Chapter 234 โถงเหยี่ยวดำ ถูกลบจากยุทธภพ.
หลังจากที่เหล่ยเห่ยซาถูกสับเป็นชิ้น ๆ โดยเย่ซิงเฉิน ชายชราที่อยู่ด้านนอกห่างออกไปหนึ่งพันลี้ สัมผัสถึงได้ แววตาของเขาที่เผยจิตสังหารที่รุนแรงออกมาทันที.
เขาก็คือเจ้าหอรุ่นแรกของหอเหยี่ยวดำ ชื่อของเขาไม่มีใครรู้ ทว่าสำนักอื่น ๆต่างก็เรียกเขาว่า เฒ่าผี.
ทำไมถึงได้เรียกเขาว่าเฒ่าผี?
เพราะว่า เจ้าหอรุ่นแรกนั้น มีท่าเท้าที่ทรงพลังมาก เมื่อใช้ออกมานั้น ก็รวดเร็วราวกับภูตผี.
เฒ่าผีเป็นอาจารย์ของเหล่ยเห่ยซา เขาที่ออกไปฝึกฝนยกระดับวิถียุทธ์ งานทุกอย่างจึงมอบให้ศิษย์ ทว่าตอนนี้การติดต่อของศิษย์ได้หายไป เขาตระหนักได้ทันทีว่าต้องมีอะไรผิดปรกติขึ้นแน่.
ใครกัน!
กล้าสังหารศิษย์รักของข้า!
ดวงตาของเฒ่าผีที่เต็มไปด้วยจิตสังหารที่รุนแรง ก่อนที่จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง มุ่งตรงไปยังมนทลฮวยหยิงทันที!
ด้วยความเร็วที่เกินจะกล่าว.
เคลื่อนไหวราวกับภูตผี!
ความแข็งแกร่งของเฒ่าผี หลังจากที่เลิกเป็นเจ้าหอ ก็ฝึกฝนพระสูตรมารโลหิตเต็มเวลา จนเวลานี้มีระดับบรรพชนยุทธ์ขั้นที่สามแล้ว.
“สังหารศิษย์ของข้า ต้องตายไปเก้าชั่วโคตร ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดแน่!”
เสียงที่ก้องผ่านป่าเขา ความโกรธเกรี้ยวอย่างท้วมท้น ที่ทำให้สัตว์ร้ายหวาดกลัวแตกกระเจิงไปตาม ๆ กัน.
......
ที่เชิงเขาเหยี่ยวดำ.
หลังจากเหล่ยเห่ยซานถูกสังหาร เหล่าศิษย์หอเหยี่ยวดำที่เหลืออยู่ หมดเรี่ยวแรงที่จะสู้ต่อไปแล้ว ท้ายที่สุดก็ถูกสังหารโดยศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งไปทั้งหมด.
นับจากนี้เป็นต้นไป.
สำนักมารขั้นที่เจ็ด เจ้าหอและเหล่าตัวตนระดับสูง ถูกกำจัดไปทั้งหมด.
อาจจะมีคนอยู่บนภูเขา ทว่าคงไม่มีคนที่จะต้านพวกเขาได้อีกแล้ว.
“ค้น!”หลังจากจัดการทุกคนหมด จุนซ่างเซียวก็เอ่ยสั่ง.
หลังจากที่เก็บแหวนเก็บของทั้งหมดมา ภายในแหวนหลายวงหนึ่งในนั้นมีวิชาชุดหนึ่ง.
“พระสูตรมารโลหิต หมัดโลหิตระเบิด ก้าวระเบิดโลหิต?”
จุนซ่างเซียวที่ได้จ้องมองวิชามารระดับสูงสามวิชาของหอเหยี่ยวดำ.
แม้นว่ามันจะไร้ประโยชน์ ทว่าเขาก็เก็บมันเอาไว้ก่อน.
ทักษะยุทธ์ เก็บเอาไว้ก่อน แม้นจะไม่มีประโยชน์ แต่เก็บไว้เฉย ๆก็ไม่ได้เสียหาย.
ระบบเอ่ย “วิชามารเหล่านี้ดูโหดร้ายเป็นอย่างมาก ทางที่ดีโฮสน์ไม่ควรฝึก และหลีกเลี่ยงไม่เข้าใกล้.”
“ข้ารู้.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลังจากตรวจสอบทั้งหมด เขาก็ใช้เพลิงประณีตเผาทำลายศพทั้งหมด ก่อนจะจ้องมองขึ้นไปบนภูเขาเหยี่ยวดำ พร้อมกับกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ขึ้นเขาจัดการคนที่เหลือ!”
“รับทราบ!”
ศิษย์ทุกคนที่เคลื่อนขึ้นภูเขาทันที.
......
หอเหยี่ยวดำเป็นสำนักมารระดับเจ็ด มีสมาชิกทั้งหมดราว ๆ 500-600 คน ตอนนี้เจ้าหอและคนระดับสูงถูกจัดการไปทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้น.
เซียวจุ้ยจื่อที่พังทำลายประตู พร้อมกับบุกเข้าไป จัดการคนที่เหลืออยู่.
หากเป็นสำนักฝ่ายธรรมมะ จุนซ่างเซียวย่อมไม่สังหารพวกเขา ทว่านี่คือสำนักมาร จะต้องสังหารให้สิ้น.
เหมือนเดิม เวลานี้ถึงเวลาค้น!
ในเวลานั้น ซูเซียวโม่ที่เหมือนจะเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไปในหอสมบัติ.
ประตูศิลาที่หนักมาก ความแน่นหนาที่บ่งบอกได้ว่าห้องนี้เก็บของมีค่าเอาไว้.
“เฮ้ย!”
หลังจากเข้าไปได้ ก็พบกองเงินกองทองที่ราวกับภูเขาน้อย ๆ ซูเซียวโม่แทบไม่อยากเชื่อ ”ร่ำรวยขนาดนี้เลยรึ?!
จุนซ่างเซียวที่ตามมา เห็นสมบัติมากมาย ถึงกับถอนหายใจ “สำนักระดับเจ็ดร่ำรวยจริง ๆ.”
หอเหยี่ยวดำทำธุรกิจปล้นชิง แน่นอนว่าต้องร่ำรวย.
น่าเสียดาย.
ตายก่อนได้ใช้ ถูกจุนซ่างเซียวกวาดไปหมด.
จากนั้น ในสถานที่พักของเหล่ยเห่ยซา ยังพบห้องลับห้องหนึ่ง ด้านในมีศิลาวิญญาณกว่า 500 ก้อน.
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาจะต้องเก็บไปทั้งหมด.
การปล้นชิงในครั้งนี้ สมบัติล้ำค่าของหอเหยี่ยวดำ ทั้งทักษะยุทธ์และอาวุธก็มาอยู่ในมือของจุนซ่างเซียวหมดแล้ว.
นับตั้งแต่ยกระดับแหวนเก็บของห้าเท่า ก็ได้ใช้ในการบรรจุสิ่งของเหล่านี้ไปในทันที.
“เผา แล้วกลับกัน.”
ฟู่ ฟู่!
หลังจากที่ค้นทั่วทุกซอกทุกมุมแล้ว หอเหยี่ยวดำก็ถูกเผา เปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วงไปถึงสวรรค์ สำนักที่ก่อร่างสร้างขึ้นมาหนึ่งร้อยปี ถูกเผาทำลายไปจนสิ้น.
ไม่ยากจะบรรยาย หลังจากคนของมนทลฮวยหยิงรู้ว่าสำนักมารระดับเจ็ดถูกทำลายสิ้นแล้ว จะต้องสั่นสะเทือนอย่างแน่นอน.
......
“ศิษย์น้อง....ศิษย์พี่ ข้าจะล้างแค้นให้กับพวกเจ้า!”
หลังจากคนของสำนักไท่กู่เจิ้งจากไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่ยกมือขึ้นก้าวออกมาจากด้านหลังก้อนศิลา.
คนผู้นี้ก็คือชายหนุ่มคนแรกที่จุนซ่างเซียวพบเมื่อครั้งเดินทางไปยังเมืองชิงหยางเพื่อรับศิษย์ในงานรับศิษย์ร้อยสำนัก เป็นชายในหมวกสีเขียว นามไต่ลู่!
หลังจากที่สำนักหลิงชวนถูกทำลาย เขาก็ไม่ได้กลับไปยังนิกายเซิ่งชวนหรอกรึ?
ใช่แล้ว.
ไต่ลู่ได้เดินทางกลับไปเช่นกัน.
หากแต่เขาได้พบกับความทุกข์ยากเป็นอย่างมาก หลังจากได้เป็นศิษย์ฝึกหัด.
ศิษย์ฝึกหัดนั้นมีสถานะต่ำยิ่งกว่าศิษย์สายนอกซะอีก เป็นเพียงกรรมกรทำงานเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นตัดฟืน หาบน้ำ งานจิปาถะมากมาย ไม่ต่างจากคนรับใช้.
เพื่อที่จะได้แก้แค้น ไต่ลู่อดทนต่อความยากลำบากสารพัด พลังบ่มเพาะของเขาเวลานี้อยู่ในระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบแล้ว.
ครึ่งเดือนที่แล้ว นิกายมีภารกิจ ให้เขาออกมาส่งจดหมายที่มนทลฮวยหยิง ทำให้เขาต้องเดินทางมายังพื้นที่แห่งนี้.
หลังจากทำภารกิจเสร็จแล้ว ขณะเตรียมกลับ บังเอิญพบเข้ากับลูกพี่ลูกน้องในเมือง ได้ถูกเชิญให้ไปที่สำนักของเขา พวกเขาเดินทางไปยังหอเหยี่ยวดำ.
ขณะลูกพี่ลูกน้องของไต่ลู่กำลังต้องการเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าร่วมหอเหยี่ยวดำ.
ใครล่ะจะคิด ขณะเขาพักอยู่ในคืนที่สอง สำนักก็ถูกทำลาย.
ในเวลานั้นไต่ลู่เพราะดื่มสุราไม่น้อย ในเวลากลางคืนปวดเยี่ยวจึงได้ออกมาปลดปล่อย เมื่อทำภารกิจเสร็จแล้วเขาที่เดินนวยนาดอยู่ด้านนอกภูเขา.
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องเจ็บปวดทรมาน เขาที่รู้สึกขนลุกไปทั่วร่าง เร่งรีบหาที่ซ่อนตัวทันที.
ผ่านไปนานเหมือนกัน จากนั้นจุนซ่างเซียวก็นำศิษย์จากไป เขาสามารถมองเห็นได้ถึงเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง ก็บอกได้ทันทีว่าสำนักแห่งนี้ได้ถูกทำลายเหมือนกับสำนักหลิงชวนแล้ว!
ไต่ลู่ที่รอดชีวิตมาได้อีกครั้ง.
จุนซ่างเซียวนับตั้งแต่ถูกส่งมาต่างโลก เขาทำลายสำนักไปสองแห่งแล้ว และอยู่ในสายตาของไต่ลู่ตลอด แม้แต่รอดพ้นมีชีวิตได้ด้วย.
บางครั้ง เขาก็มีโชคเสมอ ไม่ถึงคาดก็ไม่ตาย.
เขาที่โชคดี ที่ออกมาเยี่ยวด้านนอก จนรอดพ้นจากความตาย.
“จุนซ่างเซียว!”
ไต่ลู่ที่กำหมัดแน่น ภายในใจที่โกรธเกรี้ยว คำรามออกมาเสียงดัง “ไอ้สารเลวข้าจะสังหารเจ้า ความแค้นนี้จะคงอยู่ตลอดกาล!”
“ศิษย์พี่ศิษย์น้อง!”
เขาที่จ้องมองเปลวเพลิงที่ลุกโชติช่วง กล่าวปฏิญาณในใจ “ข้าจะแก้แค้นให้กับพวกเจ้าแน่นอน!”
ไต่ลู่เป็นคนฉลาด เขาจึงไม่ได้คิดจะจากไปทันที ด้วยเกรงว่าคนของสำนักไท่กู่เจิ้งจะยังไม่จากไป ดังนั้นจึงซ่อนอยู่ในที่ลับ จนกระทั่งผ่านไปวันหนึ่ง ถึงได้ลงจากเขา.
อย่างไรก็ตาม.
ขณะที่เขากำลังลงจากเขาไปนั้น ลมเย็นที่โบกสะบัดพัดผ่านมาด้วยความเร็ว.
ไม่ไกลออกไปนั้นพบกับชายชราผมสีดำ แววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารอย่างรุนแรง.
เดิมทีไต่ลู่กังวลสำนักไท่กู่เจิ้งจะพบเขา แต่คนที่ปรากฏขึ้นนี้ดูเลือนรางราวกับผสมเข้ากับอากาศ เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดผวา “ผี....”
“กึก!”
เฒ่าผีที่ดุร้าย ยืนมือออกมากุมคอของเขาเอาไว้ กลิ่นอายที่แปลกประหลาดปกคลุมจิตสำนึกของเขาในทันที.
ด้วยวิชามารรุกรานความทรงจำ ทำให้สามารถบังคับอ่านความทรงจำอีกฝ่าย เพื่อค้นหาข้อมูลที่ตัวเองต้องการได้.
จากนั้นไม่นาน.
เฒ่าผีที่คลายมือ สายตาที่มืดครึ้ม “สำนักไท่กู่เจิ้งไม่เพียงสังหารศิษย์รักของข้า ยังทำลายหอเหยี่ยวดำของข้า หนี้แค้นครั้งนี้ต้องถูกเอาคืนพันเท่า!”
“ฟิ้ว!”
กล่าวจบ ร่างกายของเขาที่มองไปยังทิศทางมนทลชิงหยาง เขาต้องการแก้แค้นให้ศิษย์ของเขา ทำลายล้างศัตรูให้สิ้นซาก.
ส่วนไต่ลู่ ที่ถูกรุกรานความทรงจำ ร่างกายที่แทบเป็นอัมพาตนอนกองอยู่บนพื้น ครวญครางโหยหวน รู้สึกราวกับสมองของตัวเองกำลังจะหายไป.
การถูกวิชามารรุกรานจิตสำนัก ผลที่ได้รับมีสองอย่าง อย่างแรกคือ หมดสติ กลายเป็นคนบ้าไป ส่วนอีกอย่างตกตายไปในทันที.
ตาย....
หนึ่งความคิด จิตใจที่มั่นคงปรารถนาที่จะมีชีวิต.
ความแค้นของอดีตเจ้าสำนัก ศิษย์พี่ศิษย์น้อง เขายังไม่ได้แก้แค้น ไม่ยอมตายเด็ดขาด!
ความเข้มแข็งของจิตใจที่ต้องการมีชีวิต ความปรารถนาที่จะแก้แค้น ดิ้นรนอย่างหนักหน่วง.
ข้าไม่ต้องการตาย!
ข้าไม่ยินยอม!
เพียงไม่นาน ร่างของไต่ลู่ที่ปกคลุมด้วยแสงสีเขียว ผมที่ดำก่อนหน้านี้เริ่มกลายเป็นสีเขียวแซม.
กลิ่นอายแห่งความตายที่รุกรานก่อนหน้านี้ ค่อย ๆ หายไปช้า ๆ!