ตอนที่แล้วChapter 222 แบ่งเงิน.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 224 ต่างฝ่ายต่างคิดถึงกัน.

Chapter 223 ลงมือกวาดล้าง โถงเหยี่ยวดำ


กองเงินกองทอง อธิบายได้ว่าร่ำรวยมั่งคั่งนั่นเอง.

ด้วยนำแกนผลึกออกมาขาย ทำให้จุนซ่างเซียวมีเงินเก็บห้าสิบล้าน ดังนั้นจึงสำเร็จภารกิจกลับที่ซ่อนเอาไว้ในทันที.

เฮ้อ.

ชื่อภารกิจที่เป็นเหมือนกับคำคมสำนวนเฉพาะอีกแล้ว.

เพราะว่าหลากหลายภารกิจที่สำเร็จ ล้วนแต่เป็นชื่อภารกิจเป็นสำนวน.

จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตเข้าไปด้านใน ก็พบว่าขนาดของพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก.

แหวนมิตินั้นเป็นสิ่งที่ระบบเตรียมให้กับเขา เดิมทีมันก็มีขนาดใหญ่อยู่แล้ว ตอนนี้เพิ่มขึ้นห้าเท่า ยิ่งทำให้มีขนาดใหญ่เข้าไปอีก.

“ขยายมากขนาดนี้ หลังจากนี้คงเก็บของได้มากมาย.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ประมุขอ้าย ตระกูลอ้ายขายศิลาวิญญาณหรือไม่?”

“เรื่องนี้......”

อ้ายซางหนี่ที่ส่ายหน้าไปมา “ตระกูลอ้ายของข้าไม่ได้ทำธุรกิจขายศิลาวิญญาณเลย.”

ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการทำ แต่ไม่สามารถที่จะทำได้ต่างหาก.

เพราะว่าธุรกิจนี้ เป็นธุรกิจใหญ่มาก ๆ ระดับอาณาจักรก็ว่าได้.

สิ่งสำคัญที่สุดนั้น คือผู้เชี่ยวชาญศิลาวิญญาณนั้นหาได้ยากมาก ๆ ถึงจะเป็นตระกูลอ้าย ต้องการขาย ยังไม่มีความสามารถเลย.

“เช่นนั้น.”

จุนซ่างเซียวที่ลุกขึ้น ยกมือประสาน “ประมุขอ้าย จุนโหมวยังมีเรื่องอีกมากมายต้องจัดการ คงต้องขอลาก่อน.”

หลังจากลาจากประมุขอ้ายแล้ว เขาก็นำลู่เชียนเชียนออกจากโรงประมูล ทว่ายังไม่ได้กลับสำนักเลย พวกเขาเดินทางไปยังพื้นที่ขายสินค้า.

......

พื้นที่ขายสินค้าของเมืองฮู่หยางนั้นเป็นพื้นที่คนพลุกพล่าน มีร้านค้ามากมาย หนึ่งในนั้นมีร้านที่มีชื่อว่า ร้านศิลาวิญญาณถังจี.

ถังจี หมายถึงกลุ่มตระกูลถังนั่นเอง.

นี่คือตระกูลใหญ่ระดับทวีปชิงหยุน เป็นตระกูลที่ร่ำรวยเป็นอย่างมาก.

ร้านค้าศิลาวิญญาณถังจีในมนทลชิงหยางแปดเมือง ล้วนแต่เป็นร้านของพวกเขาทั้งสิ้น.

พวกเขาเป็นตระกูลการค้าเหมือนกับตระกูลอ้าย ทว่าตระกูลอ้ายไม่สามารถนำไปเทียบตระกูลถังได้เลย.

นั่นเพราะธุรกิจศิลาวิญญาณนั้นเป็นธุรกิจใหญ่กว่า ส่วนธุรกิจยาแม้นว่าจะได้กำไรแต่ก็มีเรื่องยุ่งยากเกี่ยวกับสมุนไพรและที่ปลูก ทำให้ในมนทลชิงหยางตระกูลอ้ายครอบครองส่วนแบ่งการค้าอยู่ที่ 60%

จุนซ่างเซียวเดินทางมาที่ร้านตระกูลถังนั้นก็เพราะต้องการซื้อศิลาวิญญาณนั่นเอง.

หลังจากนำลู่เชียนเชียนมานั้น เขาก็จ่ายไป 10 ล้านเหรียญซึ่งได้ศิลาวิญญาณไป 1000 ก้อนนั่นเอง.

เงินเขามีมากมาย แกนผลึกระดับสูงเองก็ไม่ขาด การซื้อศิลาวิญญาณถือเป็นเรื่องที่ฉลาดที่สุด.

“เซ็งแซ่.”

ในเวลานั้น ผู้จักการร้านถังจีเผยท่าทางประหลาดใจมาก “เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งร่ำรวยจริง ๆ.”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่เห็นเขามาซื้อศิลาวิญญาณ ต่างก็กล่าวล้อ “ในโรงประมูลนั้น เจ้าสำนักจุนกล้านั้นถึงกับกล้ายั่วยุนิกายระดับห้าสองนิกายอย่างเปิดเผยเลย.”

ได้ยินมาว่าทั้งนิกายหงอวิ๋นและนิกายถิงอี้หยิ่งในศักดิ์ศรีมาก การที่ถูกสำนักระดับต่ำหมิ่นเกียรติ เกรงว่าจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี.”

“ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องรีบ รอให้เขาเดินทางไปยังนิกายเซิ่งชวนก่อน จะรู้ความโชคร้ายเป็นอย่างไร.”

เหล่าชาวยุทธ์ที่ดูแคลน นับตั้งแต่เขาออกมาจากพันธมิตรร้อยสำนัก ทำให้ทุกคนว่ากล่าวสำนักไทกู่เจิ้งอย่างเปิดเผย.

......

หลังจากออกจากร้านศิลาวิญญาณ จุนซ่างเซียวก็ยังคงไปยังร้านค้าอื่น ซื้อแร่แตกต่างชนิดกว่า 1.1 ล้านเหรียญ.

วัตถุดิบเหล่านี้จำเป็นต่อการหลอมอุปกรณ์ เขาที่ขาดวัตถุดิบ ดังนั้นจึงต้องซื้อเก็บไว้เตรียมอาวุธให้พร้อมใช้ทุกเมื่อ.

“เช่นนั้นควรจะหาซื้อวัตถุดิบทำอาหารให้ตู้ตู้ด้วย.

จุนซ่างเซียวที่ไปยังร้านค้าทั่วไป ซื้อเครื่องปรุงมากมาย ข้าวสารและผัก ตลอดจนเมล็ดพันธ์อีกมากมาย.

หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว เขาก็นำลู่เชียนเชียนกลับสำนัก.

หลังจากผ่านงานประมูล ก็ทำให้เขามีเงินมากมาย ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นนิกายใหญ่โต มีเงินให้ใช้จ่ายอย่างเหลือเฟือ.

นี่สิถึงจะเรียกว่าความรู้สึกของคนรวย.

“เจ้าสำนัก.”

ระหว่างทาง ลู่เชียนเชียนเอ่ย “จะจัดการกับหอเหยี่ยวดำ เมื่อไหร่?”

จุนซ่างเซียวที่เกือบลืมไปแล้ว ทว่านางที่ย้ำเตือนเขาอีกรอบ.

“กลับถึงสำนักค่อยเอ่ยอีกครั้ง.”

“เจ้าสำนัก พวกเราลงมือเองดีหรือไม่ หรือจะนำเหล่าศิษย์น้องออกไปกำจัดโถงเหยี่ยวดำ ด้วย?”

“ทำไมอย่างงั้นรึ?”

“สำนักมารนั้น ฝึกฝนวิชาที่ชั่วร้าย ไม่เป็นผลดีกับพวกเขานัก.”

“......”

จุนซ่างเซียวที่มุมปากกระตุก.

แม้นว่าเขาจะไม่ได้ใส่ใจโถงเหยี่ยวดำนัก ทว่าจะดีจะร้ายก็เป็นสำนักระดับเจ็ด หากว่าลงมือเพียงสองคน ดูเหมือนว่าจะเกินไปหน่อย.

ลู่เชียนเชียนเอ่ย “เจ้าสำนักกลัวงั้นรึ?”

“ไม่ได้กลัว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เปิ่นจั้ว ตระหนักได้ว่ามันคือประสบการณ์ที่หายาก การนำศิษย์คนอื่น ๆ ไปด้วย จะช่วยให้พวกเขาสามารถปรับตัวเข้ากับโลกที่โหดร้ายแห่งนี้ได้.”

“ดี.”

ลู่เชียนเชียนไม่กล่าวอะไรอีกต่อไป.

แม้นว่านางจะเสนอความคิดหลายอย่าง ทว่าเมื่อเจ้าสำนักตัดสินใจแล้ว นางก็ไม่เคยโต้แย้ง.

นี่คือลู่เชียนเชียน.

แม้นว่าจะเย็นชาได้ทั้งวัน ทว่านางก็เป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง เป็นเรื่องปรกติที่นางต้องฟังคำสั่งของเจ้าสำนัก.

......

ก่อนมืด จุนซ่างเซียวก็กลับถึงสำนัก ศิษย์ของเขาที่ยังคงบ่มเพาะตามปรกติ.

เขาส่งมอบวัตถุดิบให้กับหลิวหว่านซี่ จากนั้นก็เรียกหลี่ชิงหยางมา วางแผนที่จะกำจัดหอเหยี่ยวดำ .

“เจ้าสำนัก.”

หลี่ชิงหยางเอ่ยอย่างจริงจัง “การทำลายล้างหอเหยี่ยวดำ  ไม่เป็นความคิดที่อหังการไปหน่อยรึ?!”

“.”

เขาหยุดและเอ่ยต่อ “แต่พวกเขาคือสำนักมารที่อันตรายจริง ๆ ในเมื่อมีความแค้นกับสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องมาหาเรื่องพวกเราแน่.”

“เห็นด้วยอย่างงั้นรึ?”

“เจ้าสำนักคิดว่าศิษย์ควรทำอย่างไรดี.”

หลี่ชิงหยางก็เหมือนกับลู่เชียนเชียน ในเมื่อเขาเป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้ง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าสำนัก ไม่โต้แย้งแต่อย่างใด.

จุนซ่างเซียวเอ่ย ”แจ้งไปยังศิษย์ที่เคยไปหาประสบการที่หุบเขาแห่งความตาย ให้พวกเขามารวมตัวกันที่ลานยุทธ์ด้านในพรุ่งนี้.

“ครับ.”

หลี่ชิงหยางที่ถอยกลับไป.

จุนซ่างเซียวที่เรียกลี่ลั่วฉิว แจ้งข่าวที่เขาจะทำลายหอเหยี่ยวดำ  ให้นางรวบรวมสมาชิกหอฝนพรำในทันที.

การทำลายสำนักระดับเจ็ด นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นอย่างแน่นอน.

การนำสมาชิกหอฝนพรำไปด้วย ย่อมปลอดภัยกว่ามาก.

ลี่ลั่วฉิวที่เป็นมือสังหารมาก่อน แน่นอนว่าย่อมต้องสนใจเรื่องนี้ นางจึงเอ่ยว่า “ข้าจะนำคนของข้าล่วงหน้าไปก่อน.”

“อืม.”

จุนซ่างเซียวพยักหน้ารับ.

ในคืนนั้น.

ลี่ลั่วฉิวที่นำงูพิษและแมวภูเขาและสมาชิกอีก 50 คนเดินทางออกไปก่อน.

หลายวันมานี้สมาชิกหลักไม่ได้ถูกส่งออกไปหาข้อมูล ด้วยพลังบ่มเพราะของพวกเขาแล้วไม่จำเป็นต้องทำงานเหล่านี้ ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องพัฒนาพลังบ่มเพาะ ในสำนัก มีเครื่องปั้นกล้ามเนื้อ มีห้องท่าเท้า ช่วยยกระดับความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นอย่างมาก.

ในเวลานี้งูพิษและแมวภูเขาได้เลื่อนระดับจากศิษย์ยุทธ์ขั้นปลายเป็นอาจารย์ยุทธ์ขั้นต้นแล้ว.

พวกเขาที่เป็นมือสังหาร การยกระดับพลังบ่มเพาะจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก.

“ถางจู่.”

งูพิษเอ่ย “ตอนนี้พี่น้องของพวกเรากำลังรู้สึกเบื่อ ในที่สุดก็ได้ยืดเส้นยืดสายซะที.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ยกล่าวอย่างจริงจัง ”หอเหยี่ยวดำ นั้นเป็นสำนักมาร ไม่ใช่อ่อนด้อย พวกเจ้าอย่าได้ประมาทเด็ดขาด.

“อืม.”งูพิษที่พยักหน้ารับ.

“อีกอย่าง.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ยเพิ่ม “ตอนนี้พวกเราเป็นคนของสำนักไท่กู่เจิ้ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงสำนัก การจะทำอะไรนั้นอย่าได้เลยเถิด กระทำทุกอย่างภายใต้คำสั่งอย่างเคร่งครัด.”

“รับทราบ!”

สมาชิกหอฝนพรำที่ตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

ในคืนนั้น สมาชิกกว่าห้าสิบคนของหอฝนพรำที่เดินทางผ่านภูเขา มุ่งตรงไปยังมนทลฮ่วยหยิงด้วยความเร็วเต็มที่.

“ท้ายที่สุดก็ได้ออกโรงสักที!”

ลี่ซ่างเทียนที่ตามมาด้วย.

แม้นว่าตอนนี้เขาจะมีเพียงระดับศิษย์ยุทธ์ขั้นที่สอง ทว่าด้วยการฝึกฝนของถางจู่ลี่ หลายสิบวันมานี้ ทำให้เขามีความสามารถเท่ากับมือสังหารหลาย ๆ คน.

โดยเฉพาะเมื่อปรับตัวเข้ากับการฝึกพิเศษได้แล้ว ก็ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น โดดเฉพาะห้องฝึกท่าเท้า ทำให้พวกเขาเดินทางในความมืดได้อย่างราบรื่น.

จุนซ่างเซียวที่มอบทรัพยากรมากมายให้ศิษย์ ถึงแม้นว่ารากวิญญาณจะไม่ดีนัก แต่หากมีความตั้งใจ ฝึกฝนอย่างหนัก ย่อมแข็งแกร่งขึ้นในที่สุด.

“เจ้าสำนัก.”

ลี่ซ่างเทียนที่ใช้ก้าวปิศาจ ตามคนอื่นมา กล่าวในใจ “ท่านได้มอบปีกให้กับข้า วันนี้ข้าจะแสดงให้ท่านได้เห็น ข้าลี่ซางเทียนจะต้องโบยบินขึ้นสู่สวรรค์ได้อย่างแน่นอน!”

“อั๊ยยะ.”

งูพิษที่กล่าวข้าง ๆ เขา “เจ้าสารเลวน้อยคิดอะไรอยู่อีก รีบตามมาเร็วเข้า เดี๋ยวก็ถูกทิ้งหรอก.”

“พี่งู.”

ลี่ซ่างเทียนที่กล่าวเสียงเบา “ไม่จุดไฟรึ?”

งูพิษที่โบกมือห้ามทันที “มือสังหาร เวลาลงมือ ไม่สามารถสร้างความสนใจได้.”

“รู้แล้ว รู้แล้ว.”ลี่ซ่างเทียนเอ่ย.

ยกเว้นวันแรกที่ถางจู่ลี่เป็นคนฝึกฝน หลังจากนั้นงูพิษก็รับหน้าที่ แม้นว่าจะดุด่าไปมากมาย ทว่าก็เพียงแค่ใช้ได้เท่านั้น.

แต่หากไม่มีใครคอยควบคุมอย่างเข้มงวด ก็ไม่มีทางที่เขาจะประสบความสำเร็จได้.

“พี่งู.”

ลี่ซ่างเทียนเผยยิ้มอย่างมีเลศนัย “เมื่อมาถึงหอเหยี่ยวดำ แล้ว ข้าจะแสดงฝีมือให้ดู.”

“ลืมมันซะ.”

งูพิษที่เบ้ปาก กล่าวล้อ “ข้ารู้สึกเมื่อยล้ามากที่ต้องตามเช็ดก้นให้เจ้า.”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด