ตอนที่แล้วChapter 249 เอาเท้านั่นออกไปซะ แล้วเปิ่นจั้วจะให้ตายอย่างสบาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 251 เมื่อเข้าสู่ยุทธภพ ชีวิตและความตายก็ไม่อาจควบคุมได้ด้วยตัวเอง

Chapter 250 สังหารเจ้าสำนักฉีซาน


ในช่วงระยะเวลาวิกฤติ จุนซ่างเซียวได้ปรากฏขึ้น ความโกรธเกรี้ยวที่มากล้นจนไม่สามารถระงับเอาไว้ได้.

เพราะว่าหลังจากสมาชิกหอฝนพรำตายลง เสียงของระบบที่แจ้งสมาชิกลดลงก็ดังขึ้น.

กล้าสังหารศิษย์ของข้า.

ไม่ว่ามันจะเป็นใคร มาจากใหน มันจะต้องตาย!!!!!

แน่นอน.

เพียงแค่ตายก็ยังไม่พอ.

มันจะต้องตายอย่างเจ็บปวดทรมาน.

ถึงชายวัยกลางคน จะเอาออกไป ก็ต้องตาย ไม่เอาออกไป ก็ต้องตายอย่างอนาจ!

“เจ้า...เจ้าสำนัก”

เซียวจุ้ยจื่อที่กล่าวเสียงอ่อน สายตาที่เผยความดีใจออกมา.

เจ้าสำนักมาแล้ว.

ศิษย์น้องของเขาปลอดภัยแล้ว.

ในเวลานี้ เซียวจุ้ยจื่อไม่ได้นึกถึงตัวเอง หากแต่คิดถึงสมาชิกหอฝนพรำคนอื่น ๆ.

เห็นศิษย์รัก ที่บาดเจ็บสาหัส จิตสังหารของจุนซ่างเซียวยิ่งปะทุขึ้นมากกว่าเดิม.

ร่างกายที่ยืนเด่นเป็นสง่า ถึงต่อหน้าจะเป็นเทพหรือเซียน อีกฝ่ายมีเพียงชะตากรรมที่ต้องตาย.

ไม่กลัวที่จะล่วงเกินคนอื่นอย่างงั้นรึ?

โดยปรกติแล้ว จุนซ่างเซียวที่เลือกจะอยู่แบบสงบเสงี่ยม ยกตัวอย่างเขาสามารถที่จะอภัยให้กับอาวุโสสำนักกุยโชวได้ ทว่าในเวลานี้ ภายในใจของเขามีแต่ความต้องการฆ่าเท่านั้น!

เกล็ดย้อนของมังกร ใครสัมผัสมันจะต้องตาย.

เกล็ดย้อนของจุนซ่างเซียว แน่นอนว่าคือศิษย์ที่เป็นดั่งสมบัติของเขา.

อย่าว่าแต่สังหารเลย เพียงแค่ทำให้บาดเจ็บ ก็ต้องชดใช้อย่างสาสม!

ได้ยินคำพูดของเซียวจุ้ยจื่อ เหลียวซางฟางเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล “เจ้านะรึ?เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง สำนักระดับแปด?”

แม้นว่าจะเอ่ย ทว่าเท้าของเขาก็ไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย.

เขาไม่สนใจไม่ให้ค่าจุนซ่างเซียวเลยแม้แต่น้อย.

อีกฝ่ายที่เป็นเจ้าสำนักวรรณะต่ำชั้นกว่า หากว่าเหลียวซางฟางยกเท้าออก ก็แสดงทว่าเขาหวาดกลัวต่ออีกฝ่าย.

“มาก็ดี.”

เหลียวซางฟางยังกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส “มอบศิษย์คนนี้ให้กับข้า ข้าจะให้เขาเป็นศิษย์ของสำนักฉีซาน.”

คำพูดของเขา ที่ไม่ไว้หน้าจุนซ่างเซียวเลยแม้แต่น้อย ไม่เห็นอยู่ในสายตาสักนิดเดียว.

เพียงแค่สำนักไท่กู่เจิ้งกระจอก ๆ ต่อให้เป็นฉินเห่าหรานมาเอง เขาก็ยังไม่เห็นอีกฝ่ายในสายตา.

ไม่ใช่แค่เพียงเผยความอหังการ แต่อีกฝ่ายอยู่ในระดับต่ำเกินไป.

สำหรับยอดฝีมือที่แข็งแกร่ง จะต้องสุภาพเรียบร้อยกับคนที่อ่อนแอกว่าอย่างงั้นรึ?

“อยากได้ศิษย์ของข้าอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าช่างโอหังจริง ๆ.”

เหลียวซางฟางเอ่ย “มอบเขาให้กับข้า ความแค้นครั้งนี้ถือว่าหายกัน.”

เขารู้สึกชื่นชมเซียวจุ้ยจื่อมาก หากว่าทำให้อีกฝ่ายเป็นศิษย์ของตัวเองได้ แน่นอนว่าเป็นเรื่องที่คุ้มค่า.

น่าเสียดาย นี่เป็นแค่ความต้องการฝ่ายเดียว.

ถึงแม้นว่าจุนซ่างเซียวจะมอบ เซียวจุ้ยจื่อให้อีกฝ่าย แต่ก็ไม่มีทางที่จะยอมที่เขาสังหารศิษย์ของตัวเอง.

ดังนั้นเขาจึงยกดาบยาวขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ความแค้นหมดไป อย่างงั้นรึ? ฝันไปเถอะ!”

เหลียวซางฟางที่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเอ่ยออกมาว่า “เจ้าควรจะเป็นเจ้าสำนักที่ฉลาด แต่ปากไม่มีหูรูด ไม่เคยมีใครสั่งสอนอย่างงั้นรึ?”

ฆ่าคนของข้า แล้วยังมาหาว่าตัวเองไม่มีใครสั่งสอนอีกรึ?

ฮึ ฮึ ฮึ!

จุนซ่างเซียวหัวเราะเบา ๆ.

ดาบที่ตวัด เห็นเพียงริ้วแสงพุ่งออกไปด้วยความเร็ว!

“ฟู่!”

คมดาบที่ตัดออกไป ความแข็งแกร่งที่มีมากกว่า 300,000 จิน.

เห็นชัดเจนว่า เขาได้บดยันต์แห่งพลังมาก่อนหน้านี้แล้ว!

ใบหน้าที่ไม่แยแสของเหลียวซางฟาง สัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านเข้ามา ใบหน้ากลายเป็นจริงจังทันที ก่อนที่จะพุ่งออกไปสะบัดฝ่ามือเข้าปะทะ “ฝ่ามือเคลื่อนเมฆา!”

“ฟู่ ฟู่!”

พลังวิญญาณที่แผ่พุ่ง พลุ่งพล่านอาบฝ่ามือ สร้างคลื่นหมอกที่หนาแน่นรุนแรง รวมตัวเป็นฝ่ามือยักษ์ลอยออกไป.

ดาบของจุนซ่างเซียวนั้นทรงพลังมาก เขาไม่กล้าประมาทแม้แต่น้อย แม้แต่ใช้ฝ่ามือระดับสูงขั้นสูงออกมา!

ซูมมม!

ฟู่ ฟู่!

ดาบยาวมังกรเขียวที่เปล่งแสงสีเขียว พลังที่เพิ่มมากขึ้นทันที ท้ายที่สุดก็มีพลังโจมตี 400,000 จิน!

นี่หมายความว่าอย่างไร?

นี่ไม่ใช่ระดับบรรพชนยุทธ์ทั่วไปจะรับได้.

พลังที่โจมตีออกมานี้อย่างน้อยก็ต้องระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นที่ห้าแล้ว.

เหลียวซางฟางมีรากวิญญาณระดับสูง อาจจะรับมือบรรพชนยุทธ์ระดับกลางได้ แต่เขาก็มีระดับแค่บรรพชนยุทธ์ขั้นที่สองเท่านั้น รวมฝ่ามือเคลื่อนเมฆาของเขา ความแข็งแกร่งที่มีราว ๆ 230,000 จิน.

กล่าวได้ว่าเขาคือยอดฝีมือที่โดดเด่นในระดับเดียวกัน.

น่าเสียดาย ต่อหน้าดาบของจุนซ่างเซียว.

มันไม่พอ.

ทำได้แค่มองเท่านั้น!

“ตัดให้กับข้าซะ!”

เสียงตะโกนด้วยความเย็นชาของจุนซ่างเซียว.

ริ้วแสงสีเขียวที่ตัดผ่าน ตัดฝ่ามือหมอกขาดออกไปสองส่วน และพลังที่มากล้นนั้นยังไม่ได้หยุดแค่น้อย.

“เป็นไปไม่ได้....”

เหลียวซางฟางที่ใบหน้าเปลี่ยนสี ทว่าไม่มีเวลาให้เขาได้ตื่นตะลึง เขาก้าวหลบออกมาในทันที.

“ตูมมมมม!”

เขาที่ก้าวหนีออกมา ปราณดาบที่พุ่งผ่านทะลวงพื้นดิน สร้างรอยแยกขึ้นมาหนึ่งเมตรในทันที.

แก๊ก แก๊ก แก๊ก!

ปราณดาบที่ตัดผ่านพื้นดิน ลากยาวออกไป ทะลวงลงไปกว่า 5-6 เมตร.

พลังโจมตี 400,000 จิน ตัดผ่านพื้นดินขาดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่.

แม้นว่าเหลียวซางฟางที่หลบพ้น ทว่าเห็นพลังโจมตีที่กรีดกราดชั้นดินให้เป็นรอยยาว ก็ทำให้เขาสะดุ้งตกใจ เหงื่อที่เย็นเยือบไหลออกมา.

เขาไม่สงสัยเลยว่า หากไม่หลบเมื่อครู่นี้ ร่างของเขาคงขาดเป็นสองส่วน.

เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งที่ราวกับว่ามีระดับอาจารย์ยุทธ์ขั้นหกหรือเจ็ดเท่านั้น ทำไมถึงได้มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้กัน?!

เป็นไปได้ว่า...เขาซ่อนพลังบ่มเพาะอย่างงั้นรึ?

“บุกเดี่ยวข้ามฟาก!”

จุนซ่างเซียวไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น ยังคงตะวัดดาบยาวออกไปอีก.

ดาบยาวมังกรเขียวที่ตัดผ่าด้านข้าง ริ้วแสงสีเขียวที่สว่างจ้าขึ้นมาทันที.

พลังสี่แสนจินที่ระเบิดออกไป.

เหลียวซางฟางที่รู้สึกกริ่งเกรงขึ้นมาทันที ไม่กล้าที่จะรับโดยตรง ใช้เท้าเท้าที่รวดเร็วหลบเลี่ยงในทันที.

แม้นว่าจะหลบเลี่ยงได้ ทว่าปราณดาบที่พุ่งออกไปนั้น รวดเร็วน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

ต่อหน้าพลังที่น่าเกรงขามไร้เทียมทาน เหลียวซางฟางที่รู้สึกอกสั่นขวัญหาย.

ตอนนี้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังของเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง รับรู้ว่าตัวเองนั้นอ่อนด้อยยิ่งนัก.

นี่คือความแข็งแกร่งที่สูงส่งอย่างงั้นรึ?

ความรู้สึกที่ไม่สามารถที่จะรับมือได้!

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวยังคงตวัดดาบไล่ตามฟันออกไป.

ในเวลานี้เขาได้ใช้ก้าวปิศาจ เพิ่มความเร็วจนถึงขีดสุด ขณะที่เหลียวซางฟางกำลังยั้งเท้า ก็ได้ยินตะโกนออกไปว่า “น้ำท่วมเจ็ดทัพ!”

“ฟิ้ว-”ริ้วแสงสีเขียวที่พุ่งออกไปด้วยความเร็ว.

“ไม่ได้การแล้ว!”

เหลียวซ่างฟางที่ใบหน้าเปลี่ยนสี.

เขาต้องการจะหลบ ทว่าหลบได้เพียงร่าง ริ้วแสงสีเขียวที่เฉือนผ่านปลายจมูก ตัดแขนขวาของเขาอย่างโหดร้าย.

“พรึด ซี่!”

พริบตาที่ริ้วแสงสว่างเจ้า แขนก็หลุดลอยออกไป!

เพราะว่าดาบนั้นเร็วจนเกินไป ความแข็งแกร่งที่ทรงพลังเหนือล้ำ โลหิตที่พุ่งกระฉูด ปู๊ด!

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่ราวกับผีร้าย พริบตาเดียวก็มาอยู่ด้านหลังของเหลียวซางฟางแล้ว.

“พรึด ซี่!”

ริ้วแสงที่เป็นประกาย แขนอีกข้างก็ลอยออกไป!

จวบจนถึงตอนนี้ โลหิตที่ไหลอาบไปทั่วร่าง พุ่ง ปู๊ด ๆ ความเจ็บปวดที่กระจายไปทั่วร่าง ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างดูไม่ได้.

เซียวจุ้ยจื่อที่อยู่ใกล้ที่สุด ดวงตาเบิกกว้าง เผยความตื่นตะลึงอย่างที่สุด!

บรรพชนยุทธ์ ถูกเจ้าสำนักตัดแขนทั้งสองข้าง เรื่องนี้เหลือเชื่อเป็นอย่างมาก!

ยังไม่ได้จบเพียงแค่นั้น!

“อุ่นเหล้าสังหารฮัวหยง!”

จุนซ่างเซียวที่ขยับดาบยาวตัดออกไปครั้งที่สาม.

“ฟิ้ว!”ริ้วแสงดาบที่เป็นประกาย ขาของเหลียวซ่างฟางก็ขาดออกจากกัน ล้มคว่ำไปกับพื้น.

“อ๊ากกกกก!”

ความเจ็บปวดทรมานที่มากล้น ทำให้เขาร้องโหยหวน ดังก้องไปทั่วหุบเขา แววตาของผู้คนที่เห็น ต่างต้องหวาดผวา.

นี่คือความเจ็บปวดขั้นสุดที่มนุษย์จะทนได้ เสียงร้องโหยหวนทรมานอย่างหนัก!

“พรึดโครม!”

ทั้งแขนและขาถูกกุด สภาพของเหลียวซางฟางที่ล้มอยู่กับพื้น ร่างกายที่กระตุกเป็นระยะ ๆ ด้วยความเจ็บปวดทะลวงจิตใจอย่างไม่หยุดหย่อน!

ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!

ริ้วแสงดาบที่เป็นประกายเฉือนเนื้อบนร่างของเขาเป็นรอย.

ไม่ใช่แค่แขนขาที่ขาดออก แต่เนื้อทั่วร่างยังถูกเฉือนเป็นรอยเลาะ สภาพดูไม่ได้ เจ้าสำนักฉีซาน สำนักระดับหก อยู่ในสภาพตายทั้งเป็น!

***

关羽单刀赴会 กวนอูบุกเดี่ยวข้ามฟาก (เข้างานเลี้ยง)

ครั้งนั้นเล่าปี่ตีได้ฮันต๋ง จึงสถาปนาตนเองเป็นฮันต๋งอ๋อง ฝ่ายซุนกวนได้ข่าว ก็ยิ่งอยากได้เกงจิ๋วคืน จึงเรียกโลซกมาปรึกษา โลซกนั้นเดิมเป็นนายประกันให้เล่าปี่ยืมเกงจิ๋วไว้ชั่วคราวเมื่อตีได้เสฉวนแล้วจะคืนเกงจิ๋ว บัดนี้โลซกขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่กังตั๋งอีก จึงเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงในการทวงเกงจิ๋วคืน โลซกจึงวางแผนเชิญกวนอูมากินโต๊ะ ณ ปากน้ำลกเค้า ฟากตรงข้ามกับเกงจิ๋ว ตั้งใจว่าถ้าเจรจาขอเกงจิ๋วคืนจากกวนอูไม่สำเร็จจะให้กำเหลงและลิบองซึ่งคุมทหารซุ่มรออยู่รอบด้านจับกวนอูไว้แลกกับเกงจิ๋ว

กวนอูเมื่อได้รับหนังสือเชิญ ก็ตอบรับทันที กวนเป๋งเกรงบิดาจะได้รับอันตราย แต่กวนอูอธิบายต่อบุตรอย่างละเอียดพิสดาร สามก๊กฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) บรรยายความตอนนี้ว่า “ครั้นเราจะไม่ไปชาวเมืองกังตั๋งจะดูหมิ่นเราว่ากลัว พรุ่งนี้เราจะพาทหารแต่ยี่สิบคนลงเรือเร็วไปกินโต๊ะ จะดูท่วงทีโลซกจะเกรงง้าวที่เราถือหรือไม่ อันบิดานี้ก็มีฝีมือเลื่องลืออยู่ แต่ทหารโจโฉเป็นอันมากนับตั้งแสน บิดากับม้าตัวเดียวก็ยังไม่ต้องเกาทัณฑ์แลอาวุธทั้งปวง ขับม้ารบพุ่งรวดเร็วเป็นหลายกลับ อุปมาเหมือนเข้าดงไม้อ้อแลออกจากพงแขม จะกลัวอะไรแก่ทหารเมืองกังตั๋งเพียงนี้ดังหนูอันหาสง่าไม่ ได้ออกปากว่าจะไปแล้วจะให้เสียวาจาไย”

ครั้นถึงกำหนดวันนัด กวนอูก็ลงเรือลำน้อยพร้อมด้วยทหารติดตามไปไม่กี่คนข้ามฟากไปลกเค้า โลซกเห็นกวนอูท่าทางองอาจก็ให้กริ่งเกรงอยู่ จำข่มใจเอ่ยปากขอเกงจิ๋วคืนจากกวนอู แต่กวนอูบอกปัดไม่ยอมคืนเกงจิ๋วโดยให้ไปเจรจากับเล่าปี่เอง แล้วแสร้งเมามายไม่ได้สติและฉวยง้าวจากจิวฉองที่ถือยืนคอยอยู่มาถือมั่นไว้ในมือ อีกมือหนึ่งคว้าเอามือโลซกมากุมไว้ (นัยว่าเป็นตัวประกัน) แล้วจูงออกมาหน้าศาลลาริมน้ำแล้วกล่าวว่า “ท่านหามากินโต๊ะนี้ก็ขอบใจแล้ว แต่เหตุใดจึงเอาการเมืองเกงจิ๋วมาว่าด้วยเล่า บัดนี้เราก็เมาสุราอยู่ แม้ไม่คิดถึงว่าได้รักกันมาแต่ก่อนก็จะขัดเคืองกันเสีย เราจึงอุตส่าห์ระงับโทสะไว้ เราจะลาท่านไปก่อนต่อวันอื่นเราจะเชิญท่านไปกินโต๊ะที่เมืองเกงจิ๋วบ้าง” ว่าแล้ว กวนอูก็ลงเรือลำน้อยกลับเกงจิ๋ว ปล่อยให้ทหารกังตั๋งที่ซุ่มอยู่นั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันที่มิอาจทำอะไรกวนอูได้เลย

เป็นอันว่า แผนการของโลซกต้องล้มเหลวลงอีกครั้ง ด้วยความกล้าหาญและไหวพริบปฏิภาณของกวนอูนั่นเอง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด