ตอนที่แล้วChapter 26 เป็นดั่งโรงฆ่าสัตว์ นรกบนดิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 28 ข้าการศึกษาน้อย อย่าได้ขู่ข้านัก

Chapter 27 บิดามีความเห็น!


ใจเย็น ใจเย็นไว้.

ในเวลานี้เขาจะต้องช่วยศิษย์ของเขาก่อน จากนั้นค่อยจัดการพวกมัน.

จุนซุนเซียวเวลานี้กดความรู้สึกโกรธเกรี้ยวและจิตสังหารที่รุนแรงเอาไว้ เขาได้เดินมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ด้านหน้าทางเข้านั้นมีโจรภูเขาสิบคนยืนอยู่ ร่างของทุกคนแผ่กลิ่นอายความแข็งแกร่ง สัมผัสได้ว่าน่าจะมีระดับเปิดชีพจรขั้นที่เจ็ดถึงแปด.

“ควรจะเป็น โจรภูเขาระดับสูง.”

ระหว่างที่ครุ่นคิด เขาได้ก้าวเข้ามาในห้องโถงดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะที่ก้าวเข้ามา เขาสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาที่เย็นชาจับจ้องมองมายังเขาในทันที.

ภายในตำหนักนั้นมีคนอีกแปดคน แต่ละคนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง.

“คนเหล่านี้ อย่างน้อยคงมีระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบ!”จุนซ่างเซียวลอบคิดในใจ.

“ไอ้หนู.”

ชายผมยาวสีขาวที่กึ่งนอนกึ่งนั่งบนเก้าอี้ กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้ามันใจกล้าจริง ๆ กล้าสังหารคนของค่ายวายุทมิฬ.”

ชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเครา ดวงตาขวางกล่าวออกมาอีก “หากหัวหน้าใหญ่ไม่สั่งเอาไว้ เหล่าจื่อคงตัดหัวของเจ้า มาเตะแทนลูกบอลไปแล้ว!”

จุนซ่างเซียวหาได้สนใจ มือทั้งสองข้างขัดหลังและเอ่ยออกมาว่า “เปิ่นจั้วเดินทางมาเทือกเขาทมิฬเพื่อไถ่ตัวศิษย์ด้วยตัวเอง คาดไม่ถึงเลยว่าหัวหน้าใหญ่จะส่งฝูงหมาออกมาเห่าหอน นี่คือการต้อนรับอย่างงั้นรึ?”

“ไอ้บัดซบ!”

“กล้ากล่าวว่าพวกเราเป็นหมาอย่างงั้นรึ?!”

ภายในตำหนักดังกล่าวผู้ฝึกยุทธ์แปดคน ต่างก็เผยความโกรธเกรี้ยวแม้แต่ลุกขึ้นยืน จ้องมองเขาด้วยจิตสังหาร จดจ้องพร้อมจะสังหารจุนซ่างเซียวในทันที.

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาในทันที.

ก่อนจะเห็นชายวัยกลางคนได้ก้าวออกมาจากประตูอีกฝั่ง ใบหน้าที่เคร่งขรึมดุร้ายเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุนแขกผู้มีเกียรติมาเยือน ได้นำแสงสว่างมาสู่ค่ายวายุทมิฬที่ต่ำต้อยแล้ว.”

“หัวหน้าใหญ่!” กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ทั้งแปดที่เผยความเคารพออกมาในทันที.

ใบหน้าของจุนซ่างเซียวยังคงสุขุม จ้องมองฝ่ายตรงข้ามที่แผ่พลังวิญญาณออกมา ภายในใจแอบคิด “น่าจะมีพลังระดับศิษย์ยุทธ์จริง ๆ.”

ระดับศิษย์ยุทธ์ ก็คือดินแดนบ่มเพาะที่สองของวิถียุทธ์ในทวีปชิงหยุนแห่งนี้ ซึ่งทรงพลังกว่าระดับเปิดชีพจรมาก.

ในความทรงจำของจุนซ่างเซียว ระดับศิษย์ยุทธ์นั้นมีอยู่ด้วยกันสิบขั้น ซึ่งมีน้อยกว่าระดับเปิดชีพจรที่มีสิบสองขั้น และหากว่ามีทักษะยุทธ์ระดับสูงด้วยแล้วละก็ เพียงหนึ่งหมัดก็สามารถโจมตีออกมาได้ถึงหนึ่งหมื่นจิน.

มารดาเถอะ.

ต้องเผชิญหน้ากับขอบเขตศิษย์ยุทธ์ ลำบากเกินไปแล้ว.

“หัวหน้าใหญ่.” จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้วไม่คิดจะเอ่ยอะไรไร้สาระ ข้าเดินทางมายังค่ายวายุทมิฬครั้งนี้ เพียงเพื่อต้องการนำศิษย์กลับไป.”

หัวหน้าใหญ่ที่ยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้ว พร้อมกับเผยยิ้ม เอ่ยออกมา “ข้าโจวเทียนป้าเองก็ไม่ชอบพูดอ้อมค้อมเช่นกัน หนึ่งคนหนึ่งร้อยเหรียญ เมื่อเจ้าสำนักจุนจ่ายเสร็จก็นำพวกเขากลับไปได้เลย.”

“หนึ่งร้อยเหรียญอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าจะแพงไปสักน้อย.”

ตอนนี้เขามีเพียง 300 เหรียญติดตัวมา ด้วยเงินตอนนี้ไถ่ตัว แลกได้เพียงสามคนเท่านั้น.

โจวเทียนป้าเอ่ย “โจวโหมวเห็นแก่เจ้าสำนักหวัง จึงได้ให้ราคาต่ำสุดแล้ว หากเปลี่ยนเป็นคนของสำนักอื่น อย่างน้อยต้องหัวล่ะ 200 เหรียญ.”

“โอ้ว?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “หัวหน้าใหญ่และเจ้าสำนักคนก่อนรู้จักกันอย่างงั้นรึ?”

โจวเทียนป้า ครุ่นคิดและเอ่ยออกมาว่า “พวกเราพบกันบ่อย ๆ ที่หอโคมแดง อาจนับได้ว่าเป็นพี่น้องสหายหอนางโลมก็ได้.”

สหายหอนางโลม......

ที่มุมปากของจุนซางเซียวถึงกับกระตุก.

ดูเหมือนว่าเขากับเจ้าสำนักหวัง จะไปเที่ยวหอนางโลมประจำ จนรู้จักกันอย่างงั้นรึ?

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น.” จุนซ่างเซียวเอ่ย “ทำไมหัวหน้าใหญ่ไม่เห็นแก่สหายหอนางโลม ลดให้จุนโหมวอีกหน่อยล่ะ?”

“เฮ้ ๆ.”

“มันคิดว่ากำลังซื้อผักในตลาดอยู่รึไง ถึงได้ต่อราคา?”

กลุ่มหัวหน้าโจรทั้งแปดกล่าวหยัน.

โจวเทียนป้าเอ่ย “เจ้าสำนักจุน คิดว่าจำนวนเท่าไหร่ ถึงจะรับได้?”

จุนซ่างเซียวที่แสดงท่าทางครุ่นคิดและเอ่ยออกมาว่า “จุนโหมวต้องการจ่าย 100 เหรียญ หัวหน้าใหญ่ก็ส่งคืนศิษย์ทั้งหมดของข้ากลับคืนมา.”

หากเงินสามารถใช้แก้ปัญหาได้ สามารถไถ่ตัวศิษย์ได้ เมื่อส่งพวกเขาไปยังที่ปลอดภัย จากนั้นค่อยฉายเดี่ยวสังหารโจรในค่ายวายุทมิฬทั้งหมดก็ยังไม่สาย.

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

“หนึ่งร้อยเหรียญ? เฮ้ยมันพูดไร้สาระอะไรกันว่ะ?”

กลุ่มหัวหน้าโจรกล่าวดูแคลนเหยียดหยันออกมา.

โจวเทียนป่าใบหน้ามืดครึ้มและเอ่ย ออกมาว่า “ราคาที่เจ้าสำนักจุนเอ่ย ต้องการเช่นนั้นจริง ๆ รึ?”

จุนซ่างเซียวยักไหล่เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “สำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเรายากจนข้นแค้น มีปัญญาจ่ายแค่ 100 เหรียญเพื่อไถ่ตัว หัวหน้าใหญ่เป็นสหายหอนางโลมกับอดีตเจ้าสำนักหวังก็ควรจะผ่อนปรนสักหน่อย.”

“ผ่อนปรนอย่างงั้นรึ?”

โจวเทียนป้าที่ดีดนิ้ว และกล่าวออกมาว่า “ตกลง.”

จากนั้นไม่นาน สองโจรภูเขาก็หิ้วผู้เยาว์คนหนึ่ง ลากเข้ามาด้านใน.

จุนซ่างเซียวขมวดคิ้วแน่น.

ผู้เยาว์คนนี้ คือศิษย์ที่เขารับเข้ามา ที่เมืองชิงหยางนั่นเอง.

ในเวลาเดียวกันนั้น เผ้าผมของเขากระเซอะกระเซิง ใบหน้าดำเขียว ดูเหมือนว่าจะถูกทรมานมา.

“เจ้าสำนัก......”

ผู้เยาว์คนดังกล่าวที่เห็นจุนซ่างเซียว แววตาที่เป็นประกายด้วยความหวัง เอ่ยกล่าวเสียงอ่อน “ช่วยข้า......ช่วยข้าด้วย......”

“พรึด โครม!”

ร่างของเขาถูกเหวียงไปนอนกองอยู่บนพื้น.

โจวเทียนป้าลุกขึ้นยืนพร้อมกับยกเท้าขึ้นเหยียบศีรษะของผู้เยาว์คนดังกล่าว เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักจุน โจวโหมวจะส่งแต่ศีรษะกลับคืนไปก็แล้วกัน เจ้าจะได้ไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่เหรียญเดียว.”

จุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลัง พร้อมกับกำแน่น เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว.

เขาที่เป็นผู้ปกครองสำนัก จะทนเห็นศิษย์ถูกดูถูกดูแคลนได้อย่างไรกัน!

“....อย่าฆ่าข้า......”

ผู้เยาว์คนดังกล่าวราวกับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของความตาย กล่าวออกมาเสียงสั่น “อย่าฆ่าข้า ข้ายังไม่อยากตาย อย่าฆ่าข้า...ข้ายังไม่อยากตาย...ข้ายินดีที่จะทำงานรับใช้ในค่ายวายุทมิฬ! ข้ายินดีเป็นวัวเป็นควายให้กับพวกท่าน ได้โปรดอย่าฆ่าข้า...อย่าข้าฆ่า!”

“ฮ่า ฮ่าฮ่าฮ่า!”

“เจ้าหนูนิ มันอยู่เป็น!”

“ดูนั่น ฉีรดกางเกงเลยรึ? กลัวจนฉี่ราด! ฮ่าฮ่า!”

หัวหน้าโจรทั้งแปดที่หัวเราะกล่าวดูแคลนเหยียดหยัน.

จุนซ่างเซียวเวลานี้โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่น!

มารดาเถอะ.

ไม่มีศักดิ์ศรีเลย นี่คือศิษย์ของข้าอย่างงั้นรึ?!

“พรึด ซี่”

โจวเทียนป้าที่นำดาบยาวออกมา ก่อนที่จะฟันไปที่ศีรษะของผู้เยาว์ที่ขอความเมตตาและเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักจุน ผู้เยาว์ที่หวาดกลัวความตาย โจวโหมวจัดการแทนเจ้าแล้ว คงจะไม่ว่าอะไรหรอกนะ?”

“ติ๊ง!”

“ศิษย์สำนัก: 99 / 100.”

เสียงของระบบที่ดังขึ้นในหู จำนวนสมาชิกลดลง จุนซ่างเซียวแทบไม่ได้สนใจจะฟัง เขาจ้องมองโจวเทียนป้าช้า ๆ สายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ต้องการความเห็นของเหล่าจื่อรึ?!”

คำพูดดังกล่าวที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว.

การที่เห็นศิษย์แสดงความหวาดกลัวต่อความตาย ทำให้เขาโกรธเกรี้ยวและผิดหวังเป็นอย่างมาก ทว่า ยังไงเขาก็ยังเป็นศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง จะให้คนอื่นสังหารต่อหน้าต่อตาได้อย่างไรกัน?

“เฮ้เฮ้  มันโกรธด้วยว่ะ.”

“หัวหน้าใหญ่ช่วยจัดการศิษย์ที่ขี้ขลาด หวาดกลัวในความตาย กลับไม่คิดขอบคุณเลยรึ?”

กลุ่มหัวหน้าโจรทั้งแปดที่กล่าวเหยียดหยันพร้อมกับหัวเราะเยาะ.

พวกเขาไม่ได้ให้ค่าจุนซ่างเซียวเลยแม้แต่น้อย.

โจวเทียนป้าที่เผยแววตามืดครึ้มเย็นชา ก่อนที่จะสะบัดดาบไปไว้ที่ด้านหลังและเอ่ยกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน มีความเห็นอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา “ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งของข้า ไม่ว่าจะขี้ขลาด หรือทำความผิดพลาดใหญ่ใด ๆ จะมีเพียงแค่เปิ่นจั้วเป็นคนจัดการ คนอื่นไม่มีสิทธิ์จัดการ.”

“พรึด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”

“เฮ้ย มันคิดจริง ๆ ว่าตัวเอง เป็นเจ้าสำนักอยู่อีก?”

“สำนักระดับเก้า คิดว่าค่ายวายุทมิฬของพวกเราด้อยกว่างั้นรึ? หาญกล้าปากดีต่อหัวหน้าใหญ่ มันคงขี้เกียจมีชีวิตแล้วสินะ!”

โจวเทียนป้ากลับไปที่นั่งเดิม พร้อมกับยกหมอนขึ้นมารองหลังและเอ่ยออกมาว่า “กำลังจะบอกว่าโจวโหมวยุ่งเรื่องของคนอื่นอย่างงั้นรึ?”

“ใช่.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้ากำลังสอดยุ่งเรื่องของข้า.”

ใบหน้ายิ้มของโจวเทียนป้าหายไป แววตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายเย็นชา.

กลุ่มหัวหน้าโจรทั้งแปดที่ตระหนักได้ทันทีว่าหัวหน้าใหญ่กำลังโกรธ.

“ไอ้หนู!”

หัวหน้าโจรที่มีเครา ได้คำรามด้วยความโกรธ“หัวหน้าใหญ่พวกเราเห็นว่าเจ้าเป็นคนในยุทธภพ จึงไว้หน้า สำนักขยะอย่างเจ้า มารดาเถอะนี้กำลังเพ้อฝันอะไร คิดว่าพวกเราหวาดกลัวเจ้าอยู่อย่างงั้นรึ?.”

“พรึด ซี่!”

กระบี่หานเฟิง(คมความเย็น)ทะลวงไปยังหน้าอกของชายคนดังกล่าวทันที.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด