Chapter 21 ข้าไม่ใช่หมาโสด ข้าเองก็ต้องการแจกอาหารหมา
“ติ้ง!”
“ติ้ง!”
“คะแนนสนับสนุนสำนัก : 117 / 100.”
“คะแนนสนับสนุนสำนักล้น ขอให้โฮสน์ใช้จ่ายภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นแล้วคะแนนสนับสนุนที่ล้นจะหายไปโดยอัตโนมัติ.”
......
ขณะเหว่ยอี้หนูร้องลั่นเจ็บปวดทรมาน จุนซ่างเซียวก็ได้ยินเสียงของระบบดังขึ้นในหู บอกว่าภารกิจสมบูรณ์แล้ว.
สมแล้วเป็นภารกิจระดับสูงมาก!
หลังจากเสร็จภารกิจ ได้รับ 20 แต้มสนับสนุนอย่างคาดไม่ถึง!
จุนซ่างเซียวอดไม่ได้ที่จะเผยความดีใจออกมา ทว่าเมื่อเห็นโลหิตที่สาดกระจายทั่วเวที แขนฝ่ายตรงขามที่หลุดขาดจากร่าง ก็รู้สึกท้องใส้ปั่นป่วน.
เขาคือคนที่ข้ามโลกผ่านมิติมา ในโลกเดิม แม้แต่ไก่สักตัวก็ยังไม่เคยฆ่า ในเวลานี้ถึงกับตัดแขนคนขาด จึงทำให้เขายากที่จะปรับอารมณ์ให้เป็นปรกติได้.
“เขาต้องการสังหารข้า ข้าเพียงตัดแขนเขา ไม่มีอะไรผิด.”
จุนซ่างเซียวที่ปลอบใจตัวเองด้วยเหตุผล ทำให้จิตใจของเขาค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นมาช้าๆ.
ในโลกที่โหดร้ายนี้ อีกฝ่ายต้องการสังหารตัวเอง เขาก็ต้องตอบโต้ออกไปเป็นธรรมดา ไม่เช่นนั้นแล้วไม่ช้าก็เร็วจะเป็นเขาเองที่ต้องได้รับเคราะห์นั่นไป!
บ่มเพาะฝึกยุทธ์นั่นคือสิ่งที่พอจะทำได้ มันคือจุดมุ่งหมายเพื่อจะแข็งแกร่ง.
หากไม่มาหาเรื่องข้า ข้าก็จะไม่หาเรื่องคนอื่น.
หากใครกล้ารังแกข้า ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย!
“เคร้ง!”
จุนซ่างเซียวเก็บกระบี่เข้าฝัก ก่อนที่จะยกมือประสานคารวะ “อาวุโสเหว่ย เจ้ายอมให้ข้าชนะแล้ว.”
“ฟิ้ว!”
เขากระโดดลงเวทีชำระแค้นอย่างง่าย ๆ สบาย ๆ.
“พวกเราไป.”
“ครับ!”
หลี่ชิงหยาง ลู่เชียนเชียนและศิษย์คนอื่น ๆ ค่อย ๆ ตามจุนซ่างเซียวไป เพียงไม่นานก็หายไปจากลานรับสมัคร.
“เป็นไปไม่ได้......”
“คาดไม่ถึงเจ้าสำนักจุนสามารถเอาชนะอาวุโสเหว่ยระดับเปิดชีพจรขั้นที่สิบสองได้!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายที่ฟื้นคืนได้สติ ทว่าความตื่นตะลึงก็ไม่จางหายไป.
สะบั้นตัดอาวุธปรมาจารย์ฟ่าน ระดับสามัญ พร้อมกับตัดแขนข้างหนึ่งอาวุโสเหว่ย พวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เห็นเลย!
จวีซีสำนักดาบใหญ่และเหล่าศิษย์สำนักพยัคฆ์คำรามที่รู้สึกเย็นยะเยือบไปทั่วร่าง แม้แต่ลอบดีใจ ที่พวกเขาไม่ได้ท้าประลองกับจุนซ่างเซียวก่อนหน้า ไม่เช่นนั้นสภาพคงน่าอนาถอย่างไม่ต้องสงสัย!
ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง “กระบี่เจ้าสำนักจุน เกรงว่าจะเป็นอาวุธระดับสามัญชั้นสูงแน่!”
หลาย ๆ คน ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย.
พวกเขาไม่อยากเชื่อ แน่ว่าจุนซ่างเซียวเอาชนะอาวุโสเหว่ยด้วยตัวเอง อธิบายได้เพียงอย่างเดียวกระบี่นั่นจะต้องมีคุณภาพสูงมาก!
ไม่ผิด.
ที่สามารถทำร้ายเหว่ยอี้หนูได้นั้น มาจากระบี่หานเฟิงระดับสามัญนั่นเอง.
