ตอนที่แล้วChapter 50 ดาบนี้ ของจริงหรือของปลอม?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 52 หลิวหว่านซี

Chapter 51 ฆ่าข้า ข้าจะฆ่ามัน


“พรึด ซี่!”

ศีรษะของเหว่ยอี้เล่อที่หมุนเคว้งหลุดออกจากลานยุทธ์ ใบหน้าที่กำลังตื่นเต้นดีใจ กำลังเปลี่ยนเป็นตื่นตะลึงเล็กน้อย.

ดีใจเก้อ.

ความเร็วของจุนซ่างเซียวน่าพรั่นพรึงเป็นอย่างมาก พริบตาเดียวก็หายไปจากครรลองสายตาแล้ว.

เพียงผู้ฝึกยุทธ์เขตแดนเปิดชีพจร มีความเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นใครก็ยากจะเชื่อได้.

ความคิดของเหว่ยอี้เล่อก่อนตายและหลังศีรษะขาดกระเด็นยังไม่หายไปด้วยซ้ำ ไม่แม้แต่รับรู้ถึงความเจ็บปวด.

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน.

หลังจากจุนซ่างเซียวสังหารเขาไปแล้ว ยังเอ่ยกล่าวออกมาว่า “อาวุโสเหว่ย ดาบนี้ เป็นของจริงหรือของปลอม?”

ดาบนี้ คือของจริง แท้แน่นอน!

ช่างน่าเสียดาย ที่เหว่ยอี้เล่อตายไปแล้ว ไม่ได้ยินอีกแล้ว ไม่สามารถตอบกลับได้อีกด้วย.

“กึก ตึก!”

ศพไร้ศีรษะคุกเข่าลงกอง จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นเสียงดัง โลหิตสาดกระเซ็นกลายเป็นบ่อโลหิต.

“น้องสาม!”

เหว่ยอี้ไลที่ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยวหดหู่ เขายากจะควบคุมความโกรธเอาไว้ได้ ก่อนที่จะนำหอกยาวของตัวเองออกมา พร้อมกับแผ่พุ่งระเบิดพลังวิญญาณ ผสานเข้าไปในหอกเหล็ก พุ่งโจมตีออกไปทันที.

“ซุม ฟิ้ว!”

หอกที่อัดแน่นไปด้วยพลังวิญญาณ แหวกอากาศออกมาด้วยความเร็วสูง.

จุนซ่างเซียวที่เผยยิ้มอย่างเย็นชา ก้าวเดินไปบนพื้น ลากดาบใหญ่ยักษ์เกิดเป็นลอยยาวเข้าหา ก่อนที่ร่างจะกลายเป็นเงาและหายไปอีกครั้ง.

เห็นชัดเจนว่าเขากำลังแสดงท่าเท้าออกมา ที่จริงขณะสังหารเหว่ยอี้เล่อนั้น เขาไม่ได้ใช้พลังสูงสุดออกไป เพราะว่าอยู่ต่อหน้าเจ้าเมืองเซี่ย จำเป็นต้องสร้างความตื่นตะลึงออกมาแค่เพียงเล็กน้อยก็พอ.

และสิ่งสำคัญที่สุด.

หากแสดงความเร็วเหนือล้ำสุด ๆ ออกมา ยังเหลือเหยื่ออีกหนึ่งคน คงไม่กล้าลงมือบุกสังหารเขาเป็นแน่.

“ตาย!”

ไม่ปล่อยโอกาสให้เสียเปล่า เหว่ยอี้ไลที่สร้างคลื่นหอกพุ่งออกมา เห็นเป็นปราณรูปมังกร พลังวิญญาณที่ระเบิดพุ่งออกมา ส่งเสียงดังสนั่นเป็นระยะ ๆ.

จิตสังหารที่รุนแรง กลิ่นอายสยบที่พร้อมจะมอบความตายให้กับฝ่ายตรงข้าม!

ท่าเท้าของจุนซ่างเซียวไม่ธรรมดา เขาควบคุมความเร็วให้อยู่ในระยะ พร้อมกับก้าวหลบเบี่ยงไปทางซ้าย และเหวี่ยงดาบสะบั้นมังกรเขียวกวาดม้วนออกไปทันที.

“ตูมมมมม!”

เหว่ยอี้ไลที่ดวงตาเบิกกว้าง ปลายหอกของเขาที่ถูดตัดหลุดลอยหมุนเคว้งบนพื้นก่อนที่จะปักลงไปบนพื้นไกล.

ไม่เหลือเวลาให้เสียดายอาวุธ เขาเร่งรีบถอยออกมา เพื่อหลบเลี่ยงระยะโจมตีของดาบที่กำลังจะเหวี่ยงมาอีก.

ตอนนี้หากถามเหว่ยอี้ไลว่าดาบสะบั้นมังกรเขียวคือของจริงหรือไม่? เขาต้องตอบว่า ใช่แน่นอน ต้องไม่ลืมว่าหอกยาวของเขาไม่ไช่อาวุธทั่วไป และยิ่งอาบไปด้วยพลังวิญญาณก็ยิ่งแข็งแกร่ง แต่กับถูกตัดขาดง่ายดายราวกับหยวกกล้วย!

จุนซ่างเซียวที่ดูเหมือนว่าจะไม่ยอมหยุดเท่านั้น เขายังคงก้าวล้ำเข้าไปอีกก้าว ใบดาบ ไม่หยุดแค่นั้น มันถูกสะบัดลอยเฉียงตามแรงขึ้นมาจากล่างขึ้นบนกวาดออกไปอย่างรวดเร็ว.

“ไม่ได้การแล้ว!”

เหว่ยอี้ไลที่สัมผัสได้ถึงความตายที่คุกคาม.

ทว่าก็ได้แค่คิดเท่านั้น ก่อนที่จะขยับหลบ ศีรษะก็หลุดลอยออกจากร่างของตัวเองไปแล้ว.

“พรึด ซี่!”

ศีรษะของเหว่ยอี้ไลที่ร่วงหล่นลงบนพื้น ใบหน้าของเขาที่ยังคงเผยความดุร้ายอยู่ ชัดเจนว่าก่อนตาย ยังไม่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดด้วยซ้ำ.

จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่ด้านหน้าศพไร้หัว โลหิตที่พุ่งปุด ๆออกจากร่างไร้ชีวิตที่ยืนเป็นตาน้ำ เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อยากสังหารข้า มันต้องตาย.”

เพียงแค่คำพูดง่าย ๆ แต่เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารรุนแรง จนทำให้สัมผัสได้ถึงความมืดมน.

เจ้าเมืองเซี่ยที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้องโถง ใบหน้าท่าทางถึงกับแข็งค้าง เห็นชัดเจนว่านี่มันเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาได้ อาวุโสสำนักหลิงชวนทั้งสองมีระดับศิษย์ยุทธ์ ถูกจุนซ่างเซียวสังหารเพียงแค่การฟันครั้งเดียวเท่านั้น

“ท่านเจ้าเมือง ตามที่ผู้ใต้บังคับบัญชาได้ตรวจสอบ โจวเทียนป้าและเหล่าโจรภูเขากว่าสองร้อยคนที่ตายไปนั้น พวกเขาเกือบทั้งหมดถูกกุดหัวด้วยดาบที่แหลมคมมาก ๆเพียงแค่การฟันครั้งเดียวทั้งหมด.”

เขายังคงจดจำได้เกี่ยวกับรายงานของผู้ใต้บังคับบัญชา เจ้าเมืองเซี่ยได้แต่ลอบคิดในใจ “บางที คงเป็นความจริงที่เขาเป็นคนทำลายค่ายโจรวายุทมิฬอย่างงั้นรึ?”

“พรึด ตึก!”

ศพไร้หัวของเหว่ยอี้ไลที่ล้มลงกับพื้น โลหิตที่สาดกระจายเป็นแอ่งโลหิตเปื้อนไปทั่วบนพื้นรอบ ๆ.

จุนซ่างเซียวที่เก็บดาบดังกล่าวเข้าไปไว้ในแหวนเก็บของ “ขออภัย ทำให้โลหิตของทั้งสองเปื้อนลานยุทธ์ของท่านไปแล้ว.”

“เจ้าสำนักจุน.”

เจ้าเมืองเซี่ยที่กล่าวด้วยความอยากรู้ “ท่าเท้าก่อนหน้านี้ที่ท่านใช้นั่น คาดไม่ถึงเลยว่ามันจะลึกล้ำนัก มันคือวิชาอะไรรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ก้าวลวงตา.”

“ก้าวลวงตา? ไม่เคยได้ยินมาก่อน.”

เจ้าเมืองเซี่ยที่ครุ่นคิดไปมา แม้แต่ไม่สนใจความตายของสองพี่น้องเหว่ยทั้งสองเลย.

กระบี่ไม่มีตา ความหยิ่งผยองของพวกเขาทำให้ตายไป.

ก่อนการต่อสู้ ชัดเจนว่าพวกเขาเจตนาที่จะสังหารอีกฝ่ายอยู่แล้ว.

ส่วนจุนซ่างเซียวรางวัลก็รับมาแล้ว แม้แต่ได้สังหารศัตรูที่อยู่เบื้องหลังได้อีกด้วย จุนซ่างเซียวยกมือประสาน “เจ้าเมืองเซี่ย ในสำนักยังมีเรื่องต้องจัดการ จุนโหมวคงต้องขอตัวก่อน.”

เจ้าเมืองเซี่ยจ้องมองร่างสองพี่น้องเหว่ย พร้อมกับกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักจุนสังหารอาวุโสสองคนของสำนักหลิงชวน ย่อมต้องสร้างความแค้นขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัย.”

“พวกเขาหาเรื่องข้าก่อน.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

เจ้าเมืองเซี่ยส่ายหน้าไปมา “สำนักหลิงชวนนั้นมีนิกายเซิ่งชวนอยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้คงไม่จบง่าย ๆ แน่.”

จุนซ่างเซียวยักไหล่ กล่าวอย่างไม่แยแส “จุนโหมวไม่ใช่คนที่จะกลัวปัญหา หากพวกเขากล้าหาเรื่องข้า ข้าก็จะคืนกลับไปเท่านั้น ตาต่อตาฟันต่อฟัน.”

คำพูดที่หนักแน่นและแผ่จิตสังหารที่รุนแรงออกมา.

“ขอลา.”

จุนซ่างเซียวยกมือขึ้นประสานอก ก่อนที่จะหันหน้ากลับหลังและจากไป.

เจ้าเมืองเซี่ยที่จ้องมองเขาจากไป พลางสีคางไปมา “เจ้าหนูนี่ เอาแน่เอานอนไม่ได้จริง ๆ.”

“ด้วยก้าวลวงตาก่อนหน้านี้ กับอาวุธระดับสูง การจะทำลายค่ายวายุทมิฬก็มีความเป็นไปได้สูง.”

ทำไมภารกิจสนับสนุนของจุนซ่างเซียวสำเร็จก่อนหน้านี้นะรึ?

ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าเมืองเซี่ยเชื่อเรื่องราวโม้เล่นใหญ่ของเขา ทว่าเขาจำดาบสะบั้นมังกรได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่มีเรื่องให้ต้องครุ่นคิดอยู่นั่นเอง.

แรกเริ่มนั้น เจ้าเมืองเชื่อว่าจุนซ่างเซียวเพียงคนเดียวเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายค่ายโจร เพียงแค่คนเดียวที่แหวกบุกเข้าไปในค่ายโจร ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่.

จากนั้นเขาก็ยังคาดเดาความเป็นไปได้ต่าง ๆ.

การกำจัดค่ายโจรวายุทมิฬในครั้งนี้ จุนซ่างเซียวต้องอยู่ในเหตุการณ์ การสังหารใหญ่ ต้องมีใครสักคนที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัว ไปกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย!

เมื่อเริ่มมั่นใจในการคาดเดา ภารกิจสนับสนุนของจุนซ่างเซียวจึงเสร็จสมบูรณ์นั่นเอง.

ทว่าตอนนี้เมื่อเขาเห็นจุนซ่างเซียวใช้ก้าวลวงตา เขาก็เปลี่ยนความคิดอีกครั้ง เริ่มมั่นใจว่า โจรภูเขาคงถูกเขาทำลายไปด้วยตัวคนเดียวเป็นแน่.

“เด็กคนนี้.”

เจ้าเมืองเซี่ยที่ส่ายหน้าไปมาเผยรอยยิ้ม กล่าวออกมาเสียงเบา “ไม่ต้องการเผยความแข็งแกร่ง แม้แต่แต่งเรื่องภูตวิญญาณบรรพบุรุษประทับร่าง นี่เขาคิดว่า เจ้าเมืองเป็นเด็กสามขวบตั้งแต่เมื่อใด.”

“แต่ในทางตรงข้าม.”

“กับท่าเท้าที่ลึกล้ำนั่น มีความเป็นไปได้สูงที่สำนักเขาจะเป็นนิกายโบราณ บางทีเรื่องทั้งหมดอาจจะไม่ได้เป็นเท็จทั้งหมดก็ได้.”

“เฮ้อ.”

ทั้งจริงทั้งเท็จจนแทบแยกกันไม่ออก.

หากแต่เขาก็ไม่ควรที่จะประมาทเชาว์ปัญญาของเจ้าเมืองเซี่ยเลย.

อย่างไรก็ตามด้วยความเร็วที่เกินจะคาดเดาก่อนหน้านี้ กับท่าเท้าที่ร้ายกาจลึกล้ำ ไม่เคยมีใครเคยได้ยินชื่อมันมาก่อน หากไม่ได้มาจากนิกายที่ยิ่งใหญ่ก็ยากจะมีคนเชื่อได้อย่างแน่นอน.

ลู่เชียนเชียนก่อนหน้านี้ที่ได้ฝึกฝนวิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น นางก็แอบคาดเดาและเชื่ออย่างหมดใจว่าสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นสืบทอดมาจากนิกายโบราณ.

“ไม่ว่าอย่างไร.”

“การหาเรื่องเจ้าหนูนี้ ก็ไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน.”

เจ้าเมืองเซี่ยไม่ได้รู้สึกกลัวจุนซ่างเซียว เพียงแต่เขาสงสัย หากว่าสำนักไท่กู่เจิ้งเป็นสำนักสืบทอดมาจากนิกายโบราณ เขาจะสามารถเติบโต กลับมารุ่งโรจน์ได้หรือไม่?

......

หลังจากที่จุนซ่างเซียวออกจากตำหนักเจ้าเมืองแล้ว เขาไม่ได้ออกจากเมืองในทันที ทว่าเขาไปยังร้านค้าเพื่อแลกเปลี่ยนอัญมณีและหยกที่ได้มาจากค่ายวายุทมิฬให้เป็นตั๋วเงิน.

ตั้งแต่แรกแล้ว จากการคำนวนของมีค่าทั้งหมด เขาประเมินว่ามีราคาราว ๆ หนึ่งหมื่นเงิน หากแต่หลังแลกเปลี่ยนแล้ว เขากับสามารถทำเงินมาได้มากถึงสามหมื่นเงิน.

นอกจากเหล่าอัญมณีและหยกที่ถูกขายไป ในแหวนมิติของเขายังมีทองคำอีกจำนวนมาก.

จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดอยู่ในใจ “นับรวมรางวัลที่ได้มาจากตำหนักเจ้าเมือง ตอนนี้ข้าควรจะมีทรัพย์สินราว ๆ ห้าหมื่นเงินแล้ว.”

กับตระกูลใหญ่อันทรงเกียรติเงินห้าหมื่นเงินอาจจะไม่นับว่ามีอะไร ทว่ากับสำนักยากจนเช่นสำนักไท่กู่เจิ้ง มันกลับเป็นเงินจำนวนมหาศาลทีเดียว.

“ฮ่าฮ่าฮ่า ๆ”

หลังจากออกมาจากร้านแลกเปลี่ยน จุนซ่างเซียวก็ยกมือขึ้น หัวเราะเบา ๆ “เป็นคนรวยนี้มันยอดเยี่ยมจริง ๆ.”

“ฟิ้ว!”

ในเวลานั้นมีเด็กสาวคนหนึ่งที่รีบเร่งหวาดผวา วิ่งผ่านเฉียดเขาไปจนแทบจะชนเขาแล้ว.

จุนซ่างเซียวที่ปัดเสื้อผ้าของตัวเอง พบว่าไม่มีอะไรเสียหาย เอ่ยกล่าวออกมาว่า “วิ่งเร็วปานนี้ รีบไปเกิดใหม่รึไง.”

“กึก!”

หญิงสาวที่ยั้งเท้าก่อนที่จะหันหลังกลับมา ใบหน้าที่เผยความตื่นเต้นดีใจ “เจ้าสำนักจุน!”

จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าว “หืม! เจ้ารู้จักข้าด้วยรึ?”

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

ในเวลานั้น มีผู้ฝึกยุทธ์ที่ดูน่าเกรงขามวิ่งตัดผ่านถนนมา ล้อมรอบคนทั้งสองทันที ชายร่างกำยำ หัวหน้ากลุ่มคำรามออกมาเสียงดัง “มารดาเถอะ คิดจะให้เหล่าจื่อวิ่งไล่......”

เสียงของเขาที่หยุดลงแทบจะในทันที!

เพราะเวลานี้มีดาบยาวได้วางบนไหล่เขา คมดาบที่อยู่ห่างจากลำคอนิดเดียว.

จุนซ่างเซียวถือดาบ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “สหาย พูดจาให้สุภาพด้วย พวกเจ้าควรจะปฏิบัติตัวให้ดีต่อหน้าเด็ก สตรีและคนชรา.”

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด