Chapter 38 ภายในห้องโถง.
จุนซ่างเซียวที่นั่งลงบนเก้าอี้ที่สลักมาจากต้นหนานมู่พันปี ครุ่นคิด ไม่เอ่ยอะไรออกมาอยู่นานเหมือนกัน.
(**หนานมู่ คือชื่อเรียกตระกูลไม้ขนาดใหญ่ที่หายากที่สุดในจำนวนไม้ทั้งหมด เป็นไม้ที่ใช้อย่างแพร่หลายในการสร้างพระราชวัง ในยุคราชวงศ์หมิงและชิงตอนต้น**)
คำพูดของลู่เชียนเชียนก่อนหน้านี้ ทำให้เขาตระหนักได้ว่า พลังบ่มเพาะของเขา ก็มีเพียงเท่านี้ เวลานี้สำนักมีเพียงแค่วิชาบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น มันยังไม่พอ ที่จะทำให้สำนักไท่กู่เจิ้งแข็งแกร่ง นี่ถึงกับฝันที่จะมีอำนาจทั่วทวีปเลยรึ?
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่สูดหายใจลึก ก่อนที่จะเปิดคอนโซนร้านค้ามือใหม่ทันที.
เขาที่เลื่อนรายการไปเรื่อย ๆ และไปหยุดที่ “เม็ดยารวมวิญญาณ” ก่อนที่จะแตะเปิดดูรายระเอียด.
“สินค้า : ยารวมวิญญาณ.”
“ผล : หลังจากผู้ฝึกยุทธ์ใช้ จะสามารถเพิ่มการควบรวมพลังวิญญาณ 5 เท่าอย่างรวดเร็ว. หมายเหตุ: จำกัดเพียงเจ้าสำนัก.”
“ประสิทธิภาพ : 24 ชั่วโมง.”
“ราคา : 10 แต้มสนับสนุน.”
จงซ่างเซียวเอ่ย : “ยกระดับรวบรวมพลังวิญญาณ 5 เท่า นี่เป็นสินค้าช่วยบ่มเพาะนี่นา!”
ด้วยพรสวรรค์ระดับสามัญ และวิชาบ่มเพาะระดับเทวะ สองวันสามารถรวมพลังวิญญาณให้มากพอเพื่อทะลวงชีพจรได้ หากเพิ่มเป็นห้าเท่า เวลาก็จะเร็วขึ้นอีกมาก.
“ซื้อ!”
จุนซ่างเซียวที่ตัดสินใจซื้ออย่างไม่ลังเล.
“ติ้ง!”
“โฮสน์ใช้ 10 แต้มสนับสนุน ได้รับเม็ดยารวมวิญญาณ ถูกส่งเข้าไปในแหวนมิติแล้ว.”
“ติ้ง!”
“คะแนนสนับสนุนสำนัก: 40 / 100.”
เสียงที่ดังขึ้นในหูไม่หยุด จุนซ่างเซียวนำเม็ดยารวมวิญญาณออกมา ซึ่งอยู่ในขวดยา มีน้ำยาสีแดงอยู่ด้านใน.
จุนซ่างเซียวเปิดขวดพร้อมกับดื่มกินลงท้องทันที เห็นชัดเจนว่าเขาทนรอไม่ไหวแล้ว.
จุนซ่างเซียวที่นั่งสมาธิบนเก้าอี้ พร้อมกับโคจรวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น ด้วยการโคจรวิชาได้อย่างครบถ้วน พลังวิญญาณมากมายกำลังถูกสูบเข้ามา ไหลบ่าดูดซับอย่างบ้าคลั่ง.
เมื่อวานเจ้าจ้องมองข้าด้วยแววตาเย็นชา วันนี้ข้าจะทำให้พูดไม่ออกเลย.
นี่คือความภาคภูมิใจของชาวยุทธ์ เจ้าสำนักจุนเริ่มดูดซับพลังวิญญาณอย่างตั้งใจ เพียงแค่สองชั่วยาม ก็มีพลังวิญญาณเพียงพอที่จะทะลวงชีพจรแล้ว.
จากเดิมที่ต้องใช้เวลาสองวัน ในการทะลวงชีพจร ตอนนี้ใช้เวลาเพียงสองชั่วยาม เม็ดยารวมวิญญาณมีผลที่ร้ายกาจจริง ๆ.
“ทะลวง.”
จุนซ่างเซียวกล่าว.
ท้ายที่สุด ก็ล้มเหลวเป็นครั้งที่สาม.
“อีกครั้ง!”
หลังจากนั้นอีกสองชั่วยามก็รวมพลังวิญญาณเพื่อทะลวงเส้นชีพจรอีกครั้ง และครั้งที่สี่ก็ยังคงล้มเหลวในการทะลวงชีพจรเส้นที่ 11 และยังคงดำเนินต่อไปอีกครั้ง และก็อีกครั้ง เมื่อถึงครั้งห้า เขาก็สามารถทะลวงผ่านได้อย่างราบรื่น.
กับการยืนกรานเพื่อที่จะทะลวงผ่านระดับให้ได้ ถึงกับทำให้เขาเข่าอ่อนนั่งหายใจหอบบนเก้าอี้ “โอกาสสำเร็จเพิ่มขึ้น 50% ต้องพยายามถึงห้าครั้งถึงสำเร็จ เฮ้ย ๆ เล่นเอาข้าเกือบหน้ามืด.”
......
ด้วยการไม่หวังพึ่งระบบ พยายามอย่างหนักเพื่อทะลวงชีพจรด้วยตัวเอง ท้ายที่สุดจุนซ่างเซียวก็ทำไม่สำเร็จ และจบลงด้วยการใช้เม็ดยารวมวิญญาณเพื่อเปิดชีพจรไปยังขั้นที่ 11.
ข้าไม่ควรที่จะต่อต้าน ควรจะก้าวไปตามครรลองที่ควรจะเป็น ในเมื่อสวรรค์มอบระบบให้กับข้า เพื่อให้ข้ายกระดับพลังบ่มเพาะด้วยสินค้าอย่างรวดเร็ว ก็ไม่จำเป็นต้องใช้สมองให้มันวุ่นวาย.
จุนซ่างเซียวที่เปิดคอนโซนระบบอีกครั้ง ตรวจสอบสินค้าที่ยังไม่ดูให้ระเอียดอีกครั้ง.
เป็นความจริง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้เร็วที่สุด ด้วยคำพูดของลู่เชียนเชียนก่อนหน้านี้ ทำให้เขาคิดได้ เขาไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ์พเนจร เขาคือเจ้าสำนัก ไม่ได้มีเวลามากมายที่สามารถใช้ไปกับการบ่มเพาะอย่างเดียว เขายังต้องนำพาสำนักให้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย.
ต้องขยันหมั่นเพียรอย่างงั้นรึ?
นั่นมันก็แค่คำพูดที่สวยหรู มันขึ้นกับการมองสถานะการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละแบบต่างหาก.
จุนซ่างเซียวเปิดร้านค้าระบบ รายการ“เม็ดยารวมวิญญาณ”เวลานี้กลายเป็นสีเทาแล้ว และมีคำอธิบายเพิ่ม“สามารถซื้อได้เพียงแค่เดือนละหนึ่งขวดเท่านั้น.”
เขาที่ส่ายหน้าไปมา “หากสามารถซื้อได้อย่างไม่มีขีดจำกัด รวมพลังวิญญาณได้มากกว่าเดิมห้าเท่าในทุกวัน ความเร็วในการบ่มเพาะของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แม้แต่ก้าวไปถึงระดับราชันย์ยุทธ์ในเวลาไม่นานอย่างไม่ต้องสงสัย.”
เป็นราชันย์ยุทธ์ด้วยการโกง ช่างเป็นคนที่หน้าไม่อายจริง ๆ.
“คำพูดนั่น......”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “ใต้คำอธิบายผลของมัน มีหมายเหตุว่าใช้ได้เพียงเจ้าสำนัก แล้วยาสำหรับศิษย์ล่ะ?”
ขณะที่เขากำลังค้นหาสินค้าอื่น ๆ สายตาของเขาก็ได้พบเข้ากับสิ่งที่น่าสนใจเข้า ค่ายกลรวมวิญญาณระดับสามัญขั้นต้น สำหรับศิษย์.
ด้วยรายระเอียดภารกิจแนะนำ.
“สินค้า : ค่ายกลรวมวิญญาณสามัญขั้นต้นสำหรับศิษย์.”
“ผล เมื่อปักลงบนพื้น จะสร้างพื้นที่สิบตารางเมตร ทำให้สามารถรวบรวมพลังวิญญาณได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า.”
“ประสิทธิภาพ : ตามการเปิดใช้งาน.”
“ราคา : 10 แต้มสนับสนุน.”
“หมายเหตุ : ใช้ได้เพียงแค่ศิษย์ของสำนัก หลังจากเปิดใช้งานแล้ว จะต้องใช้ 1 แต้มสนับสนุน และใช้งานได้ 24 ชั่วโมง.”
จุนซ่างเซียวที่อ่านหมายเหตุด้านล่าง พลางเอ่ยออกมาว่า “หนึ่งแต้มใช้ได้เพียงหนึ่งวัน ใช้แต้มสนับสนุนเป็นเชื้อเพลิง.”
หนึ่งแต้มหนึ่งวันถือว่าไม่มาก ทว่าเขามีเพียง 40 แต้มสนับสนุน หลังจากซื้อแล้ว สามารถที่จะเปิดใช้งานได้สามสิบวัน.
“ใช้ได้เพียงแค่ศิษย์ ตอนนี้ยังไม่เหมาะทีจะซื้อ.”จุนซ่างเซียวที่ไม่มีแผนที่จะซื้อค่ายกลรวมวิญญาณระดับสามัญขั้นต้นสำหรับศิษย์แต่อย่างใด.
ในเวลาเดียวกันระบบก็แจ้งเตือนขึ้นมาว่า “ศิษย์แข็งแกร่งขึ้น สำนักก็แข็งแกร่งขึ้น แนะนำให้โฮสนซื้อ ความคุ้มค่าห้าดาว.”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย “เจ้าไม่เคยห้ามข้าซื้อเลย ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการให้ข้าใช้คะแนนสนับสนุนให้หมดไปเร็ว ๆหรอกนะ?”
ระบบกล่าว “ภารกิจของระบบคือช่วยเหลือโฮสน์.”
“ดี.”
จุนซ่างเซียวที่เปลี่ยนใจซื้อทันที แม้ว่าจะยังลังเลเล็กน้อยแต่ก็กัดฟันซื้อทันที “ข้าจะเชื่อเจ้า.”
“ติ้ง!”
“โฮสน์ใช้แต้มสนับสนุน 10 แต้ม ได้รับค่ายกลรวมวิญญาณสามัญขั้นต้น 1 ถูกส่งเข้าไปในแหวนมิติแล้ว.
“ติ้ง!”
“คะแนนสนับสนุนสำนัก: 30 / 100.”
ภายในแหวนมิตินั้นมีถุงที่ใส่ธวัชขนาดเล็ก ด้านในนั้นมีคู่มือในการติดตั้งค่ายกลด้วย.
จุนซ่างเซียวที่พูดไม่ออก “เพ่ย จะต้องศึกษาเองอีกอย่างงั้นรึ?”
“เจ้าสำนัก!”
ขณะที่เขาวางแผนที่จะศึกษาวิธีวางค่ายกล ก็มีศิษย์คนหนึ่งเร่งรีบวิ่งเข้ามา พร้อมกับเอ่ยด้วยลมหายใจหอบ ๆ.“มี...มีคนมาสร้างปัญหา!”
“อะไร?”
จุนซ่างเซียวที่นั่งวางแขนที่พนักพิง ก่อนที่ลุกขึ้นด้วยความโกรธ “ใครกัน? ไปกินดีหมีมาจากใหนกัน ถึงกล้ามาสร้างปัญหาถึงสำนักไท่กู่เจิ้งของข้า!”
......
“ทุบมัน! ทุบมันแรง ๆ!”
ที่ด้านหน้าประตูสำนักเวลานี้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดโออ่าคำรามออกมาด้วยความโกรธ.
ที่ด้านหน้ามีผู้ใต้บัญชาระดับเปิดชีพจรขั้นสี่ ขั้นห้า กำลังทุบตีผู้เยาว์คนหนึ่ง ที่อยู่ในสภาพสะบักสะบอมเผ้าผมกระเซอะกระเซิง ดูไม่ต่างจากขอทาน.
“ไอ้สารเลว! ไอ้ขอทานตัวเหม็นกล้าขโมยยาของตระกูลข้า ใจกล้าเกินไปแล้ว!”
เหล่าคนใช้ที่ทุบตี พร้อมกับด่าว่าออกมาเสียงดัง.
ใบหน้าของชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหรา เอ่ยกล่าวด้วยความเย็นชา “ไม่มีแม้แต่พลังบ่มเพาะ วิ่งเร็วนักนะ หากไม่เพราะบนเทือกเขานี้มีสิ่งก่อสร้างขวางทาง เกรงว่าคงจับตัวมันไม่ได้.”
“ทุบมันต่อไป!”
“ทุบมันอีก!”
ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาที่รับคำสั่ง พร้อมกับต่อยตีเหยียบซ้ำอย่างดุร้ายรุนแรง.
ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชา ทำให้ผู้เยาว์ที่ถูกซ้อมได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก มุมปากมีโลหิตไหลซึมออกมา เนื้อตัวที่ช้ำเขียวเต็มไปหมด.
“หยุด!”
ในเวลาเดียวกัน เสียงที่ดังกังวานก็ดังขึ้น.
ผู้ใต้บังคับบัญชาของชายหนุ่มชุดหรูหราหยุดหายใจชั่วขณะ ก่อนที่จะหันหน้าไปมอง จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์เดินมามาที่ประตูหน้า.
“เอ๊ะ?”
ชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหราจดจ้องมองไปยังป้ายประตูทางเข้า กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “แท้จริง ที่นี่ ไม่ใช่ขุนเขาร้างไร้ชื่อ แต่เป็นที่อยู่ของสำนักไท่กู่เจิ้งนี่เอง.”
รอยยิ้มที่เผยความเหยียดหยันดูแคลนแสดงออกมาชัดเจน.
จุนซ่างเซียวที่จ้องเขม็ง จับจ้องมองเด็กหนุ่มที่ถูกซ้อม ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก เขาเอ่ยกล่าวออกมาว่า “ที่นี่คือพื้นที่ของสำนักไท่กู่เจิ้ง อยากสู้กันก็ไปสู้กันที่อื่น.”
แท้จริงแล้วคนเหล่านี้ไม่ได้มาสร้างปัญหา ดูเหมือนว่าจะไล่ล่าทุบตีใครคนหนึ่ง จนมาถึงด้านหน้าสำนักของเขา.
ชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหรากล่าวออกมาด้วยท่าทางเหมือนตกใจเล็กน้อย “นี่เจ้าไล่ข้าไปอย่างงั้นรึ?”
เขามองไปยังผู้ใต้บังคับบัญชาตัวเอง ก่อนจะเผยยิ้มหยัน “สำนักเล็ก ๆ กาก ๆ ถึงกับกล้าไล่ข้ารึ? แกมันเสียสติไปแล้วรึ? ไอ้โง่......”
“ปัง!”
ทันใดนั้นเท้าข้างหนึ่งก็กระแทกไปยังใบหน้าของชายหนุ่ม ร่างทั้งร่างก็กระเด็ดครูดไปกับพื้น ปากเบี้ยวไถไปบนลาน.
“พุ พรุด!”
ร่างในชุดหรูหราโอ่อ่า กลิ้งไปบนพื้นอีก หลากยาวไปไกลกว่าสิบเมตร ก่อนที่จะกระแทกก้อนหิน กระเด็นม้วนไปอีกรอบ เกือบไหลลงไปยังทางลาดลงเขาด้านล่าง.
“มารดาเถอะ.”
จุนซ่างเซียวชักเท้ากลับมาและเอ่ยออกไปว่า “พูดจาไร้สาระมากเกินไปแล้ว.”