ตอนที่แล้วChapter 213 ไม่ควรประมาทลู่เชียนเชียน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 215 ได้รับเชิญจากประมุขอ้ายเพื่อเปิดหูเปิดตา.

Chapter 214 ความเห็นของจุนซ่างเซียว


หอคอยเก็บประสบการณ์ชั้นที่หนึ่ง.

จุนซ่างเซียวที่ใบหน้าเคร่งขรึมซับซ้อนแบกรับแรงโน้มถ่วงสิบเท่า.

ในเวลานี้เวลาผ่านมาสี่ชั่วโมงแล้ว แม้นว่าเขาจะยังทนได้ทว่าเวลานี้กับรู้สึกไม่ค่อยดีนัก.

ในทางตรงกันข้าม.

ลู่เชียนเชียนยังคงยืนนิ่ง เพียงขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทางเหนื่อยอ่อน แต่แววตายังคงผ่อนคาย.

ในเวลานั้น.

จุนเซียวก็เข้าใจในที่สุด ทำไมนางไม่สนใจห้องปั้นกล้ามเนื้อ แท้จริงแล้วกายเนื้อของนางก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องยกระดับแต่อย่างใด.

อายุยังน้อย มีพลังบ่มเพาะที่ลึกล้ำ มีกายาธาตุน้ำแข็ง ศิษย์หญิงใหญ่ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก.

“เชียนเชียน......”

จุนซ่างเซียวที่อดทนต่อแรงโน้มถ่วงกล่าวออกมาอย่างยากลำบาก “เจ้า...มีภูมิหลังใด?”

ลู่เชียนเชียนกล่าว “ข้าไม่มีภูมิหลังใด.”

ไม่มีภูมิหลัง? ใครจะเชื่อกัน.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้ามีรากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ มีกายาธาตุน้ำแข็ง ควรจะมาจากตระกูลใหญ่ที่น่าเกรงขาม.”

แววตาของลู่เชียนเชียนที่ตื่นตระหนก ลอบคิดในใจ “นี่เขารู้รากวิญญาณของข้าได้อย่างไร?”

หลังจากที่เขาซื้อแว่นกันแดดหรูหรา นอกจากโจวหงที่เป็นมือกระบี่ เจ้าสำนักจุนย่อมสามารถเห็นข้อมูลทุกอย่าง.

“เป็นได้ว่า”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “บางทีเจ้าคงมาจากนิกายหลัก.”

ได้ยินคำว่า นิกายหลัก แววตาของลู่เชียนเชียนสั่นไหวไปมาทันที.

แม้นว่านางจะปกปิดได้เป็นอย่างดี ทว่าการจะหลบให้พ้นจากจุนซ่างเซียวย่อมเป็นไปไม่ได้ จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “ดูเหมือนว่า นางจะมาจากนิกายหลักจริง ๆ.”

รากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์.

ต้องเป็นนิกายที่สูงกว่าระดับสามขึ้นไปแน่นอน.

ในเมื่อนางมาจากนิกายหลัก ทำไมถึงได้มายังมนทลชิงหยาง เข้าร่วมสำนักที่ไม่เป็นที่รู้จักกัน?

ในเวลานี้ ราวกับวิญญาณโฮมส์และโคนันได้เข้าสิงเขาแล้ว.

เจ้าสำนักจุนที่ราวกับใช้ความคิด พร้อมกับคาดเดาไปต่าง ๆ พบว่านางเผยท่าทางประหลาดใจ ดูคล้ายว่านางออกมาจากนิกายหลักและเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งจริง ๆ.

หากมันเป็นไปตามที่เขาคาดคำนวณ แล้วปัญหามันอยู่ที่ใดกัน.

ลู่เชียนเชียนเอ่ย “เรื่องของข้า เจ้าสำนักไม่รู้จะเป็นการดีที่สุด.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดูเหมือนว่าจะมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่นิกายหลัก จนเจ้าต้องจากมา และเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งเพื่อหาที่พักพิง.”

“......”

เห็นชัดเจนจากท่าทางของนาง เขาคงจะเดาถูกต้อง.

เห็นนางเงียบลง จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดูเหมือนว่า เปิ่นจั้วจะคาดเดาใกล้เคียงความจริง.”

ลู่เชียนเชียนไม่เอ่ยอะไรอีกต่อไป ตั้งใจทนต่อแรงโน้มถ่วงต่อไป.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้งวันเดียว ก็เป็นศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าตลอดชีวิต หากเจ้ามีศัตรู เปิ่นจั้วจะรับผิดชอบเจ้าเอง.”

ลู่เชียนเชียนจ้องมองมายังเขา เอ่ยออกไปว่า “หากศัตรูของข้าเป็นจักรพรรดิยุทธ์ เป็นปราชญ์ยุทธ์ เจ้าสำนักยังจะรับผิดชอบข้าหรือไม่?”

จักรพรรดิยุทธ์ ปราชญ์ยุทธ์รึ?

สตรีผู้นี้มีศัตรูทีแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ?

ลู่เชียนเชียนเอ่ย “เจ้าสำนักควรตั้งใจพัฒนาสำนัก เรื่องของข้า ข้าจัดการเองได้.”

“ลู่เชียนเชียน ฟังข้า!”

จุนซ่างเซียวที่พยุงร่างที่เริ่มโก่งโค้ง “กล่าวออกไปว่า”ถึงศัตรูของเจ้าจะเป็นราชันย์ยุทธ์ที่สูงส่ง ข้าที่เป็นเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง ก็จะรับผิดชอบชีวิตของเจ้า!”

เสียงที่เคร่งขรึมตัดตะปูเฉือนเหล็กฟังดูน่าเชื่อถือ

ทว่าด้วยแรงโน้มถ่วงสิบเท่า ทำให้ใบหน้าดูจริงจังมากกว่าเดิม .

ลู่เชียนเชียนที่ตะลึงงัน.

“พรึดโครม.”

เพราะว่าฝืนพูดออกมาทำให้ขาดสมาธิ เจ้าสำนักจุนที่ล้มลง ร่างจิตวิญญาณที่สลายไป คืนกลับร่างต้น.

ลู่เชียนเชียนยังคงยืนอยู่ที่ชั้นแรก ในหูของนางยังคงมีคำพูดของเจ้าสำนักดังก้องอยู่.

ในเวลาต่อมา.

ที่มุมปากของนางที่เผยยิ้มยกขึ้นอย่างคาดไม่ถึง.

สตรีน้ำแข็ง คาดไม่ถึงว่าจะยิ้มหวานถึงเพียงนี้!

เดิมทีลู่เชียนเชียนก็เป็นสตรีที่งดงามอยู่แล้ว ทว่าด้วยรอยยิ้มที่เพริศแพร้วในเวลานี้ ทำให้งดงามเกินคำบรรยาย.

น่าเสียดาย เจ้าสำนักจุนได้ออกมาจากหอคอยแล้ว จึงไม่สามารถได้เห็นเป็นพยานความงามของนางได้.

......

เช้าวันถัดมา.

ภายใต้การสั่งการของจุนซ่างเซียว หอคอยเก็บประสบการณ์ชั้นที่หนึ่ง จึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน.

ส่วนหนึ่งสำหรับศิษย์ชาย อีกส่วนสำหรับศิษย์หญิง.

เหล่าศิษย์หญิง ถูกแบ่งแยกออกมาเป็นพิเศษโดยเฉพาะ ให้พวกนางได้ฝึกฝนเป็นการส่วนตัว.

แน่นอนว่าศิษย์หญิงส่วนมากย่อมเป็นกังวลถึงภาพพจน์ ใครจะทนได้เมื่อต้องอยู่ในสภาพ ไม่น่าดู ขณะอดทนต่อแรงโน้มถ่วง พวกนางย่อมเขินอายเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์ชาย.

เป็นความจริง หลังจากแยกพื้นที่เป็นสัดส่วน เหล่าศิษย์หญิงที่เข้ามาร่วมท้าทาย ทำให้พวกนางสามารถอดทนได้อย่างเต็มที่ และมีหลายคนที่ผ่านการท้าทายมากขึ้นกว่าเดิม.

โดยเฉพาะหลิงหยวนเสวี๋ยที่พัฒนาอย่างชัดเจน.

นางที่ยกระดับจาก 30 นาที เป็นห้าสิบนาทีและผ่านการท้าทายได้ในที่สุด.

เหล่าศิษย์ชายเองก็ไม่ธรรมดา พวกเขาที่แข็งขืนได้ดีกว่าเดิม.

ด้วยการยกระดับของกายเนื้อในแต่ละวัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ.

......

หลังจากที่มีหอคอยเก็บประสบการณ์ หลี่ชิงหยางและศิษย์อีกหลาคนที่หยุดบ่มเพาะพลังวิญญาณ เวลานี้หลัก ๆ แล้วพวกเขาต้องการยกระดับกายเนื้อ สร้างรากฐานให้มั่นคง ซึ่งจะช่วยยกระดับวิถียุทธ์ของพวกเขาได้ในภายหลัง.

เย่ซิงเฉินผู้มีประสบการณ์มากมาย เข้าใจเรื่องนี้ดี เขาที่ ทั้งวี่ทั้งวัน ฝึกฝนยกระดับกายเนื้อของตัวเองไม่หยุดหย่อน.

“ขอเพียงข้ามีกายเนื้อที่แข็งแกร่งทรงพลังเพียงพอ เมื่อไปถึงระดับราชันย์ยุทธ์ จะสามารถฉีกห้วงอากาศก้าวสู่อาณาจักรเบื้องบนง่ายขึ้น!”

อดีตราชันย์รัตติกาลที่ดวงตาลุกโชนด้วยความมุ่งมั่น ท้ายที่สุด เขาก็สามารถอดทนได้ห้าชั่วโมง.

หากแต่ยังไม่เพียงพอสร้างสถิติใหม่.

ที่ตอนนี้อยู่ที่หกชั่วโมงไปแล้ว!

......

สิบวันหลังจากนั้น.

หลังจากที่ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งมุ่งมั่นท้าทายหอคอยชั้นแรก ส่วนใหญ่ก็สามารถทนได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว.

โดยเฉพาะกลุ่มศิษย์สายใน หนึ่งชั่วโมงเวลานี้พวกเขาเพียงแค่ขมวดคิ้วเท่านั้น.

ยิ่งท้าทายนานวันเข้า ร่างกายของพวกเขาก็เริ่มปรับตัวเข้ากับแรงโน้มถ่วงสิบเท่า ทว่าต้องการยกระดับให้สูงกว่านั้นถือว่าเป็นการก้าวผ่านขีดจำกัดตัวเองเป็นอย่างมาก.

นอกจากหลี่ชิงหยาง เย่ซิงเฉิน เซียวจุ้ยจื่อที่ชื่นชอบแรงโน้มถ่วงสิบเท่า พวกเขาที่ไม่ได้กลั่นร่างกายอย่างเอาเป็นเอาตายมาพักหนึ่งแล้วนั่นเอง.

ซูเซียวโม่ ลี่เฟยและคนอื่น ๆที่ไล่ตามมาอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาที่คิดต้องการลองชั้นที่สองบ้างแล้ว.

ก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงแค่คิด หลังจากทนได้หนึ่งชั่วโมงก็หมดแรงแล้ว จึงไม่สามารถที่จะก้าวต่อไปด้านหน้าต่อได้.

ตอนนี้เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแม้นว่าจะรู้สึกเจ็บระบมอยู่ แต่ก็ยังคงยกขาขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก.

“ไปกัน...”

ซูเซียวโม่ “ไปยัง...ชั้นสอง!”

“กึก!”

เขา ลี่เฟยและเถียนซีที่ก้าวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองในที่สุด.

ศิษย์หลายคนที่เผยท่าทางเศร้าใจ แววตาเผยความอิจฉาออกมา ลอบคิดในใจ “ข้าเพียงแค่ผ่านหนึ่งชั่วโมงก็แทบยกขาไม่ขึ้นแล้ว จะตามศิษย์พี่ไปได้อย่างไร!”

“ฟิ้ว!”

หอคอยเก็บประสบการณ์ชั้นที่สองเป็นประกาย.

“ซูเซียวโม่ ท้าทายหอเก็บประสบการณ์ชั้นที่สอง!”

“ลี่เฟย ท้าทาย......”

“เถียนซี ท้าทาย......”

เพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น เสียงที่เคร่งขรึมโบราณก็ดังขึ้น “ซูเซียวโม่ ลี่เฟยและเถียนซี ท้าทายล้มเหลว!”

“กึกซี่!”

“ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

ประตูหอคอยที่เปิดออก ซูเซียวโม่ ลี่เฟยและเถียนซี่ก็ถูกส่งออกมา.

ทั้งสามที่ดวงตาเหลือกค้าง ปากพ่นฟองน้ำลายฟองฟอด ร่างกระตุก เจ็บปวดจากการลงโทษ ดูเหมือนว่าจะหนักหนากว่าซุยปูเจี้ยนที่พ่ายแพ้ก่อนหน้าด้วยซ้ำ.

“แฮกกก ๆ!”

เหล่าศิษย์หลายคนที่กลั่นร่างกายอยู่ มองเห็นศิษย์พี่ทั้งสามที่อยู่ในสภาพอนาถเป็นอย่างมาก ถึงกับต้องสูดลมหายใจที่เย็นเยือบเข้ามา.

ชั้นที่สอง...ยืนยันได้ว่ามันหนักหนารุนแรงน่าพรั่นพรึงขนาดใหน!

……

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด