Chapter 22 น้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์
“อะไรนะ?! หลี่ชิงหยางเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งรึ?”
“ห๋า?! เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งชี้แนะอาวุโสนิกายเขาชางซาน ทำให้เขาตระหนักรู้ได้อย่างงั้นรึ?”
“อะไร?! อาวุโสสำนักหลิงชวนถูกเขาตัดแขน?”
ผู้ฝึกยุทธ์หลายต่อหลายคนถึงกับลุกขึ้นอุทาน ใบหน้าเผยท่าทางไม่อยากเชื่อ กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น.
ด้วยเรื่องทั้นหมดที่เกิดขึ้นในเวลานี้.
ล้วนแต่เป็นเรื่องของจุนซ่างเซียว ที่ทำให้ทั้งเมืองตื่นตะลึง.
เมื่อเขานำลู่เชียนเชียนและหลี่ชิงหยางไปกินอาหารแล้วจากไป และครึ่งวันหลังจากนั้นทั่วทั้งเมืองแทบระเบิด ผู้คนมากมายต่างก็พูดคุยเรื่องดังกล่าวอย่างร้อนแรง.
“เป็นไปไม่ได้!”
“สำนักขยะ จะมีเจ้าสำนักที่ยอดเยี่ยมได้อย่างไรกัน?”
“เฮ้ เอ้ เจ้าได้ข้อมูลผิดมาหรือเปล่า?”
“มันจะผิดได้อย่างไร! ข้าเห็นมันกับตาที่ลานรับสมัครศิษย์!”
“เหลือเชื่อเกินไปแล้ว!”
“เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งตัดแขนอาวุโสเหว่ย ไม่เท่ากับว่าได้ล่วงเกินสำนักหลิงชวนแล้วอย่างงั้นรึ?”
“สำนักหลิงชวนคงไม่อยู่เฉยแน่ ในความเห็นของข้า อีกไม่นาน พวกเขาจะต้องนำคนไปยังหมู่บ้านชิงหยางเพื่อหาเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งแน่!”
เรื่องดังกล่าวนี้ทุกคนต้องกังวลงั้นรึ? ควรเป็นจุนซ่างเซียวต่างหากที่ต้องเป็นกังวล.
อย่างไรก็ตาม ด้วยคิดถึงคะแนนสนับสนุน 97 แต้มเวลานี้ สามารถแลกสินค้าอีกมาก จุนซ่างเซียวก็เอ่ยกล่าว อย่างมั่นใจ “ขอเพียงสำนักหลิงชวนส่งคนมา ข้าจะทำให้พวกมันหมอบราบไปกับพื้น.”
นี่คือโลกที่แตกต่างจากที่เขาเคยอยู่.
อยู่เฉย ๆ ไม่ได้แปลว่าจะอยู่รอดปลอดภัย.
ยิ่งถ่อมตนยิ่งถูกรังแก ยิ่งหุบปาก็ยิ่งถูกดูแคลน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ยากจะทนได้.
เจ้าสำนักจุนเองก็คาดการไว้แล้ว สำนักหลิงชวนต้องมาหาเรื่องแน่ และแน่นอนว่า หากเขาสามารถรับมือได้ ย่อมสามารถสร้างชื่อเสียงได้ด้วย เขาจะทำให้ทุกคนได้รับรู้ว่า สำนักไท่กู่เจิ้ง ไม่สามารถยั่วยุได้!
......
กลุ่มของจุนซ่างเซียวได้มาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าประตูไม้ที่พังลง เสียงลมพัด ที่พัดแรงจนเกิดเสียงดังหวีดหวิว ประตูที่หัก ๆ ตีกระทบขอบประตูไม้ที่หักพัง แต่ยังไม่หลุดออกจากกัน เสียงดังกังวาน.
หลี่ชิงหยางที่ขึ้นไปยืนห่างออกมาหลายสิบเมตร จ้องมองไปยังสิ่งก่อสร้างที่ใกล้จะพัง จ้องมองไปยังประตูสำนักไท่กู่เจิ้งพังทลายไปเกือบหมด ป้ายสำนักที่หลุดออกมา ซีกหนึ่งลมพัดกระแทกคานประตูอยู่เป็นระยะ ก่อนที่เขาจะเอ่ยกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนัก ข้าจะกลับไปหาคนมาช่วยปรับปรุง แต่ว่าจะซ่อมแซมได้ทันเวลาเปิดสำนักรึ?”
“ไม่น่าจะทัน.”
จุนซ่างเซียวเผยสีหน้าขมขื่นออกมา.
โอ้ว สวรรค์ นี่คือสำนักไท่กู่เจิ้งของข้ารึนี้!
ร้อยปี พัฒนาสำนักให้กลายเป็นที่รู้จักทั่วทวีป ต้องรับศิษย์หนึ่งแสนคนด้วย นี่มันยากโหมดนรกเลยไม่ใช่รึไง!
“ซี่ ซี่ ซี่ ซี่!”
ที่มุมหนึ่งของประตูทางเข้า ทันใดนั้นพวกเขาก็มองเห็นเด็กสามขวบ ที่หันหลังเปิดก้น งัดหนอนน้อยขึ้นมาเยี่ยวที่มุมประตู.
“อ๊าก ๆ!”
จุนซ่างเซียวที่ชักกระบี่ ตะโกนคำรามเสียงดัง “เจ้าเด็กเหลือขอ กล้ามาเหยี่ยวรดสำนักข้า เปิ่นจั้วจะสับหนอนน้อยของเจ้าออกเลย!”
“เจ้าสำนักใจเย็น ใจเย็นก่อน!”
หลี่ชิงหยางที่เร่งรีบเข้าไปดึงเอาไว้ ห้ามไม่ให้เจ้าสำนักวิ่งเข้าไป.
“แง้ แง้!”
เด็กสามขวบที่ร้องไห้โฮ วิ่งเปิดตูดวิ่งหนี พร้อมกับตะโกนออกไปเสียงดัง “เหนียง(แม่)....โกวเซิ่ง(หมาจรจัด,เทพหมา) รังแกข้า!”
“อ๊าก ๆ!”
จุนซ่างเซียวที่ตะโกนคำรามเสียงดัง “ไอ้เด็กเปรต เรียกใครว่าโกวเซิ่ง ลองพูดอีกซิ ข้าสับเจ้าเป็นชิ้น ๆแน่!”
“เจ้าสำนักใจเย็น เจ้าสำนักใจเย็นไว้!”
หลี่ชิงหยางที่คว้าร่างเจ้าสำนักไว้.
“ฮือ ฮือ!”
จุนซ่างเซียวที่สูดหายใจลึก ปรับอารมณ์และกล่าวออกมาว่า “ข้าเป็นถึงเจ้าสำนัก จะลดตัวไปทะเลาะกับเด็กสามขวบได้อย่างไรกัน.”
“ฟิ้ว!”
จุนซ่างเซียวที่สะบัดแขนเสื้อ “ไป พวกเราเข้าไปด้านใน......”
“พรึด ผลั๊ว!”
ขณะที่ก้าวเข้าไปด้านใน ป้ายสำนักที่ถูกลมพัดสะบัดอยู่ ลอยหลุดร่วงลงมากระแทกหน้าผากของเขาทันที ร่างของจุนซ่างเซียวถึงกับล้มฟาดลงไปกับพื้น.
หลี่ชิงหยาง“......”
ลู่เชียนเชียน “......”
“อ๊าก ๆ! ใครกัน ข้าจะสับมัน!”
“เจ้าสำนักใจเย็น! ใจเย็นก่อน! เป็นป้ายสำนักไท่กู่เจิ้งที่หล่นใส่ท่าน!”
......
“สำนักไท่กู่เจิ้งของพวกเรา ในเมื่อต้องพัฒนา ก่อนอื่นควรจะจัดเรื่องภายในภายนอก ซ่อมแซมทุกอย่าง ทั้งประตูหน้าต่างทั้งหมด.”
จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องโถงหลัก พร้อมเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ.
จุนซ่างเซียวนำเงินที่เพิ่งได้รับมาจากเมืองชิงหยาง เตรียมซ่อมแซมสำนัก ไม่ต้องบอกเลยว่า เวลานี้มันเก่าซอมซ่อ ดูไม่เจริญหูเจริญตาเป็นอย่างมาก.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางที่กล่าวเตือนเสียงต่ำ “หน้าผากของท่านมีเลือดไหลอยู่!”
“ไม่มีปัญหา ไม่เป็นไร.”
จุนซ่างเซียวที่กุมแผลเอาไว้ ซึ่งเป็นรอยป้ายสำนักขูดเป็นรอย “เรื่องนี้มอบให้เจ้าไปจัดการ ทำให้เสร็จก่อนคนอื่น ๆ จะมาถึง.”
“ครับ!”
หลี่ชิงหยางกล่าวตอบรับ.
“เอาล่ะ.”
จุนซ่างเซียวที่มอบตั๋วเงินออกไป ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนและกล่าวออกมาว่า “เปิ่นจั้วรู้สึกหน้ามืดเล็กน้อย ขอไปพักก่อน.”
......
สำนักไท่กู่เจิ้งนั้นสร้างอยู่บนเนินเขาร้างอยู่ใกล้ๆ กับหมู่บ้านชิงหยาง ตั้งแต่ที่เจ้าสำนักหวังตายไป ชาวบ้านก็แทบไม่มาเยือนที่นี่เลย.
ทว่าหลายวันมานี้ ชาวบ้านพบว่า มีเหล่าช่างมากมายที่เดินทางไปมาจากเมืองชิงหยางขึ้นไปบนเขา พร้อมกับเคลื่อนย้ายอุปกรณ์ก่อสร้างขึ้นมาด้วยเป็นจำนวนมาก.
“สำนักไท่กู่เจิ้งกำลังปรับปรุงใหม่อย่างงั้นรึ?”
“เจ้าเด็กเหลือขอโกวเซิ่งร่ำรวยขนาดนั้นเลยรึ?”
“เป็นไปไม่ได้ก่อนหน้านี้มันยังมาขอข้าวป้าหวังกินอยู่เลย จะไปมีเงินได้อย่างไรกัน.”
“ไป พวกเราไปดูกัน.”
ในเวลานั้นกลุ่มชาวบ้าน 3-5 คนกำลังขึ้นเขา ทว่าถูกลู่เชียนเชียนขวางเอาไว้ “ข้าได้ส่งคนงานขึ้นเขาไปหมดแล้ว หากไม่ใช่ศิษย์ของสำนัก ไม่สามารถขึ้นไปได้.”
“แม่นาง.”
ชาวบ้านที่เผยยิ้มและกล่าวออกมาว่า “พวกเราเป็นชาวบ้านที่เนินเขา เจ้าโกว...”
“เคร้ง!”
ลู่เชียนเชียนที่ชักกระบี่ออกมาจากฝัก กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “เจ้าสำนักสั่งมาว่า ใครกล้าพูดชื่อตอนเด็ก ให้สังหารให้หมด.”
“วิ้ง!”
ในเวลาเดียวกันนั้น เหล่าชาวบ้านที่สงสัยต่างก็หนีหายไปในทันที.
ลู่เชียนเชียนที่เก็บกระบี่เข้าฝัก และกล่าวเสียงเบา “โกวเซิ่ง เป็นชื่อที่นิยมของชาวบ้านมากกว่าจุนซ่างเซียวซะอีก ทำไมเจ้าสำนักไม่ชอบกัน?”
......
เกี่ยวกับการซ่อมแซมฟื้นฟูสำนัก เป็นหลี่ชิงหยางเป็นคนคอยจัดการทั้งหมด.
เจ้าสำนักจุนที่นั่งขัดสมาธิในห้อง ครุ่นคิดและเอ่ยกับตัวเอง “คนก็รับมาเต็มแล้ว แล้วต้องให้ศิษย์ทำภารกิจอะไร ถึงจะยกระดับสิ่งก่อสร้างได้.”
“วิ้ง!”
เขาที่เปิดคอนโซนระบบ ก็พบว่าภารกิจสำนัก ยังคงแสดงข้อความ“ไม่มีชั่วคราว” เขารู้สึกสงสัยขึ้น “นี่ระบบ เมื่อไหร่จะมีภารกิจสำนัก?”
ระบบตอบ “รอก่อน.”
“......”
จุนซ่างเซียวหมดคำพูดไปเหมือนกัน ก่อนที่จะเริ่มเปิดคำสั่งร้านค้า เพื่อหาสินค้าที่เขาต้องการ.
ทักษะต่อสู้ อาวุธ เขายังไม่ต้องการชั่วคราวในเวลานี้.
ส่วนสิ่งที่เขาต้องการนะรึ?
จุนซ่างเซียวยังขาดพลังบ่มเพาะนั่นเอง!
จุนซ่างเซียวไม่มีทางเชื่อว่า เพียงระดับเปิดชีพจรขั้นที่ห้าจะสามารถ แบกรับความวุ่นวายในทวีปชิงหยุนได้ นี่คือเรื่องเร่งด่วนอย่างแรก เขาต้องเพิ่มพลังบ่มเพาะ.
“ยันต์ประสบการณ์?”
เขาที่ค้นหาอย่างระเอียด ตั้งแต่บนลงล่างแต่กับไม่พบเลย.
จุนซ่างเซียวนอนบนเตียง ใช้มือกุมศีรษะห้ามเลือดที่ซึมออกมา “เป็นอะไรที่ยากมาก หากต้องฝึกเหมือนกับเหล่าชาวยุทธ์ทั่วไป นั่งบ่มเพาะค่อยๆรวบรวมพลังวิญญาณเพื่อยกระดับเขตแดนยุทธ์รึ?”
ไม่ มันช้าเกินไป!
ต้องไม่ลืมว่าพรสวรรค์ร่างกาย ร่างนี้ธรรมดาเป็นอย่างมาก วิชาบ่มเพาะก็ไม่ได้มีระดับสูง หากต้องบ่มเพาะด้วยวิธีธรรมดาทั่วไป การจะตัดผ่านระดับไปยังขั้นศิษย์ยุทธ์แทบเป็นไปไม่ได้ในชีวิตนี้เลย.
“ใช่แล้ว!”
จุนซ่างเซียวที่ตบหน้าผาก โลหิตพุ่งปู๊ด “เปลี่ยนพรสวรรค์ไง!”
“ฟิ้ว!”
เขาที่เปิดหน้าคอนโซนระบบ เข้าไปยังร้านค้ามือใหม่ เริ่มเลื่อนรายการต่าง ๆ ค้นหา และไปหยุดที่รายการหนึ่ง น้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ ก่อนที่จะเริ่มตรวจสอบทันที.
รายระเอียดที่ปรากฏขึ้น “สินค้า: น้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์.”
“ผล: ใช้เปลี่ยนพรสวรรค์ ยกระดับรากฐานของผู้ฝึกยุทธ์ หมายเหตุ: ใช้กับผู้มีพรสวรรค์ระดับต่ำเท่านั้น.”
“ประสิทธิภาพ : ตลอดชีวิต.”
“ราคา : 50 แต้มสนับสนุน.”
“50 แต้ม??”
จุนซ่างเซียวถึงกับคิดหนัก กับราคา 50 แต้มสนับสนุน เขาจึงเอ่ยกล่าวออกมาเสียงดัง “น้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์แพงขนาดนี้เลยรึ?”
“ใช่.”
“นี่เป็นการยกระดับพรสวรรค์ของผู้ฝึกยุทธ์ ยิ่งผู้ฝึกยุทธ์มีพรสวรรค์ในระดับที่สูงขึ้น จะยิ่งพัฒนาได้เร็ว และตัดผ่านระดับได้สูงขึ้น จึงเป็นสินค้าที่แพงเป็นธรรมดา.”
ไม่มีอะไรต้องลังเล จุนซ่างเซียวเลือกซื้อในทันที.
“ติ้ง!”
“โฮสน์ใช้ 50 แต้มสนับสนุน ได้รับน้ำยาเปลี่ยนพรสวรรค์ 1 ส่งไปยังแหวนมิติแล้ว.”
“ติ้ง!”
“แต้มสนับสนุนสำนัก : 47 / 100.”