Chapter 39 อ้ายโจว ถูกทุบ?
เท้าของเจ้าสำนักจุนนั้นเร็วมาก ชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหราถูกกระแทกกลิ้งออกไป.
“นายน้อย!”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาที่เร่งรีบวิ่งตามไปด้วยท่าทางหวาดผวา ก่อนที่จะเข้าไปพยุงร่างชายหนุ่ม คนดังกล่าวขึ้นยืน เวลานี้มีรอยเท้าที่ใบหน้าด้านขวาของเขา เห็นชัดเจนว่าการเตะก่อนหน้านี้รุนแรงมาก.
ชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหรา ยกมือกุมหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ “แก...แกกล้าทำร้ายข้า!”
“ไอ้หนู แกสร้างปัญหาใหญ่แล้ว!”
“เจ้านายของพวกเราคือนายน้อยสามของตระกูลอ้าย เจ้าทำร้ายเขาก็เท่ากับทำร้ายตระกูลอ้าย!”
“สำนักไท่กู่เจิ้ง รอเลย....พวกแกต้องถูกทำลายทั้งสำนักแน่!”
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่ชี้หน้าด่าออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว.
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ต้องรีบหุบปากอย่างรวดเร็ว เพราะว่าเวลานี้มีศิษย์จำนวนมากของสำนักไท่กู่เจิ้งออกมายืนอยู่ด้านหลังของจุนซ่างเซียวจำนวนมาก.
นายน้อยสามตระกูลอ้ายรวมผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาแล้วมีไม่กี่คนเท่านั้น.
ต่อหน้าเจ้าสำนักจุนและลูกศิษย์กว่าร้อยคน ไม่ต้องบอกเลยว่าจะจบอย่างไร.
อีกอย่างกลุ่มคนเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะมีความแข็งแกร่งไม่เลวเหมือนกัน ยิ่งมีจำนวนมากก็ยิ่งทรงพลังกว่าฝั่งของพวกเขามากเป็นธรรมดา!
เทียบความแข็งแกร่ง พวกเขาไม่ได้เหนือกว่าเลย.
เทียบจำนวน? พวกเจ้าก็ไม่ได้เหนือกว่าอีก.
“ตระกูลอ้าย?”จุนซ่างเซียวที่กอดอก กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ร้ายกาจขนาดนั้นเลยรึ? กล้าที่จะทำลายสำนักไท่กู่เจิ้งของข้าเลยรึ?”
หลี่ชิงหยางที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยอธิบาย “เจ้าสำนัก ตระกูลอ้ายนั้นเป็นตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงของเมืองฮู่หยาง.”
เมืองฮู่หยาง?
จุนซ่างเซียวได้ยินมาบ้างเช่นกัน ในมนทลชิงหยางนั้นมีเมืองใหญ่แปดเมือง เมืองฮู่หยางที่อยู่ใกล้เคียงกับเมืองชิงหยางเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุด ทำให้ มีตระกูลและสำนักอยู่มากมาย.
หลี่ชิงหยางที่กล่าวต่ออีก “ตระกูลอ้ายนั้นทำธุรกิจขายยาในเมืองฮู่หยางมาหลายชั่วอายุคน มีสำนักมากมายเป็นลูกค้าประจำ มีการเงินที่มั่นคง และเป็นที่รู้จักกับคนจำนวนมาก มีอำนาจไม่ได้ด้อยกว่าตระกูลของข้าเลย.”
“แท้จริงก็เป็นคนขายยาอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวที่สีจมูกไปมา.
หลี่ชิงหยางกล่าวต่อ “คนผู้นี้มีนามว่าอ้ายโจว เป็นบุตรของประมุขตระกูลอ้าย เป็นผู้สืบทอดลำดับสาม ภายในตระกูลเป็นคนที่เสเพลไปวัน ๆ ในมนทลชิงหยางแห่งนี้ มีชื่อเสียงถูกเรียกว่าเป็นนายน้อยเจ้าสำราญ ไม่มีใครไม่รู้จัก”
“อ้ายโจว?”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “ได้ยินชื่อแล้วมันชวนให้กระทืบจริง ๆ.”
“......”
หลี่ชิงหยางถึงกับพูดไม่ออก.
เขาให้ข้อมูลเจ้าสำนักมากมาย ไม่ต้องการให้เจ้าสำนักหาเรื่องอีกฝ่าย เพราะชายคนนี้มีสถานะที่ไม่ธรรมดานั่นเอง.
อ้ายโจวที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก คำรามออกมาเสียงดัง “ไอ้หนู รีบเรียกเจ้าสำนักของแกออกมาซะ รีบออกมาขอโทษนายน้อยผู้นี้ เดี๋ยวนี้!!!!”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม่ต้องตะโกน เจ้าสำนักอยู่นี่แล้ว.”
เขากล่าวพลางสะบัดแขนเสื้อ มือทั้งสองข้างไขว้หลัง.พร้อมกับยืนยืดอก.
เขาที่แสดงท่าทางเหมือนกับนายแบบ ดูเด่นสะดุดตา.
“ที่นี่?”
อ้ายโจวที่ตกใจ จ้องมองไปยังหลี่ชิงหยาง จากนั้นก็เอ่ยกล่าวด้วยความโกรธ “แท้จริงเจ้าก็คือเจ้าสำนักนี่เอง รีบขอโทษนายน้อยผู้นี้ซะ!”
หลี่ชิงหยางที่มุมปากกระตุก ก่อนที่จะถอยหลังสองก้าว แววตาจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียว คล้ายกับบอกว่าคนด้านหน้าต่างหาก คือเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเรา.
“ไม่ใช่อย่างงั้นรึ?”
เห็นหลี่ชิงหยางถอยหลัง อ้ายโจวก็รู้แล้วว่าตัวเองเดาผิด เขาที่กวาดตามองไปยังศิษย์ทุกคนราวกับต้องการหาว่าใครคือเจ้าสำนัก ก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง คิดว่าซ่อนตัวแล้ว นายน้อยผู้นี้จะให้อภัยอย่างงั้นรึ?!”
หลี่ชิงหยาง “......”
ศิษย์คนอื่น ๆ“......”
ทุกคนต่างก็ครุ่นคิด ไอ้บ้านี้มันโง่อย่างงั้นรึ? เจ้าสำนักแสดงตัวยืนยืดอกอยู่ด้านหน้าตั้งนานแล้วยังไม่เห็นอีก
จุนซ่างเซียวที่ถูกเมิน โดนมองข้าม ใบหน้าที่เริ่มกระตุก โกรธเกรี้ยวมากขึ้นและก็มากขึ้น ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถทนได้ คำรามออกมาเสียงดัง “มารดาเถอะ พวกเจ้า โง่รึอย่างไรกัน? เหล่าจื่อยืนอยู่ด้านหน้าตั้งนานแล้ว ตาบอดรึอย่างไร ถึงมองไม่เห็น!”
“ตึก! ตึก!”
ระหว่างที่กล่าว ก็ก้าวเข้าไปหาด้วยความโกรธ.
เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของอีกฝ่ายเร่งรีบออกมาขวางนายน้อย พร้อมกับยกมือตั้งท่า เตรียมพร้อมต่อสู้ แต่กับเอ่ยเสียงสั่น “ข้าขอเตือน...อย่านะ ...เจ้า...”
“ไปให้พ้น!”จนซ่างเซียว เท้าเขาได้กระแทกถีบออกไปยังเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของอ้ายโจวลอยกระเด็น ก่อนที่จะไปหยุดที่หน้าของอ้ายโจว กระชากคอเสื้อ จดจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา “ไอ้หนู ฟังให้ชัด เปิ่นจั้วคือเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง!”
เสียงคำรามที่ต่ำและลึก เปี่ยมไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรงไหลรั่วออกมา.
อ้ายโจวที่หนังหัวชาหนึบสั่นสะท้านไปทั้งร่าง หลั่งเหงื่อชโลมไปทั่วร่าง จนไม่กล้าขยับ.
ผู้ใต้บังคับบัญชาที่พยุงแขนของเขา ต่างก็ตื่นตระหนกหวาดกลัวหลั่งเหงื่อที่เย็นเยือบออกมาเช่นกัน.
จุนซ่างเซียวที่เคยสังหารโจรภูเขาจำนวนมากมาแล้ว โดยปรกติจะไม่ได้แผ่จิตสังหารออกมา ทว่าเมื่อปลดปล่อยมันออกมา ย่อมเป็นจิตสังหารที่รุนแรงเป็นอย่างมาก กับคุณชายเสเพล มีรึ? ที่จะสามารถทนได้.
“ไม่ได้ยินรึ?!”จุนซ่างเซียวคำรามด้วยความโกรธ.
เสียงคำรามดังลั่น แม้แต่หลี่ชิงหยางและลูกศิษย์คนอื่น ๆยังตกใจ ทว่าคำพูดดังกล่าวก็ดังวนก้องอยู่ในหูของอ้ายโจว เวลานี้ เขาหวาดกลัว ใบหน้าซีดเซียว ปากสั่นตัวสั่น แทบจะร้องไห้ออกมา “ได้...ได้ยิน!”
จุนซ่างเซียวที่ชี้ไปทางบันได คำรามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไสหัวไปให้พ้น.”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาตระกูลอ้าย ที่ได้สติเร่งรีบปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา พร้อมกับนำอ้ายโจวหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ไม่แม้แต่มองหันหลังกลับมา.
จิตสังหารของจุนซ่างเซียวยังไม่หายไปสมบูรณ์ ก่อนที่จะหันกลับมา.
เหล่าศิษย์ที่จ้องมองหน้ากันและกัน แม้แต่หวาดผวาถอยกลับไปก้าวหนึ่ง.
“เจ้าสำนัก......”
หลี่ชิงหยางที่กล่าวเสียงอ่อน “ท่านเป็นไรหรือไม่?”
จุนซ่างเซียวที่เดินเข้ามา จิตสังหารที่ค่อย ๆ หายไปช้า ๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเอง กล่าวโอดครวญออกมา “เปิ่นจั้วดูไม่เหมือนเจ้าสำนักอย่างงั้นรึ?”
หลี่ชิงหยางที่เผยท่าทางเห็นใจ.
ศิษย์คนอื่น ๆที่ราวกับเข้าใจอารมณ์ของเจ้าสำนักได้เช่นกัน.
“ฮึ.”
ลู่เชียนเชียนที่เวลานี้อยู่ใต้ต้นไม้ กวาดตามองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่บนพื้น เอ่ยออกมาเบา ๆ “คนผู้นี้ถูกซ้อมอย่างหนักหน่วง หากไม่รีบรักษาเวลานี้ คงตายไปในไม่ช้า.”
......
สำนักไท่กู่เจิ้ง หอยา.
ภายในหอนั้นไม่มีอุปกรณ์รักษา ไม่มียา เวลานี้มีเพียงเตียงเปล่า ๆ ถึงจะเรียกหอยา ทว่าก็ยังไม่เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ.
ต้องไม่ลืมว่า สำนักเวลานี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนา ตอนนี้ต้องซ่อมแซมและสร้างสวนด้านนอกและลานส่วนด้านใน ซึ่งรายการถัดไปถึงจะเป็นหอยา หอฝึกฝน และหอตำรา.
ไม่สามารถเร่งรีบได้.
การยกระดับสำนักต้องค่อยเป็นค่อยไป การจะสร้างทุกอย่างให้เสร็จทันที ไม่ใช่งานง่าย ต้องใช้เวลาสักหน่อย.
“เจ้าสำนัก.”
หลังจากตรวจสอบร่างกาย หลี่ชิงหยางเอ่ยออกมาว่า ”กระดูกซี่โครงหักแปดซี่ อาการบาดเจ็บภายในรุนแรงมาก สถานการณ์เวลานี้ไม่ดีนัก จำเป็นต้องรักษาอย่างเร่งด่วน.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากไปเชิญหมอจากในเมืองมาจะทันเวลาหรือไม่?”
หลี่ชิงหยางที่ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า “เขาบาดเจ็บสาหัสมาก หมอทั่วไปยากจะรักษา เว้นแต่......”
“เว้นแต่อะไร?”
“เว้นแต่ได้รับเม็ดยาโบราณที่ท่านคอยช่วยข้า ถึงจะสามารถช่วยเขาให้ปลอดภัยได้.”
เขายังจำอาการบาดเจ็บหนักของเขาได้ หากไม่เพราะยาฟื้นฟูของเจ้าสำนัก เขาก็ยากจะรอดชีวิตเช่นเดียวกัน.
“เรื่องนี้......”
จุนซ่างเซียวที่ดูลังเล.
ลู่เชียนเชียนที่ก้าวเข้ามาจากประตูด้านนอกและเอ่ยออกมาว่า “เม็ดยาที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ในทันที เจ้าคิดว่ามันเป็นน้ำตาลที่หาได้ง่าย ๆ รึไง?”
“ก็ใช่.”
หลี่ชิงหยางที่จ้องมองไปยังผู้เยาว์คนดังกล่าว ที่เป็นไปด้วยรอยฟกช้ำเขียวไปหมด ส่ายหน้าไปมาและเอ่ยออกมาว่า ”เจ้าสำนัก เขาน่าจะทนได้อีกสักสองชั่วยาม.
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา เอ่ยออกมาว่า “ข้ามีเม็ดยานั้นก็จริง พวกเจ้าลองบอกสิว่าตอนนี้ข้าควรช่วย หรือไม่ควรช่วยดี?”
“ช่วย!”
“ไม่ช่วย!”