Chapter 26 เป็นดั่งโรงฆ่าสัตว์ นรกบนดิน
เทือกเขาทมิฬ ที่กลางทางขึ้นเขานั้นเป็นสถานที่สำคัญ.
สถานที่ดังกล่าวถูกล้อมรอบด้วยท่อนซุงปักดินเรียงรายสร้างเป็นรั้วรอบ เป็นดั่งป้อมปราการที่มีคนประจำการอยู่เต็มไปหมด ทำรู้สึกเหมือนกับสถานที่แห่งนี้เป็นค่ายทหารคงไม่ผิดนัก.
จุนซ่างเซียวก้าวขึ้นไปตามบันใดหิน ไม่ได้สนใจที่จะตรวจสอบพื้นที่รอบ ๆ เท่าไหร่ เขากำลังคิดอะไรบางอย่างในใจ “ข้าสังหารคนไปแล้ว.”
ใช่แล้ว.
หากเป็นโลกเดิม เขาคงเป็นฆาตรร้ายไปเรียบร้อยแล้ว.
ทว่าการที่ต้องมาอยู่ในทวีปชิงหยุนแห่งนี้ สำหรับชาวยุทธ์แล้ว ไม่ช้าก็เร็วต้องได้รับประสบการณ์ดังกล่าวนี้เป็นธรรมดา.
“แปลก.”
จุนซ่างเซียวเผยท่าทางสงสัย “ก่อนหน้านี้เขาตัดแขนของอาวุโสเหว่ยไป เมื่อมองเห็นโลหิตแล้วแทบ อ๊วกออกมาเหมือนกัน ทำไมเวลานี้สังหารไปถึงสองคนกับไม่รู้สึกอะไร?”
หรือเป็นเพราะว่าสองคนนั่นเป็นโจร ดังนั้นภายในใจจึงไม่ได้รู้สึกผิดอะไร.
ระบบได้อธิบายออกมา “เพราะว่าโฮสน์ได้ปรับตัวเข้ากับสถานะใหม่ เข้าใจเกี่ยวกับกฎป่าของทวีปชิงหยุนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกตกใจอีกต่อไป.”
“โอ้ว.”
จุนซ่างเซียวที่เข้าใจได้ในทันที.
ขณะครุ่นคิดอยู่นั้น เขาก็กวาดตามองไปรอบ ๆ พลางลอบคิดในใจ ”สถานที่แห่งนี้มีภูเขาใหญ่หลายลูกล้อมรอบ เป็นป่าทึบที่ปกปิดแยกด้านนอกด้านในอย่างชัดเจน ยากที่จะนำกองกำลังใหญ่โจมตีล้อมกรอบปิดล้อมโจมตีเข้ามา.
ไม่น่าแปลกใจเลย กองกำลังของทางการและเหล่าสำนักต่าง ๆ จึงยากจะบุกเข้ามาถึงที่นี่ได้.
“รีบเดิน!”
โจรภูเขาที่ตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา ที่ด้านหลังมีโจรภูเขากว่าสิบคนถือทั้งดาบและกระบี่ชี้ไปด้านหน้า จ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยว สั่งการจุนซ่างเซียว.
เพราะพี่น้องสองคนถูกสังหารไป พวกเขาเวลานี้ต้องการสับศัตรูตรงหน้าให้ตายไปจริง ๆ ทว่าหัวหน้าของพวกเขาได้ออกคำสั่งเอาไว้ ไม่ให้ลงมือจึงทำให้พวกเขาเต็มไปด้วยอัดอั้น.
“พี่สาม ทำไมหัวหน้าใหญ่ไม่ให้จัดการคนที่สังหารพี่น้องของพวกเรา หนำซ้ำยังปล่อยให้ขึ้นเขามาด้วย!”
“เขาเป็นเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง หัวหน้าใหญ่น่าจะให้เกียรติในฐานะชาวยุทธ์ ดังนั้นจึงไม่ให้พวกเราลงมือ.”
“งั้นรึ? เขานี่นะเป็นเจ้าสำนัก?”
“เหล่าจื่อตะเวนไปทั่วมนทลชิงหยาง ไม่เคยเห็นเจ้าสำนักที่อ่อนวัยเหมือนเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเช่นนี้มาก่อนเลย.”
เสียงพูดคุยของโจรภูเขา ที่เอ่ยนินทา จุนซ่างเซียวที่เป็นเจ้าสำนัก ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่เชื่อเลย ซ้ำยังนินทาแบบเผาขนต่อหน้าต่อตาอย่างไม่เกรงใจด้วย.
“เฮ้อ.”
เจ้าสำนักจุนที่ถอนหายใจแรง.
เวลานี้ เขาแอบคิดในใจ ให้ข้าเขียนอักษรบนหน้าผากว่า ข้าเป็นเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งตัวจริง เลยรึไง? พวกเจ้าถึงจะเชื่อ.
“พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าไอ้นี้มันหลอกลวงพวกเราหรือไม่?”
“หากมันกล้าหลอกลวง เดียวก็ถูกหัวหน้าใหญ่สังหาร ตายไปเอง”
“เฮ้เฮ้ ข้าหวังว่ามันจะหลอกลวงพวกเรานะ เผื่อหัวหน้าใหญ่จะได้ให้พวกเราทรมานมันเล่น!”
ภายใต้โจรภูเขานับสิบที่คุมตัว จุนซ่างเซียวผ่านชั้นป้องกันชั้นแล้วชั้นเล่า ก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ป้อมปราการที่ล้อมรอบด้วยรั้วไม้ที่แน่นหน้าที่สุด ด้านบนมีป้ายที่เขียนเอาไว้ว่า ป้อมปราการวายุทมิฬ.
ฟิ้ว ฟิ้ว.
ป้อมปราการของโจรภูเขา สูงและแน่นหนาเป็นอย่างมาก.
“เปิดประตู!”
“เอียด กึก!”
ประตูไม้หนาสองบานที่ค่อย ๆ สั่นไหวและเปิดออกช้า ๆ ก่อนที่โจรภูเขาจะเอ่ยออกมาว่า “เจ้าหนู เข้ามาหาข้า.”
จุนซ่างเซียวที่ก้าวเข้าไปด้านใน.
......
ป้อมปราการวายุทมิฬนั้นดูเหมือนว่าจะใหญ่ยิ่งกว่าสำนักไท่กู่เจิ้งซะอีก ที่ด้านในนั้นมีบ้านหลายหลังสร้างขึ้นมาจากต้นไม้เป็นท่อนซุงที่ดูแข็งแรง.
“กึก!”
“กึก!”
จุนซ่างเซียวก้าวเข้าไปด้านใน ได้ยินเสียงคนกระซิบกระซาบพูดคุยกันเสียงเบา.
ที่ไกลออกไปนั้นเป็นลาน พื้นที่เปิดโล่ง มีเสาไม้ห้าเสาที่ฝังโผล่ขึ้นมาบนดิน และมีคนห้าคนที่ถูกผูกมัดตรึงไว้กับเสา ผมเผ้าของพวกเขากระเซอะกระเซิง ทั่วร่างกายของเขานั้นมีโลหิตไหลซึมออกมา เห็นชัดเจนว่าพวกเขาถูกทรมาน ฟาดด้วยแส้.
นอกจากนี้ยังเห็นโจรภูเขาที่เปลือยท่อนบนเผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ กำลังหวดแส้ฟาดไปยังคนเหล่านั้น ทว่ากลับไม่ได้ยินเสียงร้องโหยหวนแต่อย่างใด.
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.
ดูเหมือนว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ร้องโอดโอยออกมาเพราะถูกอะไรอุดปากอยู่นั่นเอง.
“ช่วย...ช่วยข้า....”ทันใดนั้นคล้ายกับว่าเขาได้ยินเสียงที่อ่อนแรงดังขึ้นอยู่เหมือนกัน
จุนซ่างเซียวแลมอง จ้องมองไปยังชายคนหนึ่งที่คลานไปบนพื้นช้า ๆ ขาทั้งสองข้างของเขาถูกทุบแตกหักใช้การไม่ได้ ร่างกายที่เปื้อนไปด้วยคาบโลหิตแห้งเกรอะกรัง ใบหน้าที่ดูน่าหวาดกลัว อ่อนล้า แววตาผวา สิ้นหวังเจ็บปวด ราวกับรับรู้ว่าตัวเองกำลังตาย แต่ก็ยังคาดหวังว่าจะมีชีวิตรอด.
“พรึด ซี่!”
ทันใดนั้นดาบยักษ์ก็ถูกฟันลงไป ศีรษะของชายคนดังกล่าวก็หลุดกลิ้งไปบนพื้น.
เป็นโจรภูเขาคนหนึ่งที่ถือดาบใหญ่ ขณะเตะศีรษะที่ขาดออกไปกลิ้งเล่นอยู่บนพื้น “มารดาเถอะขาใช้การไม่ได้แล้วยังคิดจะหนีอีก.”
“พี่หนิว เจ้าคนนั้นอีกไม่นานก็จะตายอยู่แล้ว ทำไมไม่ให้มันทรมานจนตายไปเลยล่ะ?”
“ในความเห็นของข้า พี่หนิวคงจะเป็นคนอ่อนโยนไปหน่อย ถึงต้องการให้มันจากไปโดยสงบ.”
เหล่าโจรภูเขาที่กล่าวล้อกันและกัน.
“อ่อนโยน!”
โจรภูเขาที่ชื่อพี่หนิว ตะคอกคำรามออกมา “มารดามันเถอะ ใครมันกล้าทำให้พื้นที่แห่งนี้สกปรก เจ้ายังจะปล่อยมันรอดต่อไปอีกรึไง.”
“มีเหตุผล มีเหตุผล.”
เสียงของเหล่าโจรร้ายหัวเราะอย่างสำราญใจ.
จุนซ่างเซียวที่ขมวดคิ้วแน่น เขาสามารถบอกได้ว่าในสายตาของโจรเหล่านี้ ไร้ซึ่งความเมตตา พวกมันมีแต่ความดุร้ายอมหิต.
“เอ๊ะ?”
พี่หนิวที่เก็บดาบและมองมา.
เหล่าโจรภูเขารอบ ๆ เองก็จดจ้องมองตาม พร้อมเผยแววตาล้อเลียนมาทางจุนซ่างเซียวในทันที.
“ผลั๊ว!”โจรร้ายที่ถือแส้ ที่กำลังฟาดคนที่ถูกมัดก็หันหน้ามาเผยยิ้มอย่างชั่วร้าย เยาะจุนซ่างเซียวด้วยเช่นกัน.
พริบตานั้นเหล่าโจรร้ายมากมาย ที่ราวกับเห็นคนแปลกหน้าเข้ามา ต่างก็จดจ้องมอง เป็นสายตาเดียวกัน.
แทบจะในทันที.
โจรภูเขากว่าร้อยคนในค่าย ก็หันมาจับจ้องจุนซ่างเซียวพร้อม ๆ กัน.
“ผลั๊ว ผลั๊ว ผลั๊ว!”
โจรภูเขาที่ถือแส้ หวดแส้ไปอีกหลายครั้ง ชายคนหนึ่งที่ถูกผูกเอาไว้บนเสาไม้ ก็หยุดขยับคอพับไปทันที “มารดาเถอะ ตายซะแล้ว แค่นี้ก็ตาย.”
จุนซ่างเซียวไม่ได้เอ่ยอะไร เขายังคงก้าวเดินต่อไป.
เขาเดินไปอีกหลายสิบเก้า มองเห็นศพอีกหลายศพที่แขนอยู่บนแท่นไม้ขนาดใหญ่ มีคนหลายคนที่ถูกแขวนคอจนตาย
“มารดาเถอะ.”
บ้านไม้ด้านขวา จุนซ่างเซียวได้ยินเสียงของโจรร้ายที่คำราม ด่าออกมาด้วยความโกรธ “บัดซบ นั่งนี่ถึงกับกัดลิ้นฆ่าตัวตายไปเลยอย่างงั้นรึ?.”
“เฮ้เฮ้ ยังต่ออีกรึ?”
“เฮ้ ๆ เสี่ยวป้า ทำอะไรนะ นั่นมันศพแกยังทำลงอีกรึ?.”
โจรภูเขาคนหนึ่งที่กล่าวล้อ.
โจรภูเขาที่ชื่อเสี่ยวป้ากล่าวออกมาเสียงดัง เสียงที่เล็ดรอดดังออกมา “อดอยากมากว่าครึ่งปีแล้ว ถึงจะเป็นสุกร เหล่าจื่อก็จะทำ!”
老子 [lǎozi] บิดา เป็นคำเรียกแทนตัวเองของชายผู้สูงอายุ
“อ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า.”
เสียงหัวเราะชั่วร้ายดังสนั่น.
จุนซ่างเซียวที่มองเห็นภาพบรรยากาศรอบ ๆ แววตา ค่อย ๆ เผยความมืดครึ้มเย็นชาออกมา.
ที่นี่ไม่ใช่แค่ป้อมปราการบนภูเขา ไม่ใช่แค่รังโจร มันเป็นเหมือนกับโรงเชือดมนุษย์ เป็นนรกบนดิน โจรภูเขาเหล่านี้ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว นี่คือกลุ่มของสัตว์ร้ายเป็นเดรัจฉานโดยแท้จริง.
จุนซ่างเซียวรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คนดี.
อย่างไรก็ตาม หลังจากเห็นการทรมาน เห็นศพที่ถูกนำไปแขวนเป็นของประดับ เห็นกองโครงกระดูกที่ซ้อนกันเป็นภูเขาเลากา แม้นว่าจะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขา ทว่ามันก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเหมือนกัน.
ป้อมปราการของโจรร้าย สถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นนรกบนดินไปแล้ว เป็นดั่งโรงเชือดมนุษย์ ไม่ได้ทำให้จุนซ่างเซียวกลัว แต่ทำให้จุนซ่างเซียวโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก.
เห็นชายที่พิการเพราะถูกทรมาน ก่อนที่จะถูกตัดหัว สายตาของเขาที่สิ้นหวัง หวาดกลัว แต่ลึกในแววตาก็หวังจะรอดชีวิต ภาพเหล่านี้ทำให้ภายในใจของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหารที่กำลังถูกบ่มเพาะหมักหมมมากขึ้นเรื่อย ๆ!