ตอนที่แล้วChapter 259 เจ้าเมืองลี่หยางผู้อบอุ่น.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 261 บุรุษผู้น่าเกรงขามกลับมาแล้ว!

Chapter 260 ธรรมเนียมยุทธภพ.


ดูเหมือนว่าจะต้องการมารับศิษย์ที่เมืองของข้าอย่างงั้นรึ?

เจ้าเมืองอ้าวเอ่ย “อ้าวโหมวต้องการอนุญาตเป็นอย่างมาก ทว่าเมืองลี่หยางและผู้นำฉินมีสัญญาวาจา ว่าผู้เยาว์ในเมืองแห่งนี้จะต้องเข้าร่วมพันธมิตรร้อยสำนัก.”

“งั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วไปมา.

ฉินเห่าหรานหาญกล้าที่จะผูกขาดเมืองลี่หยางเอาไว้อย่างคาดไม่ถึง ไม่คิดที่จะให้สำนักอื่นได้ลืมตาได้เลย?

เกรงว่าเมืองอื่น ๆ เองก็คงจะเหมือน ๆ กัน.

กล่าวสรุป ขอเพียงผู้เยาว์อายุถึงเกณฑ์ จะต้องเข้าร่วมสำนักในพันธมิตรร้อยสำนักเท่านั้น.

ไม่มีคนให้เข้าร่วมแล้วอย่างงั้นรึ?

เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนคนเหล่านี้ยังต้องรองานรับสมัครศิษย์ร้อยสำนักอยู่ และเดินทางเข้าร่วมสำนักอื่น ๆ ในสังกัดแบ่งปันอย่างเท่าเทียม.

จะให้กล่าวล่ะก็ งานรับศิษย์ร้อยสำนักนั้น จะเปลี่ยนเมืองไปเรื่อย ๆ.

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น นั่นก็เพื่อผลักดันให้ทุกสำนักในพันธมิตรร้อยสำนัก แบ่งปันคน ไม่ให้ผู้เยาว์กระจุกอยู่ในสำนักเดียวมากจนเกินไป.

ในอดีตนั้นเจ้าสำนักหวังไม่สามารถรับศิษย์ได้ ถูกบีบ จนทำให้ต้องเข้าร่วมเป็นพันธมิตรไปในที่สุด.

ไม่เช่นนั้นแล้ว งานรับศิษย์ร้อยสำนักในอดีต สำนักระดับต่ำสุดคงไม่ได้ศิษย์แม้แต่คนเดียว.

“เจ้าเมืองอ้าว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าไม่สามารถรับศิษย์ในเมืองลี่หยางได้อย่างงั้นรึ?”

“ไม่ได้หมายความเช่นนั้น.”

เจ้าเมืองอ้าวเอ่ย “ทว่าเจ้าเมืองจุนที่ต่อต้านพันธมิตรร้อยสำนัก ไม่ใช่เกรงว่าจะมีคนมาหาเรื่องอย่างงั้นรึ?”

หากเป็นก่อนหน้านี้ เจ้าเมืองอ้าวไม่มีทางให้สำนักไท่กู่เจิ้งเข้ามาด้านในได้ เพราะว่าอาจจะเป็นการล่วงเกินผู้นำฉินได้.

ทว่าตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว.

ศิษย์สามคนได้รับชัยชนะเลิศ ขอเพียงไม่โง่เขลาย่อมเข้าใจ แม้นว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะมีระดับแปด ทว่าความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพนั้นไม่ธรรมดาเลย.

เป็นเพราะฉินเห่าหราน กีดกันไม่ให้สำนักอื่น ๆ ที่อยู่ใต้ตัวเองได้เติบโตแซงหน้า เรื่องนี้ก็เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องนัก.

อีกอย่างข้อตกลงที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการรับปากด้วยวาจา.

การห้ามสำนักไท่กู่เจิ้งรับศิษย์ในเมือง ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย.

ทำไมเขาต้องขัดขืนเรื่องนี้ด้วย?

ใช่แล้ว ในเมืองนั้นมีคนของพันธมิตรร้อยสำนักอยู่.

ความหมายของเจ้าเมืองอ้าวต้องการจะสื่อ เรื่องของเจ้าก็คือเรื่องของเจ้า เรื่องของข้าก็คือเรื่องของข้า ข้าสามารถที่จะหลับตาลงได้ หากไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า.

แน่นอนว่าจุนซ่างเซียวสามารถเข้าใจเรื่องดังกล่าวได้ จึงได้ยกมือประสานกล่าวออกมาว่า “วันนี้ สำนักไท่กู่เจิ้งจะรับศิษย์ในเมืองลี่หยาง หากว่าพันธะมิตรร้อยสำนักกล้ามาหาเรื่อง ก็หมายความว่าเป็นเรื่องระหว่างข้าและพวกเขา.”

เจ้าเมืองอ้าวที่เผยท่าทางอักอ่วนออกมาเหมือนกัน.

......

บนพื้นที่ลานประลองประจำเมือง สำนักไท่กู่เจิ้งที่มาสร้างซุ้มขึ้นที่นี่.

ศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งทีกระจายไปทั่ว ถนนทุกสาย เพื่อที่จะแจกใบปลิวโฆษณา ให้ทุกคนในเมืองลี่หยางได้รับรู้.

เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ร่วมสร้างฝันด้วยกัน.

คำโฆษณาชวนเชื่อที่แปลกใหม่โดดเด่น เพื่อสร้างความสนใจให้กับทุกคน.

ภาษาคำพูดที่กระชับในใบปลิว ได้กระตุ้นต่อมความสนใจของผู้เยาว์ชาวยุทธ์เป็นอย่างมาก แม้แต่ต้องการส่งบุตรหลายเข้ามาสมัคร.

“เจ้าเมืองอ้าวและผู้นำฉินตกลงเอาไว้ ว่าผู้เยาว์ของเมืองเราจะต้องเข้าร่วมพันธมิตรร้อยสำนัก การที่สำนักไท่กู่เจิ้งมารับศิษย์เช่นนี้ ไม่สร้างปัญหาอย่างงั้นรึ?”

“พูดไปก็แปลก เจ้าเมืองอ้าวเห็นด้วยได้อย่างไร?”

“ในความเห็นของข้า การรับสมัครศิษย์เช่นนี้ เป็นเรื่องระหว่างสำนัก เจ้าเมืองไม่ต้องการเข้ามายุ่ง ดังนั้นจึงเลือกที่จะเป็นกลาง.”

“แล้วคนของร้อยสำนัก รู้เรื่องเข้า จะไม่มาสร้างปัญหาหรอกรึ?”

เหล่าชาวยุทธ์มากมายพูดคุยกันเสียงดัง ต่างก็คาดเดาว่าจะเกิดปัญหาขึ้นแน่นอน แม้แต่เข้ามามุงรอคอยดูเรื่องสนุกที่อาจจะเกิดขึ้น.

เป็นความจริง!

เรื่องที่สำนักไท่กู่เจิ้งมารับคน ผ่านไปไม่ถึงสองชั่วยาม คนหลายสิบคนเวลานี้ดวงตาขวาง โกรธรุ่ม ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น.

“จุนซ่างเซียว!”

เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “ในเมืองลี่หยาง สำนักไท่กู่เจิ้งไม่มีคุณสมบัติรับสมัครศิษย์!”

จุนซ่างเซียวที่ยังคงนั่งไขว่ห้าง ร่างพิงเก้าอี้ มือสองข้างที่กอดอก เผยยิ้ม “ทำไม?”

“เพราะว่า.....”

ขณะเอ่ยได้สองคำ เจ้าสำนักพยัคฆ์คำรามที่ต้องหยุดชั่วครู่ เพราะคิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้.

เมื่อครั้งงานรับศิษย์ร้อยสำนักครั้งที่แล้ว จุนซ่างเซียวที่ตั้งซุ้มระหว่างสำนักดาบใหญ่และสำนักพยัคฆ์คำราม เป็นเหตุให้ศิษย์ของสองสำนักโกรธเกรี้ยว เขาไปรุมล้อมแม้แต่วางแผนร้ายเอาไว้.

ในเวลานั้นจุนซ่างเซียวอ่อนแอมาก มีศิษย์คนเดียวคือลู่เชียนเชียน ถูกคนมากมายเหยียดหยันดูแคลน ไม่มีใครเห็นเขาอยู่ในสายตา.

ตอนนี้ ในมนทลชิงหยาง ยกเว้นนิกายเขาซางซาน จะมีกลุ่มอิทธิพลใดกล้าดูถูกพวกเขา?

เพียงคนเดียวไม่มีใครกล้า ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรวมหัวกัน.

สำนักไท่กู่เจิ้งจะยอดเยี่ยมขนาดใหน กล้าที่จะเป็นศัตรูกับกลุ่มอิทธิพลทั่วมนทลชิงหยางอย่างงั้นรึ?

“จุนซ่างเซียว!”

เจ้าสำนักอีกคนกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว “ในเมื่อเจ้าออกจากพันธมิตรแล้ว ควรที่จะรู้กฎเกณฑ์ของยุทธ์ภพ เจ้าไม่สามารถรับศิษย์ในมนทลชิงหยางได้!”

ปรกติแล้วพวกเขาไม่กล้าหาเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้ง ทว่าเวลานี้พวกเขามารับศิษย์ในถิ่นตัวเอง เวลานี้พวกเขาไม่สามารถทนเอาไว้ได้อีกแล้ว!

ทำไม?

เพราะว่าหากปล่อยให้สำนักไท่กู่เจิ้งรับศิษย์ได้ สำนักในพันธมิตรร้อยสำนักจะเอาหน้าไปไว้ที่ใหน?

เรื่องนี้เกี่ยวกับศักดิ์ศรี ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นแข็งแกร่งแม้แต่เอาชนะคนของสำนักเห่าฉีได้ พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะยอมอ่อนข้อ!

จุนซ่างเซียวที่ยกเท้าข้างหนึ่งลง แขนทั้งสองข้างยังคงกอดอก เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ใครแข็งแกร่งกว่า คนนั้นมีสิทธิ์ที่จะพูด ถูกผิด นั่นไม่ใช่กฎเกณฑ์ยุทธภพหรอกรึ?”

หากจะกล่าวให้ถูกล่ะก็.

ในวันนั้นสำนักเห่าฉีแข็งแกร่ง พันธะมิตรร้อยสำนักก็แข็งแกร่ง ดังนั้นคำพูดของพวกเขาจึงกลายเป็นกฎเกณฑ์ของยุทธภพไป.

ในเมื่อจุนซ่างเซียวเดินทางมายังเมืองลี่หยางรับศิษย์ เขาก็ตั้งใจจะทำลายกฎเกณฑ์นี้และสร้างกฎของเขาขึ้นมาเอง.

ในเมื่อแยกออกจากพันธะมิตรร้อยสำนักแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ใจกลุ่มขยะเหล่านี้ เขาจะต้องมีอิสระที่จะทำและหาผลประโยชน์.

การนำศิษย์ลงเขาในครั้งนี้ ก็เพื่อแสดงความแข็งแกร่งให้โลกรู้อยู่แล้ว!

“ทุกท่าน.”

จุนซ่างเซียวที่กวาดตามองเหล่าเจ้าสำนักที่โกรธเกรี้ยว เอ่ยกล่าวออกมาว่า “เปิ่นจั้วมารับศิษย์ในเมืองลี่หยาง หากใครปฏิเสธ สามารถท้าประลองได้ สำนักไท่กู่เจิ้งยินดีรับทุกคำท้า.”

ยินดีรับทุกคำท้า คำพูดดังกล่าวที่ดังก้องทำให้ทุกคนกลายเป็นบ้าคลั่งขึ้นมาในทันที.

เซียวจุ้ยจื่อและศิษย์คนอื่น ๆ ที่ร่วมมือกับเจ้าสำนัก ระเบิดพลังวิญญาณออกมารอบกาย สร้างแรงกดดันที่หนักหน่วงรุนแรงออกมา.

นี่คือพลังของศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง.

คนกลุ่มนี้ที่เผยความสามารถที่ล้ำเหลือออกมาให้ทุกคนได้เห็น.

ในเวลานี้ไม่ว่าใครที่ได้เห็นต้องกลืนน้ำลายลงช้า ๆ.

หากไม่ยอมรับ?

ก็มาสู้กัน!

เหล่าชาวยุทธ์ที่เห็นสำนักไท่กู่เจิ้งเผยความกล้าอย่างไม่เกรงกลัวต่อหน้าเหล่าเจ้าสำนักจำนวนมาก ต่างก็เต็มไปด้วยความชื่นชม.

ในมนทลชิงหยาง พันธมิตรร้อยสำนักเป็นกฎเกณฑ์ที่พูดถูกมาตลอด ใครจะคิดว่า วันหนึ่ง กับมีสำนักหนึ่งที่กล้าเอ่ยท้าทายพวกเขา.

บรรยากาศที่กลายเป็นอึมครึม.

เห็นสำนักไท่กู่เจิ้งที่ยโสโอหัง ทำให้เหล่าเจ้าสำนักต่าง ๆ เผยความโกรธเกรี้ยวออกมามากขึ้นและก็มากขึ้น.

ความโกรธที่สุมอก ในที่สุดก็มีมีเจ้าสำนักระดับแปดคนหนึ่งที่เอ่ยกล่าวออกมา “ซุยโหมว ต้องการขอคำแนะนำจากเจ้าสำนักจุน!”

“โทษที.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “ความแข็งแกร่งของเจ้าอ่อนด้อยยิ่งนัก เปิ่นจั้วไม่ต้องการลงมือ.”

“จุ้ยจื่อ.”

เขาที่โบกมือ “ไปเล่นเป็นเพื่อนเจ้าสำนักซุยสักสองสามขบวนท่าหน่อย อย่าได้ลงมือรุนแรง จนเอาชีวิตเขาล่ะ.”

“ครับ!”

เซียวจุ้ยจื่อที่ก้าวออกไป ผายมือไปยังเวทีประลอง กล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักซุย เชิญ.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด