่สำนักมีสวนผักไหม?”
“ไม่.”
“ที่สำนักมีเป็ดไก่ไหม?”
“ไม่.”
“ที่สำนักมีบ่อปลาไหม?”
“ไม่.”
หลิวหว่านซี่ที่หยุด ขยิบตาและเอ่ยกล่าวอกมาว่า “อะไรอะไรก็ไม่มี อ๋า เจ้าสำนักแล้วเหล่าศิษย์พี่พวกเขากินอะไรในแต่ละวัน?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “บางครั้งก็กินข้าว กินผักลวก บางทีก็มีก๋วยเตี๋ยวนะ แต่ไม่บ่อย.”
“หา?”
หลิวหว่านซี่ที่ดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
นางกล่าวเสียงสูงท้าวสะเอวและกล่าวออกมาว่า “การบ่มเพาะฝึกฝนทักษะยุทธ์ต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอถึงจะมีแรง!”
“ไม่ได้การ ไม่ได้การแล้ว.”
นางที่เดินหมุนรอบจุนซ่างเซียว พร้อมกับยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมา พร้อมกับเอ่ยออกมาว่า “หลังจากกลับสำนัก ข้าจะทำการปฏิวัติอาหารให้ดีขึ้นเอง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าเด็กชิงหยางเป็นคนทำอาหารทั้งหมดไม่ได้ใช้กระทะเลย เขาก็ผัดผักกับเกลือ พอกินได้บ้าง หากเจ้าสามารถยกระดับอาหารได้ ก็นับเป็นเรื่องดีอย่างแน่นอน.”
หลังจากที่หลิวหว่านซี่ครุ่นคิด ก็กล่าวออกมาว่า “ก่อนอื่นต้องซื้อเมล็ดผักและเป็ดไก่กลับไปด้วย.”
“ไม่จำเป็นต้องลังเลหากต้องการซื้ออะไร ข้าจะจ่ายให้เอง.”
......
ที่ด้านนอกเมืองชิงหยาง บนถนนหลัก.
รถลากที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ด้านในอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา.
“พรึด ซี่ พรึดซี่ ขลุกขลัก.”
แม่ไก่ แม่เป็ด ขนที่ปลิวว่อนฟุ้งอยู่ในห้องโดยสาร แม้แต่บนหน้าผากของเขายังมีขนเป็ดขนไก่ติดอยู่ด้วยซ้ำ.
แทบไม่มีที่นั่งเลยเว้ย?
บนห้องโดยสารที่มีอุปกรณ์วัตถุดิบเครื่องครัวยัดแน่น แทบจะนั่งได้ท่าเดียว ไม่มีโอกาสขยับเปลี่ยนท่าได้เลย!
หลิวหว่านซี่ที่กอดกระต่ายน้อย พร้อมกับลูบขนของมันเบา ๆ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนัก เป็ดไก่และสัตว์พวกนี้พวกเราจะต้องเลี้ยงมันให้โตก่อน.”
“ฮึ ฮึ.”
จุนซ่างเซียวที่ยิ้มแหย ๆ หน้าผากของเขาที่เต็มไปด้วยขนเป็ดขนไก่ รู้สึกราวกับมันติดแน่นจนแกะไม่ออกแล้ว มารดาเถอะ ยังต้องรอให้มันโตก่อนถึงเชือดได้อย่างงั้นรึ?!
......
ก่อนถึงพลบค่ำ.
จุนซ่างเซียวก็นำหลิวหว่านซี่พร้อมกับกลุ่มสัตว์กลับมาถึงหน้าสำนัก.
อย่างไรก็ตาม ขณะที่มาถึงด้านหน้าประตูสำนักไท่กู่เจิ้ง ก็มองเห็นชายคนหนึ่งที่สวมหมวกไม้ไผ่ สวมเสื้อคลุมหนายืนอุ้มดาบอย่างอหังการ.
แล้วใครว่ะนั่น?
“เจ้าสำนักกลับมาแล้ว!”
เทียนฉีที่วิ่งออกมาจากสำนัก ทันทีที่เห็นหลิวหว่านซี่ เขาก็จ้องมองไปยังเจ้าสำนัก ก่อนที่จะเอ่ยกล่าวออกมาทันที “เจ้าสำนัก ท่านไปยังหมู่บ้านชิงหยางนำอุจจาระกลับมาด้วยรึ?”
“ไปเลือกศิษย์น้องของเจ้าออกมา!”
จุนซ่างเซียวที่ชี้ไปยังฝูงเป็ดไก่ “ให้พวกเขา นำเป็ดไก่เข้าไปในลานสวนด้านใน.”
“ครับ!”
เทียนฉีที่เตรียมหันหลังกลับไปเรียกเหล่าศิษย์น้อง.
“เดี๋ยวก่อน.”
จุนซ่างเซียวที่ชี้ไปยังคนที่สวมหมวกไม้ไผ่ยืนอยู่ด้านหน้าประตู “เขาเป็นใคร?”
เทียนฉีที่ชะงักและเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนัก เขาบอกว่าชื่อ หม่าหยงหนิง เป็นมือดาบ เขามาที่นี่เพื่อที่จะประลองฝีมือกับท่าน.”
“ศิษย์บอกเขาแล้ว ท่านไม่อยู่ แต่เขาก็ยังจะรอ ตอนนี้เขายืนนิ่งมากว่าสี่ชั่วยามแล้ว และดูเหมือนว่าจะหลับไป.”
“ฟี่ ฟี่!”
เสียงกร่นที่ดังผ่านออกมาเบา ๆ.
จุนซ่างเซียวถึงกับมุมปากกระตุก “แม่งยืนรอจนหลับเลยอย่างงั้นรึ?”
“เอาล่ะรีบไป.”
เขาที่โบกมือเอ่ย “ไปเรียกคนมา.”
“ครับ!”
เทียนฉีที่วิ่งเข้าไปในสำนัก.
หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าศิษย์จำนวนมากก็ออกมา พร้อมกับนำเป็ดไก่เข้าไปยังสวนด้านใน พื้นทีรอบ ๆ ดูยุ่งวุ่นวายโกลาหลเป็นอย่างมาก มือดาบที่ยังยืนหลับแม้แต่กรนออกมาไม่หยุด.
จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมาเอ่ยออกมาว่า “ตู้ตู้ ตามมา.”
“อืม.”
หลิวหว่านซี่ที่ยืนเขย่งเท้า พร้อมกับก้าวเข้าไปในสำนักด้วยความตื่นเต้น.
ทันที่ที่นางเข้ามาถึงด้านในที่กว้างขวาง พื้นสำนักที่ถูกปูด้วยกระเบื้องแวววับ แม้แต่ตำหนักหลักยังสร้างขึ้นมาจากหินอ่อน นางที่กล่าวออกมาด้วยความอัศจรรย์ใจ “เจ้าสำนัก สำนักไท่กู่เจิ้งหรูหรามาก!”
......
หลังจากกลับเข้ามาในสำนัก จุนซ่างเซียวก็อาบน้ำชำระร่างกาย ก่อนที่จะออกมานั่งอยู่บนเก้าอี้ห้องโถงหลัก หลี่ชิงหยาง ลู่เชียนเชียนและศิษย์คนอื่น ๆ ก็กลับมาจากการทำภารกิจ.
เสี่ยวจุ้ยจื่อยังไม่กลับมา เพราะว่าเขาที่ต้องแบกอุจจาระรดผัก จำเป็นต้องทำความสะอาดร่างกายตัวเองก่อนเป็นเรื่องหลัก.
“เจ้าสำนัก.”
ซู่เสี่ยวโม่เอ่ย “ข้าพบเสี่ยวหวงแล้ว!”
“ไม่เลว.”จุนซ่างเซียวพยักหน้า.
ลู่เชียนเชียนที่อยู่หน้าประตู กล่าวออกมาเบา ๆ “ไม่มีอะไร ข้าขอตัวก่อน.”
“ช้าก่อน.”
จุนซ่างเซียวกล่าว ”ข้าไปยังเมืองชิงหยางมาในวันนี้ ได้นำเด็กสาวกลับมาด้วย ภายในลานสวนด้านในยังคงปรับปรุงอยู่ ข้าต้องการให้นางพักกับเจ้าก่อน.
“เด็กสาว?”
ลู่เชียนเชียนที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
“เคร้ง!”
กระบี่ยาวสามฉื่อที่ถูกชักออกมาจากฝักทันที นางที่เดินก้าววางกระบี่ไปที่คอของคนที่อยู่ด้านหลัง.
หลิวหว่านซี่ที่คาดไม่ถึงแม้แต่น้อยว่าฝ่ายตรงข้ามจะชักกระบี่ออกมา นางที่น้ำตาร่วงร้องไห้กล่าวออกมาว่า “เจี่ยเจี่ย...อย่าสังหารข้า...ข้าอาบน้ำแล้ว......”
“เชียนเชียน.”
จุนซ่างเซียวที่เร่งรีบกล่าวออกไปมา “วางกระบี่ของเจ้าลงซะ นางคือเด็กหญิงที่ข้าเอ่ยถึง.”
“โอ้ว อืม.”
ลู่เชียนเชียนที่กล่าวตอบรับ พร้อมกับเก็บกระบี่เข้าฝัก.
หลิวหว่านซี่ที่ก่อนหน้านี้ร้องไห้อยู่ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มแล้ว “เจี่ยเจี่ย ท่านช่างงดงาม ราวกับนางฟ้า!”
“ตู้ตู้.”
จุนซ่างเซียวโบกมือและกล่าวออกมาว่า “เข้ามา.”
“อืม.”
หลิวหว่านซี่ที่ก้าวเข้ามาในห้องโถง.
นางที่อาบน้ำเสร็จและเปลี่ยนชุดเป็นชุดผ้าแพรยาว ใบหน้าเล็ก ๆ ที่สะอาดประณีต ผิวกายไม่ต่างจากเด็กทารก ดูน่ารักน่าชังเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวกล่าว “นางมีนามว่าหลิวหว่านซี่ หรือเรียกนางว่าตู้ตู้ก็ได้ หลังจากนี้นางจะเป็นคนทำอาหาร....เป็นเชฟเหรียญทอง!”
หลี่ชิงหยางที่เต็มไปด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก.
เจ้าสำนักได้หาแม่ครัวมาแล้ว จากนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำอาหารแล้วใช่ไหม!
“ศิษย์พี่ทุกท่าน.”
หลิวหว่านซี่ที่โค้งกล่าวออกมาว่า “หลังจากนี้รบกวนทุกคนแล้ว.”
จุนซ่างเซียวกล่าว “ตู้ตู้ ข้าจะแนะนำทุกคนให้เจ้ารู้จักร ศิษย์พี่หญิงใหญ่ลู่เชียนเชียน นี่คือศิษย์พี่รองหลี่ชิงหยาง และนี่ศิษย์พี่สามซูเสี่ยวโม่......”
เขาที่แนะนำทีละคนทีละคน หลิวหว่านซี่ที่โค้งคำนับให้กับทุกคน ด้วยท่าทางสุภาพอ่อนน้อมเป็นอย่างมาก.
หลังจากที่แนะนำเสร็จ จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าวต่อว่า ”ลานสวนด้านในกำลังซ่อมปรับปรุงอยู่ ตอนนี้เจ้าพักที่ห้องเชียนเชียนก่อน.
“อืม.”
หลิวหว่านซีพยักหน้ารับ เผยยิ้มพราย.
หลี่ชิงหยางเอ่ย “เจ้าสำนัก ตอนนี้ยังให้ข้าทำอาหารอยู่หรือไม่?”
หลิวหว่านซี่ที่ยกมือสูง กล่าวขันอาสาทันที “ให้เป็นหน้าที่ข้าเอง!”
......
ที่ด้านซ้ายตำหนักหลักจะเป็นห้องครัว ซึ่งหลี่ชิงหยางได้ปรับปรุง ให้เป็นโรงอาหารสำนัก.
หลิวหว่านซีที่สวมผ้ากันเปื้อน พร้อมกับถือมีดทำครัว พร้อมกับเตรียมทำอาหาร.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางที่ยืนมองจากด้านนอก กล่าวเสียงเบา “ตู้ตู้อายุยังน้อยมาก ทำอาหารได้จริง ๆ รึ?”
จุนซ่างเซียวกล่าว “จากท่วงท่าจับมีดของนาง น่าจะเชี่ยวชาญมากกว่าเจ้าอีก.”
หลี่ชิงหยางที่รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที.
หลิวหว่านซี่ที่รวมสมาธิ ก่อนที่มีดทำครัวจะขยับ ฉับ ฉับ ฉับ ทันทีที่นางขยับมีด สามารถมองเห็นเป็นริ้วแสงราวกับปราณดาบ มันเคลื่อนที่เร็วเห็นเพียงลาง ๆ เท่านั้น.
“ยอดฝีมือ!”
จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางถึงกับอุทานด้วยความตกใจ.
ประกายแสง ของมีดที่กำลังหั่นผักอยู่นั้น หลิวหว่านซี่กำลังหั่นหอม หั่นวัตถุดิบทุกอย่างด้วยความชำนาญ และยังเต็มไปด้วยความเร็วสูง ชิ้นส่วนที่ถูกหั่นออกมาเท่ากันทุกชิ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ.
“ยอดฝีมือ ยอดฝีมือขั้นสูง!”
จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางดวงตาเบิกกว้างกลมโต.
หอมซอยและวัตถุดิบทุกอย่างถูกเตรียมพร้อมกันอย่างสมบูรณ์ด้วยความเร็ว!
นางเชี่ยวชาญในการใช้มีดมาก!
หลิวหว่านซือเริ่มติดไฟ และกล่าวออกมาว่า “วันนี้มันสายแล้ว ข้าคงทำได้แค่ข้าวผัดให้กับทุกคนกิน.”
“อืม อืม.”จุนซ่างเซียวที่พยักหน้ารับ.
หลังจากติดไฟในเตาของนางที่เริ่มวางกระทะ เจียวกระเทียม ผัดเนื้อ ก่อนที่จะเทข้าว ผัด กระบวนการทุกอย่างที่ไหลลื่น รวดเร็ว ไม่ติดขัดเลยแม้แต่น้อย.
ผ่านไปชั่วขณะ.
ข้าวผัดที่หอมหวนส่งกลิ่นยั่วน้ำลายถูกส่งออกมาจากครัว.
จุนซ่างเซียวและหลี่ชิงหยางที่ได้กลิ่น ถึงกับต้องกล่าวอุทานเสียงดัง “กลิ่นหอมมาก ว้าว ๆ !”