Chapter 3 แพ็คเกจมือใหม่
ตอนนี้เขามี 1 แต้มสนับสนุน แต่สินค้าที่อยู่ในร้านค้าราคาต่ำสุด 10,000แต้ม นี่สวรรค์โหดร้ายกับเขาเกินไปแล้ว.
“โฮสน์.”
เสียงของระบบดังขึ้น “โฮสน์กำลังดูร้านค้าระดับสูงอยู่.”
“หะ?”
จุนซ่างเซียวพบว่า ที่มุมด้านซ้ายของเมนูคำสั่งมีปุ่มให้กดอยู่ เริ่มตั้งแต่ ร้านค้ามือใหม่ ร้านค้าพื้นฐาน ร้านค้าระดับกลาง และร้านค้าระดับสูงเรียงต่อกันไป.
“อ๋า! ไม่แปลกใจเลยว่ามันโคตรแพง แท้จริงแล้วเป็นร้านค้าระดับสูงนี่เอง!”
เขาที่เร่งรีบเปลี่ยนเลือกร้านค้าเริ่มต้นทันที ขณะสินค้าบนคอนโซนก็เปลี่ยนไป.
สินค้าที่มีราคาเหมือนกับร้านค้าระดับต้น มีหนึ่งรายการที่เป็นแพ็คเกจสำหรับมือใหม่ ราคาเพียง 1 แต้มสนับสนุนเท่านั้น.
แพ็คเกจสำหรับมือใหม่?
จุนซ่างเซียวที่ดีใจขึ้นมาในทันที “มันนี่ล่ะ!”
ไม่อยากเชื่อว่าในร้านค้าจะมีสินค้าราคาต่ำสุดอยู่.
“ติ้ง!”
“โฮสน์ใช้หนึ่งแต้มสนับสนุนสำนัก ได้รับแพ็คเกจมือใหม่ ถูกส่งเข้าในแหวนมิติแล้ว.”
“ติ้ง!”
“แต้มสนับสนุนสนัก : 0/100!”
จุนซ่างเซียวไม่ได้สนใจว่าตัวเลขคะแนนสนับสนุนว่าจะกลายเป็นศูนย์แต่อย่างใด เขาสนใจแค่เพียง สิ่งที่เขาได้รับเพิ่มเข้ามาต่างหาก สายตาของเขาที่จับจ้องมองไปยังกล่องที่อยู่ด้านหน้า วางอยู่บนก้อนอิฐระเบิดเวลา ที่กำลังกระพริบเป็นระยะ ๆ
“วิ้ง!”
เขาเปิดกล่องดังกล่าวด้วยความตื่นเต้น.
“ติ้ง! ต๊อง!”
“โฮสน์เปิดแพ็คเกจมือใหม่ ได้รับ ยันต์หลบหนี 1!”
“ติ้ง!”
“โฮสน์เปิดแพ็คเกจมือใหม่ ได้รับ ยันต์ป้องกัน 1!”
“ติ้ง!”
“โฮสน์เปิดแพ็คเกจมือใหม่ ได้รับ ยันต์ความเร็ว 1!”
“ติ้ง!”
“โฮสน์เปิดแพ็คเกจมือใหม่ ได้รับ ยันต์เปิดผนึก 1!”
เสียงแจ้งเตือนที่ผุดดังขึ้น ติดต่อกัน พร้อมกับสิ่งของปรากฏขึ้นภายในแหวนมิติ จุนซ่างเซียว มุมปากระตุก.
หลบหนี? ใช้ในการหลบหนี.
ป้องกัน? ใช้เพื่อป้องกันการโจมตี!
เพิ่มความเร็ว? เมื่อเปิดใช้งานก็จะทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้น!
กับการถูกส่งมายังต่างโลก หากไม่สามารถเผชิญหน้ากับศัตรูได้ ก็ควรจะหนีเพื่อรักษาชีวิตเอาไว้ หมายความว่าแพ็คเกจนี้ มีไว้เพื่อให้เขามีชีวิตรอดอย่างงั้นรึ?
“ติ้ง!”
“โฮสน์เปิดของขวัญมือใหม่ ได้รับยันต์ประสบการณ์!”
“ยันต์ประสบการณ์อย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ยถาม “หมายความว่าอย่างไร?”
ระบบอธิบาย “ยันต์ประสบการสามารถช่วยยกระดับพลังบ่มเพาะของโฮสน์ได้อย่างรวดเร็ว.”
“จริงรึ?”
จุนซ่างเซียวที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นยินดี.
ดูเหมือนว่าสิ่งของที่ได้จากแพ็คเกจมือใหม่ จะล้ำค่าเป็นอย่างมาก!
“ใช้อย่างไร?”
“บด!”
“แค็ก!”
จุนซ่างเซียวที่ไม่จำเป็นต้องคิดเลยแม้แต่น้อย เขาบดยันต์ดังกล่าวทันที.
“วูซซ วูซซ!”
พริบตานั้น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่มากมายกำลังพลุ้งพล่าน พลังวิญญาณกำไหลไปทั่วชีพจร ทั่วร่างของเขา.
“ติ้ง!”
“โฮสน์ทะลวงผ่านเปิดชีพจรชั้น 3!”
“ติ้ง!”
“โฮสน์ทะลวงผ่านเปิดชีพจรชั้น 4!”
“ติ้ง!”
“โฮสน์ทะลวงผ่านเปิดชีพจรชั้น 5!”
หลังจากบดยันต์ประสบการณ์ เขตแดนบ่มเพาะของจุนซ่างเซียวก็ปะทุ ตัดผ่านไปยังระดับเปิดชีพจรชั้น 5 ทันที.
ในทวีปซิงหยุนแห่งนี้ เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ พลังบ่มเพราะระดับเปิดชีพจรมีอยู่ด้วยกัน 12 ชั้น เป็นการเชื่อมชีพจรทั่วร่าง 12 เส้นเพื่อยกระดับไปยังขั้นถัดไป.
แน่นอน.
เมื่อเปิดชีพจรทั้งหมดก็จะยกระดับไปยังระดับต่อไปได้.
ขอบเขตพลังระดับถัดไปจะแบ่งเป็น ระดับศิษย์ยุทธ์ อาจารย์ยุทธ์ บรรพชนยุทธ์ กษัตริย์ยุทธ์ จักรพรรดิยุทธิ์ ปราชญ์ยุทธ์และราชันย์ยุทธ์.
ยิ่งมีระดับสูงขึ้นเท่าไหร่ ก็จะแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น.
กล่าวกันว่าในระดับราชันย์ยุทธ์ขึ้นไป พวกเขาสามารถควบคุมมิติ แม้แต่บินขึ้นสู่ท้องฟ้า เพียงหนึ่งก้าวสามารถเคลื่อนที่ได้ไกลนับพันลี้.
“ยอดเยี่ยม สุดยอดดด!”
พลังที่เอ่อล้น ปะทุขึ้นมาจากภายในร่างกาย ใบหน้าของจุนซ่างเซียวเผยความพอใจขึ้นมาอีกครั้ง.
ทุกสิ่งมีชีวิตในทวีปซิงหยุนนั้น ผู้ฝึกยุทธ์จะฝีกฝนวิชากำลังภายภายใน หรือบ่มเพาะพลังวิญญาณเพื่อทะลวงผ่านด้วยการบ่มเพราะ หากมีคนรู้ว่าเขาเพียงบดยันต์ก็ทำให้พลังบ่มเพาะเพิ่มขึ้นสามขั้น คงมีคนพ่นโลหิตออกมาด้วยความอิจฉาแน่.
จุนซ่างเซียวจับจ้องมองไปยังยันต์อีกแผ่นที่เขียนไว้ว่า เปิดผนึก ก่อนที่จะเอ่ยถามออกมาว่า “สิ่งนี้ใช้ประโยชน์อะไร?”
ระบบกล่าว “ยันต์เปิดผนึก ใช้ปลดปล่อยพลังดาบเนียนโชวจื่อ.”
“ดาบนั้นถูกผนึกเอาไว้อยู่รึ?”
“ใช่ ดาบเนียนโชวจื่อถูกสะกดพลังเอาไว้ โฮสน์จำเป็นต้องใช้ยันต์เปิดผนึกก่อนใช้พลังของมัน.”
จุนซ่างเซียวถึงกับใบหน้ากระตุก.
อ๊าก สัด มันจะบัดซบเกินไปไหม? หากต้องต้องปลดผนึกทุกครั้งเมื่อใช้งาน!
“เฮ้อ.”
เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับระบบและเรื่องที่ผ่านมาจุนซ่างเซียวถึงกับต้องถอนหายใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า.
“เลิกถอนหายใจได้แล้ว.”
ลู่เชียนเชียนที่กล่าวออกมาเบา ๆ.“รีบไปได้แล้ว ไม่เช่นนั้นเมืองชิงหยางจะปิดก่อน พวกเราต้องนอนกันในป่าแน่ ๆ.”
ในเมื่อต้องพัฒนาสำนัก ก็ต้องรับศิษย์.
เกี่ยวกับความทรงจำเดิมของเจ้าของร่าง จุนซ่างเซียว รู้ว่าในเมืองชิงหยางนั้น อีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ พันธมิตรร้อยสำนัก จะทำการรับเหล่าผู้เยาว์เข้าสำนักเพื่อฝึกฝน.
นี่คือโอกาสอันดีที่จะรับสมาชิกของสำนักเพิ่ม.
ดังนั้นแล้ว จุนซ่างเซียวจึงได้นำลู่เชียนเชียนเดินทางออกมาจากสำนัก ทำให้ก่อนหน้านี้ เขาได้พบเข้ากับผู้ฝึกยุทธุ์ชุดเขียวโดยบังเอิญและได้ทุบตีสั่งสอนเขาไปนั่นเอง.
“เชียนเชียน.”
จุนซ่างเซียวส่ายหน้าไปมาเผยยิ้มเล็กน้อย “เปิ่นจั้วเหนื่อยเล็กน้อย พวกเราจะพักเล็กน้อยดีไหม?”
本座 เปิ่นจั้ว สรรพนามเรียกตัวเอง คนสูงศักดิ์ ผู้ปกครองสำนัก นิกาย.
“ไม่!”
ลู่เชียนเชียนกล่าวอย่างไรอารมณ์.
“......”
จุนซ่างเซียวถึงกับพูดไม่ออก ทำได้แค่เร่งรีบเดินทางต่อไปเท่านั้น.
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ผ่านไปไม่นาน ที่ไกลออกไป มีคนกลุ่มหนึ่งที่สวมชุดเหมือน ๆกันได้ปรากฏขึ้น และเข้าล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้ในทันที.
“ศิษย์พี่หลี่!”
ผู้ฝึกยุทธ์ชุดเขียวที่กุมใบหน้าที่บวมปูด กล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “เป็นมันที่ทุบตีข้า!”
“ฮึ!”
ผู้ฝึกยุทธ์ที่ถูกเรียกว่าศิษย์พี่หลี่ได้กวาดตามองจุนซ่างเซียว พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ช่างกล้ามาก ถึงกับกล้าหาเรื่องคนของสำนักหลิงชวน(น้ำพุวิญญาณ.)”
“สำนักหลิงชวนรึ?”
จุนซ่างเซียวที่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา ว่าได้ยินมาบ้างเหมือนกัน.
ลู่เชียนเชียนกล่าวออกมาเบา ๆ “เจ้าสำนัก สำนักหลิงชวนเป็นสำนักลำดับเก้าจากหมู่บ้านหลิงชวน.”
“เป็นเช่นนี้นั่นเอง.”
จุนซ่างเซียวครุ่นคิด.
อีกฝั่งที่ได้ยินสตรีที่อยู่ข้าง ๆเอ่ยกล่าวเรียก เจ้าสำนัก
ศิษย์พี่หลี่ที่เผยท่าทางไม่อยากเชื่อ “เจ้านะรึ เจ้าสำนัก?”
จุนซ่างเซียวดูเหมือนว่าจะไม่สนใจจะตอบแม้แต่น้อย.
ศิษย์พี่หลี่ดูลังเลใจ แต่เท่าที่ดูอีกฝ่ายดูไม่เหมือนเจ้าสำนักแม้แต่น้อย.
“ศิษย์พี่หลี่!”
ผู้ฝึกยุทธ์ชุดเขียวที่กุมใบหน้าด้วยความเจ็บปวด เอ่ยออกมาว่า “เขาบอกว่า เป็นเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง!”
“สำนักไท่กู่เจิ้ง?”
“พรึด ฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ใช่ว่าเจ้าสำนักที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ ถูกทางการจับ แหกคุกหนีแล้วถูกตัดหัวไปแล้วนั่นหรอกรึ?”
“ข้าได้ยินมาว่าเหล่าศิษย์จัดงานเลี้ยงส่ง ยุบสำนักไปแล้ว นี่ยังคงอยู่อีกรึ?”
เหล่าศิษย์ของสำนักหลิงชวนที่หัวเราะดังลั่นกล่าวดูแคลนเหยียดหยันขึ้นมาในทันที.
แม้นว่าจะเป็นสำนักระดับเก้าเหมือนกัน ทว่าพวกเขามาจากสำนักหลิงชวนที่รุ่งโรจน์จะไปเทียบกับสำนักที่ตกต่ำกำลังจะล่มสลายได้อย่างไร?
“เฮ้อ!.”
จุนซ่างเซียวที่ลอบถอนหายใจ.
รับรู้ว่าเจ้าสำนักหวัง เพราะว่าไปเที่ยวหอนางโลม ก่อเรื่องจนถูกจับและถูกประหารในที่สุด จากการพยายามแหกคุก เรื่องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นจริงเขาไม่มีอะไรจะโต้เถียงเช่นกัน.
เหล่าชายชราตรี สามารถไปหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจได้เป็นเรื่องปรกติธรรมดา.
ในเมื่อถูกจับ ก็จงยืดอกรับในความผิดสะ ทำไมต้องเสี่ยงแหกคุกด้วย?
จุนซ่างเซียวเองก็ไม่รู้ความคิดและ เป้าหมายของเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งคนก่อนเช่นกัน ยังไงเรื่องนี้ก็จบไปนานแล้ว.
“ท่านทั้งหลาย.”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “มาขวางเปิ่นจั้วเช่นนี้ เพียงเพราะต้องการกล่าวเย้ยสำนักไท่กู้เจิ้งเท่านั้นรึ?”
“ถุยยยย”
ศิษย์พี่หลี่ที่ถุยน้ำลายแหมะออกมา “สำนักขยะ กล้าใช้คำว่า เปิ่นจั้ว ไม่คิดที่จะส่องกระจกชะโงกดูเงาหน่อยรึ?”
“เป็นแค่เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มีคุณสมบัติใดเป็นเจ้าสำนัก?”
“เป็นแค่ศิษย์ชั้นต่ำได้เลื่อนระดับ คาดไม่ถึงเลยว่ าแค่ ขยะจะกล้าหาเรื่องคนของสำนักหลิงชวน ไม่มีตาเลยรึไง!”
ศิษย์สำนักหลิงชวนไม่แม้แต่ชำเลืองมอง จุนซ่างเซียวเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเอ่ยกล่าว ด่าว่าเหยียดหยันอย่างรุนแรง.
“ดูเหมือนว่าคนพวกนี้สมองจะมีปัญหานะ ตัวข้าคงต้องสั่งสอนสักหน่อย เพื่อแสดงสถานะให้พวกเขารับรู้สักหน่อย”
จุนซ่างเซียวที่สะบัดแขนเสื้อพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “เชียนเชียน เปิ่นจั้วดูเหมือนต้องสั่งสอนคนเหล่านี้ให้รู้ความสักหน่อย.”
ลู่เชียนเชียนที่ถอยหลังออกมา พร้อมกับเอ่ยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์เหมือนเดิม “หากท่านตาย จำเอาไว้ว่า ตำแหน่งเจ้าสำนักต้องเป็นของข้า.”
จุนซ่างเซียวแทบล้มทั้งยืน.
เป็นสตรีที่เย็นชาโอหังยิ่งนัก ถึงกับคิดที่จะยึดครองตำแหน่งเจ้าสำนักเลยรึ?!
หากไม่เพราะว่าภารกิจของระบบบัดซบ เขาคงจะมอบตำแหน่งเจ้าสำนักให้กับลู่เชียนเชียนไป ให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย จากนั้นก็ใช้ชีวิตสบาย ๆ อย่างสงบเสงี่ยมเพลิดเพลินในต่างโลกไปแล้ว.