Chapter 29 ไม้ตาย
“โอ้ว สวรรค์!”
“หัวหน้าหกเร็วมาก!”
“ข้ามองเห็นแค่เงา ไม่สามารถมองเห็นร่างหัวหน้าหกได้เลย!”
“นี่คือท่าเท้าระดับสามัญชั้นกลาง น่าเกรงขามมาก!”
เหล่าโจรภูเขาต่างก็เผยความเคารพและอิจฉาไปพร้อม ๆกัน!
“ไม่เลว ไม่เลว.”
โจวเทียนป้าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หรู เอ่ยด้วยท่าทางพอใจ “เหล่าหลิว เจ็ดก้าวเปลี่ยนเงาของเจ้า ยกระดับไปมาก จากหกเดือนที่แล้ว.”
หัวหน้าสองที่อยู่ใกล้ ๆ ใบหน้าขาวเนียน เอ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ด้วยความเร็วของน้องหกเวลานี้ ถึงเป็นข้าก็ยากจะตามทัน.”
“น้องสองยังตามไม่ทัน พี่น้องคนอื่นก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน”หัวหน้าสี่ที่เอ่ยด้วยรอยยิ้มเช่นกัน.
ด้วยคำพูดที่หัวเราะสนุกสนานราวกับว่า กำลังชมการแสดงที่น่าสนใจ พวกเขาคิดว่าด้วยความเร็วของเหลาหลิวแล้ว ไม่มีทางที่จุนซ่างเซียวจะตามได้ทัน.
“ไอ้หนู!”
“เหล่าจื่อจะทำให้เจ้าได้เห็น อะไรที่เขาเรียกว่าความเร็ว!”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ท่าเท้าของหัวหน้าหกยังขยับ เพิ่มความเร็วขึ้นได้อีก เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มองเห็นเพียงริ้วแสง พายุเล็กที่พัดฝุ่นกระจายฟุ้งไปรอบ ๆ.
หัวหน้าสองที่ส่ายหน้าไปมา เอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องหกกำลังเล่นกับเจ้านั่นอยู่.”
“กระบี่ที่เร็ว คิดว่าจะเร็วกว่าน้องหกที่เป็นสายลมแล้วอย่างงั้นรึ?.”
เหล่ากลุ่มหัวหน้าโจรที่เผยท่าทางพอใจเป็นอย่างมาก.
“หัวหน้าหก ค่อย ๆ เฉือนเนื้อของมัน ให้มันตายเหมือนหมา ร้องโอดโอยค่อย ๆ ทรมานก่อนหยุดหายใจ!”
“เริ่มแรกต้องทำให้ อยู่ในสภาพ ครึ่งเป็นครึ่งตายก่อน เฉือนเนื้อไปทั่วร่าง ควักลูกตา ค่อย ๆ ทรมานให้มันเจ็บปวด ที่บังอาจทำร้ายพี่น้องของพวกเรา!”
เหล่าโจรภูเขาหลายร้อยคนที่ส่งเสียงเชียร์ดังสนั่น.
จุนซ่างเซียวที่ยืนนิ่งอยู่ สายลมที่บ้าคลั่งโบกพัดรอบ ๆ ทำให้เผ้าผมเขา กลายเป็นกระเซอะกระเซิง ใบหน้าของเขามีฝุ่นทรายจับ จนทนไม่ได้เอ่ยออกมาว่า “เสียงหวิ่ง ๆ น่ารำคาญจริง ๆ.”
“ฟิ้ว!”
เขาที่ก้าวไปด้านหน้า กระบี่หานเฟิงสามัญขั้นต้นที่สะบัดออกไป ทะลวงไปด้านหน้า.
ช่างน่าเสียดายที่วืด ไม่สามารถตามความเร็วหัวหน้าหกทันได้.
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
“ความเร็วของหัวหน้าหกนั้นเร็วมาก คิดว่าจะตามทันได้รึไง หากว่าตามทัน.......”
“พรึด ซี่!”
ยังกล่าวไม่จบด้วยซ้ำ เหล่าโจรภูเขารอบ ๆ ลานต่อสู้ ถึงกับอ้าปากค้าง ตัวสั่นไปในทันที.
สายตาที่เบิกกว้างลืมไม่ลง พวกเขาพบว่าหัวหน้าหกศีรษะหลุดออกจากบ่าโลหิตพุ่งกระฉูดไปเสียแล้ว.
ใบหน้าของโจรภูเขาถึงกับเปลี่ยนสี ศีรษะ และร่างไปคนละทิศคนละทาง ร่างกายของหัวหน้าหกที่ครูดไปกับพื้นก่อนที่จะค่อย ๆ หยุดลง ศีรษะที่หล่นกลิ้งไปบนพื้นก่อนค่อย ๆ หยุดลง โลหิตกระฉูดกระเซ็นราวกับท่อแตก ดัง ปุด ๆ.
จุนซ่างเซียวที่สะบัดกระบี่เพื่อขจัดโลหิตแล้วเอ่ยออกมาว่า “โง่ไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะไร้สมองขนาดนี้? คิดได้ไง วิ่งมาชนกระบี่ของข้า?”
ตอนแรกคล้ายกับว่าโจมตีพลาด เขาก็ได้ตวัดกระบี่ไปในแนวนอนจากบนลงล่างอย่างรวดเร็ว.
หัวหน้าหกที่วิ่งวนเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกา ส่วนจุนซ่างเซียวตะวัดกระบี่ลากทวนเข็ม เพราะความเร็วต่อความเร็ว กระบี่ของจุนซ่างเซียวจึงได้ตัดดาบของอีกฝ่ายและสะบั้นศีรษะฝ่ายตรงข้ามให้ขาดออกจากร่างทันที.
ด้วยกระบี่หานเฟิงนั้นแหลมคมเป็นอย่างมาก สามารถตัดโลหะราวกับตัดหยวกกล้วย ชายหัวล้านที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงยิ่งทำให้คมกระบี่เพิ่มมากขึ้นจน ตัดฝ่ายตรงข้ามขาดเป็นสองท่อนง่ายกว่าปรกติ.
จะให้พูดล่ะก็.
วิชาเจ็ดก้าวเปลี่ยนเงานั้น เป็นการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจนมองเห็นเป็นเงา จุนซ่างเซียวที่มีระดับเปิดชีพจรขั้นสิบ ไม่สามารถมองตามความเร็วได้ แม้นว่าจะไม่มีพลังเพียงพอ แต่ด้วยสมองที่ยอดเยี่ยมกว่า จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจัดการฝ่ายตรงข้าม.
......
“น้องหก!”
“พี่หก!”
“หัวหน้าหก!”
เสียงโกรธเกรี้ยวคำรามด้วยความเศร้าและโกรธ ดังระงม.
“ฟู่ ฟู่!”
พริบตานั้น กลิ่นอายความโกรธที่คละคลุ้งไปทั่วลาน เหล่าโจรภูเขาทั้งหมดจับจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียว ดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร ต้องการจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่ายให้ได้!
“น่ารังเกียจ!”
หัวหน้าแปดที่ผิวหนังเหี่ยวย่นและหัวหน้าเจ็ดที่ดูเตี้ยกว่าคนอื่น คำรามออกมา ขณะชักดาบและกระบองออกมา พร้อมกับพุ่งออกไปโจมตี.
เหล่าโจรภูเขาที่เห็นพวกพ้องถูกสังหาร เต็มไปด้วยความโกรธดวงตาแดงกล่ำ ไม่สามารถที่จะควบคุมได้แล้ว.
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวออกไปด้านหน้าหนึ่งเก้า หลบการโจมตีของทั้งสอง กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “มีปัญหาอะไร สู้เปิ่นจั้วไม่ได้ เลยคิดจะรุมอย่างงั้นรึ?”
“ตาย!”
หัวหน้าสี่และหัวหน้าห้า หมัดของพวกเขาที่ระเบิดพลังวิญญาณออกมา ลอบโจมตีจากด้านหลัง.
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ขยับเท้าสับหลอกไปด้านขวา ใบหน้าเผยยิ้มหันไปด้านหลังเผยแววตาที่แผ่ความเย็นยะเยือบออกมา.
เขาตระหนักได้ว่า เหล่าโจรภูเขาที่ดุร้ายเหล่านี้ ไม่มีทางที่จะทำตามธรรมเนียมชาวยุทธ์อย่างแน่นอน ไม่ว่าผลการพูดคุยจะเป็นอย่างไร สุดท้ายก็มีเพียงความตายที่รออยู่.
“หัวหน้าใหญ่.”
จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “นี่คือการสร้างความสนุกให้กับแขกของค่ายวายุทมิฬอย่างงั้นรึ?”
โจวเทียนป้าได้ยินคำพูด แทบทรุดไปเหมือนกัน.
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเข้ามาบนเทือกเขาทมิฬ แล้วสังหารผู้ใต้บังคับบัญชาต่อหน้าต่อตา เขาไปถึงสองคน.
ก่อนเข้ามาในค่ายวายุทมิฬ ก็สังหารคนคุ้มกันประตูไปสองคนแล้ว มารดาเถอะ นี่ยังคิดว่าตัวเองเป็นแขกอีกรึ?
“ฮึ!”
สายตาของโจวเทียนป้าที่กลายเป็นมืดครึ้ม “ไอ้หนู สังหารคนของค่ายวายุทมิฬ ถึงวันนี้ แกจะมีเงินมากมาย เหล่าจื่อก็ไม่ปล่อยแกออกไปแน่.”
“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”
ระหว่างที่กล่าว หัวหน้าโจรทั้งสี่ก็รุมโจมตีเข้ามาพร้อม ๆ กัน.
จุนซ่างเซียวไม่ได้มั่นใจ ที่จะใช้เพียงกระบี่หานเฟิงระดับสามัญขั้นต้น ต่อสู้กับเปิดชีพจรขั้นสิบสอง สี่คนพร้อมกันแน่ ทันใดนั้นเขาก็ก้าวหลบอย่างรวดเร็ว.
นี่คือท่าเท้าหลิวอวิ๋น(เมฆคล้อย)เป็นวิชาที่ได้รับจากการชี้แนะผู้ฝึกยุทธ์ระดับศิษย์ยุทธ์คนหนึ่งในเมืองชิงหยาง แม้นว่าระดับจะด้อยกว่าเจ็ดก้าวเปลี่ยนเงา ทว่า จะดีจะร้ายก็ยังเป็นวิชาสามัญขั้นต้น การจะหลบคนทั้งสี่ที่โจมตีมาพร้อมกันยังคงพอกระทำได้อย่างไม่ยากนัก.
“ตึก ตึก ตึก!”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวหลบออกมาจากกลางวง เคลื่อนที่ออกมายังพื้นที่ด้านข้าง และหยุดอยู่จุดปลอดภัย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าบังคับให้เปิ่นจั้วต้องใช้ไม้ตายออกมา!”
“ซูม ฟู่ ฟู่!”
ทั่วร่างของเขาที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังวิญญาณที่หมุนวน.
“ไม้ตาย?”
“ค่ายวายุทมิฬมีคนมากมาย ก็แค่ตัวคนเดียว มีไม้ตายแล้วไง สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดี!”
เหล่าโจรภูเขามากมายต่างก็เอ่ยเหยียดหยันดูแคลน.
สี่หัวหน้าโจรหยุดชั่วครู่ ราวกับสนใจอยากเห็นไม้ตายของจุนซ่างเซียว.
โจวเทียนป้าที่เงยหน้าขึ้นมอง กล่าวด้วยท่าทางสนใจเช่นกัน “ไอ้หนู ข้าหวังว่าไม้ตายของเจ้าจะทำให้ ข้าไม่ผิดหวัง.”
เหล่าโจรภูเขาที่ไล่ล่าสังหารเหยื่อ หากฝ่ายตรงข้ามมีไม้ตายซ่อนเอาไว้ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นอาวุธสุดยอด หรือของวิเศษ ที่ทำให้พวกเขา ต้องการแย่งชิงมาให้ได้.
“ซูม ฟู่!”
จุนซ่างเซียวที่ปลดปล่อยพลังวิญญาณมามากมาย ขณะที่เขาสูดหายใจลึก.
พริบตาเดียว กระบี่หานเฟิงสามัญชั้นต้นก็หายไป ปรากฏเป็นอาวุธที่เหมือนมีดขนาดเล็กขึ้นมาแทน.
ต่อหน้าศิษย์ยุทธ์และเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง 6 คน ตลอดจนโจรภูเขาจำนวนกว่าสองร้อยคน ท้ายที่สุดเขาก็นำดาบหนานโชวออกมา!
“ดาบ?”
โจวเทียนป้าที่ส่ายหน้าราวกับผิดหวังเป็นอย่างมาก.
เขาก็ใช้ดาบเช่นกัน เป็นดาบที่ใช้สังหารศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งก่อนหน้านี้ มันเป็นดาบที่มีระดับสามัญขั้นสูง เมื่อปีที่แล้วขณะเขาท่องยุทธภพ ได้พบกับชายหนวดขาวคนหนึ่งมอบให้ มันมีนามว่า ดาบชิงหลงไท่ (สะบั้นมังกรเขียว).
เดี๋ยวก่อนนะ!
ดาบของเจ้าเล่มนี้...สั้นขนาดนี้เลยรึ?
ที่มุมปากของจุนซ่างเซียวกระตุก เพราะว่าเขาอัญเชิญดาบหนานโชวออกมาด้านนอกเป็นครั้งแรก เขาเพิ่งรู้ว่าความจริงแล้วดาบเล่มมีความยาวเพียงครึ่งฟุตเท่านั้น!
ครึ่งฟุต.
มันมีความยาวที่แทบจะเท่ากับแปลงสีฟัน.
ยังดีที่มันมีความกว้างหนึ่งนิ้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงรู้สึกว่า เขาเป็นคนโง่ที่นำแปลงสีฟันออกมาเพื่อข่มขู่ศัตรู!
ผิดปรกติ ไม่เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์เลย.
มันควรจะมีความยาวมากกว่าสามฉื่อ(0.33ม.) เพราะอยู่ในแหวนมิติ เขาจึงเห็นชัดเจนว่ามันยาวมาก แต่เมื่อนำมันออกมามันเล็กขนาดนี้เลย? ก็พอรู้ว่ารูปโฆษณากับของจริงมันแตกต่างกัน แต่นี่มันต่างกันเกินไปแล้ว!
“เฮ้ย ดูดาบนั่นดิ?”
“ถึงจะเป็นมีดสั้นทั่วไป ก็ยังยาวกว่าดาบของมันเลย!”
“เหล่าจื่อก็แอบหวัง นี่คือสุดยอดไม้ตายแล้วอย่างงั้นรึ?!”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
เสียงหัวเราะที่ดังสนั่นหวั่นไหว ดังก้องไปทั่วเทือกเขาทมิฬ.
บางคนถึงกับกุมท้องล้มกลิ้งหัวเราะ.