Chapter 36 เรื่องเช่นนี้ จะเป็นเรื่องปรกติในอนาคต.
ลู่เชียนเชียนที่ตรวจสอบคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น สามารถเข้าใจได้ว่าวิชาบ่มเพาะนี้ง่ายที่จะเข้าใจ และยังมีความลึกล้ำอย่างที่สุด แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นวิชาระดับเทวะแน่!
นี่เจ้าสำนักเป็นคนคิดค้นอย่างงั้นรึ?
นางไม่เชื่อเด็ดขาด ระดับเปิดชีพจรจะสามารถสร้างวิชาบ่มเพาะระดับเทวะได้ นี่มันเป็นเรื่องที่น่าตื่นตะลึงระดับโลกอย่างไม่ต้องสงสัย.
ลู่เชียนเชียน ไม่คิดจะไล่เรียงสอบถามต่อ เพราะว่า ในเมื่อเจ้าสำนักไม่พูดความจริง แน่นอนก็ยากจะหาความจริงได้ ดังนั้นนางจึงเร่งรีบกลับที่พัก เริ่มศึกษาวิชาดังกล่าวอย่างระมัดระวัง.
หลี่ชิงหยางเองก็กลับที่พักตัวเอง เพื่อบ่มเพาะด้วยวิชาดังกล่าวเช่นกัน.
ทั้งสองที่เข้าใจในวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นเหมือน ๆ กัน ยิ่งศึกษามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตื่นเต้นดีใจมากมายเท่านั้น ท่าทางของพวกเขา แทบไม่อยากเชื่อ กับวิชาที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้.
“วิชาคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นเหนือล้ำยิ่งกว่าวิชาลับจิงซินอีก นี่เป็นวิชาที่ดีที่สุดที่ข้าได้พบ!”
“ท่านพ่อ บุตรปฏิเสธนิกายเขาชางซาน เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด!”
หลี่ชิงหยางครุ่นคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นิกายเขาชางซานไม่มีทางที่จะมีวิชาบ่มเพาะลึกล้ำขนาดนี้แน่.
“ฟู่!”
เขาที่พ่นลมหายใจยาว ก่อนที่จะทำให้จิตใจให้เย็นลง แล้วเริ่มบ่มเพาะด้วยวิชาดังกล่าวทันที.
คัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นที่ซื้อมาจากระบบ อาศัยระบบที่ทำให้มันง่ายที่จะเข้าใจ ด้วยพรสวรรค์ของหลี่ชิงหยางแล้ว ทำให้เขาสามารถโคจรบ่มเพาะรอบเล็กได้อย่างไม่ยากลำบาก.
และยังมีคนที่เร็วกว่านั้นก็คือลู่เชียนเชียน นางที่โคจรวิชาได้หลายรอบแล้ว นางยิ่งบ่มเพาะยิ่งตื่นเต้นดีใจ “วิชาบ่มเพาะนี้ช่วยในการกลั่นร่างกายให้แข็งแกร่ง และยังไม่ขัดแย้งกับวิชาลับหัวใจเหมันต์ลึกล้ำอีกด้วย สามารถบ่มเพาะด้วยกันได้!”
“เจ้าสำนักไปนำวิชาบ่มเพาะระดับเทวะมาจากที่ใดกัน นี่เป็นวิชาบ่มเพาะที่หายากมาก เป็นไปได้ว่า......สำนักไท่กู่เจิ้งคือนิกายโบราณที่ถดถอยอย่างงั้นรึ?”
วิชาบ่มเพาะระดับเทวะนั้นเป็นวิชาที่หายากมาก ๆ ในทวีปชิงหยุน มีเพียงสุดยอดนิกายยักษ์ใหญ่เท่านั้นที่มี นางไม่คิดว่าจุนซ่างเซียวจะหามันมาได้ การจะซื้อมายิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่เลย ความเป็นไปได้มีเพียงอย่างเดียวที่คิดได้ก็คือ มันมาจากยุคโบราณเท่านั้น.
“ดูเหมือนว่าจะดูแคลนสำนักไท่กู่เจิ้ง ดูถูกเจ้าสำนักไปหน่อย.”
ในเวลานี้ ลู่เชียนเชียนที่กำหมัดเล็ก ๆ แน่น ดวงตาคู่งามของนางที่เผยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา ขบฟันแน่น “ได้รับวิชาบ่มเพาะระดับเทวะมาฝึก หรือว่าสวรรค์คิดจะช่วยให้ข้าสามารถล้างแค้นได้กัน!”
......
ศิษย์พี่หญิงใหญ่และศิษย์พี่รองได้ดูดซับพลังวิญญาณด้วยวิชาบ่มเพาะคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นอย่างสุดกำลัง.
จุนซ่างเซียวที่ก้าวออกมาจากห้องพัก กล่าวออกมาด้วยความห่อเหี่ยว “ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วยาม แต่ตอบสนองในการดูดซับพลังวิญญาณได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มีอะไรผิดพลาดกัน?”
“รากวิญญาณของโฮสน์นั้นต่ำเตี้ย ถึงวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นจะเข้าใจได้ง่าย ทว่าก็ยังฝึกได้ยากกว่าผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น.”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร หากข้าไม่มีระบบ ก็ไม่มีทางฝึกฝนได้อย่างงั้นรึ?”
ระบบที่เงียบไปนานเหมือนกัน ก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “ความเข้าใจของโฮสน์ถือว่ายอดเยี่ยมมาก ทว่า...ที่จริงควรจะคิด เรื่องเช่นนี้ได้.”
“อ๊าก ๆ!”
จุนซ่างเซียวที่กุมศีรษะ คำรามออกมาเสียงดัง “ลู่เชียนเชียนเหน็บแนมข้า ระบบก็เหน็บแนมข้า ยังจะให้ข้ามีชีวิตอยู่อีกเหรอ!”
ไม่ได้การแล้ว! ไม่ได้การ!
เหล่าจื่อต้องตั้งใจฝีกฝนวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นให้มากกว่านี้.
หนึ่งชั่วยามยังไม่พอ ก็ต้องทั้งวัน หากหนึ่งวันไม่พอก็ต้องหนึ่งปี หากหนึ่งปีไม่พอก็ต้องใช้ทั้งชีวิต!
ข้าไม่เชื่อว่าหากไม่มีพลังจากภายนอก ข้าจะไม่สามารถบ่มเพาะได้เลย!
จุนซ่างเซียวที่หัวร้อน นั่งบ่มเพาะบนตียงของเขา ทั้งวันทั้งคืน จนท้ายที่สุดก็นอนราบไปบนเตียง เวลานี้เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า “ท้ายที่สุดก็สามารถโคจรพลังรอบใหญ่ได้......”
ไม่ใช่แค่การโคจรรอบเล็ก แต่สำเร็จการโคจรพลังรอบใหญ่ได้สำเร็จ.
จากนั้น เขาก็มอบงานสำนักให้กับหลี่ชิงหยาง เพื่อบ่มเพาะพลังอย่างเต็มกำลัง.
ทุ่มเทสุดแรงใจ.
สองวันหลังจากนั้น จุนซ่างเซียวก็ช่ำชองในการเคลื่อนโคจรวิชาบ่มเพาะเปลี่ยนเส้นเอ็น ท้ายที่สุดจิตใจของเขาก็สงบลง การโคจรรอบเล็กและรอบใหญ่ สามารถทำได้ง่าย ๆ ทำให้ดูดซับพลังวิญญาณได้อย่างมั่นคง พัฒนาเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง.
“ติ๊ง!”
“ยินดีกับโฮสน์ทำภารกิจลับสำเร็จ 【สวรรค์ตอบแทนความขยัน 】รางวัล 10 แต้มสนับสนุน!”
“ยินดีกับโฮสน์ทำภารกิจลับสำเร็จ 【ทดแทนพรสวรรค์ที่ขาด ด้วยความขยัน 】รางวัล 10 แต้มสนับสนุน!”
“ยินดีกับโฮสน์ทำภารกิจลับสำเร็จ 【รู้จักยืนด้วยลำแข้งตัวเอง 】รางวัล 10 แต้มสนับสนุน!”
“ติ๊ง!”
“คะแนนสนับสนุนสำนัก : 50 / 100.”
เขาได้คะแนนสนับสนุนมาทันที 30 แต้ม จุนซ่างเซียวถึงกับส่ายหน้าไปมาด้วยความตะลึง “ดูเหมือนว่า ระบบเกรงว่าข้าจะไม่พึงพา เลยมอบคะแนนลับให้รึอย่างไร?”
“แต่ว่า......ภารกิจลับแรกขจัดมารร้ายให้ปวงชน ตอนนี้ สวรรค์ตอบแทนความขยัน ทดแทนพรสวรรค์ด้วยความขยัน ยืนด้วยลำแข้งตัวเอง ภารกิจทั้งสี่นี้มีอะไรเกี่ยวข้องกันรึอย่างไร?”
......
วิชาบ่มเพาะเปลี่ยนเส้นเอ็นมีผลในการกลั่นหลอมร่างกาย ซ้ำยังเป็นวิชาบ่มเพาะยกระดับพลังฝึกตนด้วย.
จุนซ่างเซียวบำเพ็ญต่ออีกหนึ่งวัน เขาตระหนักได้ว่าการดูดซับพลังวิญญาณนั้นมากกว่าวิชาลับจิงซินเป็นอย่างมาก.
“ควรค่าแล้วที่เป็นวิชาระดับเทวะ.”
“ด้วยความเร็วนี้ ถึงจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์ระดับสามัญ ก็สามารถรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อทะลวงเส้นชีพจรได้ภายในไม่กี่วัน!”
จุนซ่างเซียวเริ่มรับรู้เกี่ยวกับผลประโยชน์ของการฝึกวิชาดังกล่าวมากขึ้นเรื่อย ๆ.
เขามีพรสวรรค์ระดับสามัญ ด้วยการบ่มเพราะอย่างจริงจังก็สามารถพัฒนาตัวเองได้ เหล่าศิษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับสามัญ ก็ควรจะประสบความสำเร็จเช่นกัน.
ส่วนศิษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับต่ำ อาจจะลำบากสักหน่อย อาจต้องใช้ความพยายามมากกว่าศิษย์คนอื่น ๆ ทว่าหากตั้งใจทำงานหนักก็น่าจะสามารถสำเร็จได้เช่นกัน.
สิบวันหลังจากนั้น.
เหล่าศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งทุกคน สามารถเข้าใจวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นระดับต้นได้.
หลายวันมานี้ หลี่ชิงหยางไม่ได้จัดการสำนัก เพราะว่าเขากำลังดื่มด่ำในการบ่มเพาะ ไม่กินไม่ดื่มตลอดทั้งวัน.
“ศิษย์น้อง สองวันมานี้เจ้าเข้าใจวิธีฝึกฝนแล้วรึ?”
“ศิษย์พี่ ข้าคิดว่าใช้ได้แล้ว ข้าสามารถรวมพลังวิญญาณเพียงพอที่จะทะลวงชีพจรขั้นต่อไปได้แล้ว.”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าก็รวมพลังวิญญาณได้พอแล้วเช่นกัน!”
“วิชาบ่มเพาะของพวกเราทรงพลังจริง ๆ ก่อนหน้านี้ข้าต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือนถึงจะรวมพลังวิญญาณได้ ตอนนี้ใช้เวลาเพียง 3-5 วันเท่านั้น!”
ขณะที่เหล่าศิษย์ได้บ่มเพาะวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นพวกเขาต่างก็ปรึกษาหารือพูดคุยกันออกรส.
หากพวกเขารู้ว่า วิชาบำเพ็ญดังกล่าวนั้นมีผลทำให้ทะลวงชีพจรได้สำเร็จเพิ่มขึ้นอีก 50% พวกเขาต้องตื่นเต้นตัวลอยอย่างแน่นอน.
วันถัดมา.
มีศิษย์หลายคนที่พยายามทะลวงเส้นชีพจรของตัวเอง.
“นี่...ข้าทำสำเร็จ?”
ศิษย์คนหนึ่งที่ทะลวงเปิดชีพจรขั้นที่ 4 ได้ เขารู้สึกว่าพลังวิญญาณกำลังไหลพล่านไปทั่วเส้นชีพจร ใบหน้าแข็งค้างด้วยความตื่นตะลึง.
เขามีพรสวรรค์ระดับสามัญ และอยู่ในระดับเปิดชีพจรขั้นที่สามมาปีกว่าแล้ว ตลอดเวลาเขาได้ทะลวงชีพจรล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ครั้งนี้เมื่อเขาเริ่มทะลวงชีพจร มันกับสามารถทะลวงผ่านได้โดยงาน ช่างเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงจริง ๆ.
เขาลอบคิดในใจ ไม่เสียแรงที่พยายาม ไม่ว่าเส้นชีพจรจะหนาสักเท่าไหร่ ท้ายที่สุดก็สามารถทะลวงผ่านได้.
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ข้าเปิดชีพจรขั้นที่สามแล้ว ข้าทะลวงชีพจรเส้นที่สามได้แล้ว!”
ศิษย์อีกคนที่ร้องลั่น ระเบิดความตื่นเต้นดีใจ น้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง.
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในลานสวนด้านใน คนแล้วคนเล่า เหล่าศิษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับสูง เพียงแค่บ่มเพาะด้วยวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น เมื่อสามารถควบรวมพลังวิญญาณเพียงพอก็สามารถทะลวงผ่านชีพจรได้สำเร็จอีกหลายคน.
เช้าวันถัดมา.
หลี่ชิงหยางที่ยืนอยู่ในตำหนัก กล่าวรายงาน :
“เปิดชีพจรขั้นสองไปยังขั้นที่สาม สำเร็จเก้าคน ล้มเหลวแปดคน.”
“เปิดชีพจรขั้นที่สามทะลวงไปยังขึ้นที่สี่ สำเร็จห้าคน ล้มเหลวหกคน.”
“เปิดชีพจรขั้นที่สี่ทะลวงไปยังขั้นที่ห้า สำเร็จคนเดียว ล้มเหลวคนหนึ่งเช่นกัน.”
ในเวลาเดียวกันเขาที่พ่นลมหายใจยาว ภายในใจที่ตื่นตะลึงยากจะกลับมาสู่ปรกติได้ง่าย ๆ.
เขารู้ดีเกี่ยวกับคนในตระกูลหลี่ การจะเปิดชีพจรแต่ละเส้นนั้นลำบากขนาดใหน เทียบกับคนในตระกูลของเขา ในหนึ่งปี จะมีเพียง 3-5 คนเท่านั้นที่สามารถทะลวงชีพจรสำเร็จ เพียงแค่นั้นทั้งตระกูลหลี่ก็ฉลองกันใหญ่โตแล้ว.
ตอนนี้ล่ะ?
เพียงแค่เมื่อวานนี้ ศิษย์น้องสามสิบคนที่พยายามทะลวงชีพจร!
เป็นจำนวนที่น่าพรั่นพรึงมาก และที่ทำให้หลี่ชิงหยางคาดไม่ถึงอย่างหนัก ถึงกับเก็บอารมณ์ไม่อยู่ คือสามสิบคนที่พยายาม มีคนทะลวงสำเร็จถึงสิบห้าคน!
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา “ก็นับว่าใช้ได้.”
“ใช้..ได้อย่างงั้นรึ?”
หลี่ชิงหยางถึงกับมุมปากกระตุกอย่างรุนแรง “เจ้าสำนัก มีศิษย์น้องมากกว่าสิบห้าคนทะลวงชีพจรสำเร็จ เรื่องนี้มันน่าตื่นตะลึงมากเกินไปแล้ว!”
“ชิงหยาง” จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้ามาตบบ่าและเอ่ยต่อว่า “เรื่องนี้ต่อไปจะเป็นเพียงเรื่องธรรมดาเท่านั้น เจ้าเป็นถึงศิษย์พี่รอง จะต้องรู้จักปรับตัว.”
เจ้าสำนักเดินมาตบบ่าและก้าวเดินออกไป หลี่ชิงหยางที่มองตามด้วยความงงงวย “หลังจากนี้....จะเป็นเพียงเรื่องธรรมดาอย่างงั้นรึ?”