จุนซ่างเซียวที่ก้าวเดินเดินไปบนบนถนน ลอบคิดในใจ “คาดไม่ถึง กระบี่ระดับพื้นฐานในร้านมือใหม่จะร้ายกาจขนาดนี้.”
ตอนแรกนั้น เขารู้สึกว่ามันคงจะมีระดับใกล้เคียงกับดาบยักษ์มังกรทองนั่น แต่เมื่อใช้แล้ว เป็นเขาที่ประเมินมันต่ำไป.
“เชียนเชียน.”
จุนซ่างเซียวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “กระบี่เปิ่นจั้ว ไม่เลวใช่หรือไม่?”
“ก็ดี.”
ร้ายกาจเช่นนี้ ยังบอกว่า ดีเท่านั้น นี่นางเข้าใจกระบี่แน่งั้นรึ?
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมาและกล่าวออกมาว่า “มันอยู่ในแหวนเก็บของเปิ่นจั้วไม่ค่อยได้ใช้ ข้าจะมอบให้กับเจ้าดีใหม?”
ด้วยทำภารกิจระดับสูงสำเร็จ คะแนนสนับสนุนล้น ขณะออกมาจากลานรับศิษย์ เขาได้ซื้อกระบี่หานเฟิงอีกสองเล่มมา.
ด้วยอาวุธที่ทรงพลังเช่นนี้ เขาสามารถมอบให้กับศิษย์ของเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งได้.
เหตุผลที่เขามอบมันให้กับลู่เชียนเชียน เพราะว่านางคือศิษย์ที่อาวุโสที่สุด และเขาเองก็ต้องการทำให้นางรู้สึกประทับใจ จะได้ไม่กล่าวเหน็บแนมเขาหลังจากนี้.
“ข้าไม่ต้องการ.”
ลู่เชียนเชียนกล่าวอย่างนุ่มนวล.
กระบี่คุณภาพสูงเช่นนี้ กับไม่ต้องการ สมองนางมีปัญหารึอย่างไร?!
“ดี”
จุนซ่างเซียวย่อมไม่บังคับฝืนใจในสิ่งที่นางไม่ต้องการเช่นกัน.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “ศิษย์พี่หญิงใหญ่ไม่ต้องการ ข้าต้องการ.”
แม้นว่ามันจะเป็นอาวุธสามัญขั้นต้น ทว่ากระบี่ของเจ้าสำนักนั้น กับดูแตกต่างจากปกติทั่วไปมาก.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “กลับไปถึงสำนักหากเจ้าทำผลงานได้ดี ก็จะได้รับมัน.”
ความหมายแน่นอนว่าเขายังไม่มีแผนที่จะมอบให้หลี่ชิงหยางตอนนี้.
เขาไม่ได้รู้สึกเสียดายแต่อย่างใด เพียงแต่ศิษย์รองของเขาเพิ่งเข้าร่วมสำนัก ยังไม่มีผลงานใด ๆ การมอบกระบี่ให้เวลานี้ ดูไม่เหมาะสมเท่าใดนัก.
อีกอย่างจุนซ่างเซียวเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่าสำนักตัวเองไม่ได้เป็นมูลนิธิที่จะแจกของใครโดยไม่ยั้งคิด.
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางกล่าวรับ “ศิษย์จะสร้างผลงาน เพื่อให้เจ้าสำนักยอมรับ.”
“อืม.”
จุนซ่างเซียวพยักหน้ารับ ขณะจดจ้องมองไปยังศิษย์ใหม่ด้านหลัง “ก่อนเดินทางไปฝึกที่สำนัก จงไปกล่าวลาและอยู่กับบิดามาดาของพวกเจ้าซะ หลังจากนี้สิบวันค่อยไปลงทะเบียนที่สำนัก.”
ศิษย์ใหม่ทุกคนที่รู้สึกซาบซึ้งต่อเจ้าสำนักเป็นอย่างมาก.
“ขอบคุณเจ้าสำนัก!”
เหล่าศิษย์ที่จากไป เวลานี้คนกลุ่มใหญ่เหลือเพียงหลี่ชิงหยางคนเดียว.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าไม่กลับไปอย่างงั้นรึ?”
หลี่ชิงหยางที่ส่ายหน้าไปมา.“ท่านพ่อหลังจากได้รับการชี้แนะจากประมุข คงจะปิดด่านอยู่เวลานี้ กลับไปก็ไม่มีความหมายอะไร.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “งั้นก็กลับไปกับข้าตอนนี้ก็แล้วกัน.”
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางที่ยกมือคารวะและเอ่ยออกมาว่า “ศิษย์ขอบังอาจขอร้องบางอย่างที่อาจจะเอาแต่ใจ.”
“ว่ามา”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลี่ชิงหยางที่เงียบไปชั่วครู่และกล่าวออกมาว่า “ศิษย์ต้องการนำคนผู้หนึ่งไปยังสำนักด้วย.”
“ใคร?”
“เป็นคนรักของข้า.”
“ผู้หญิงรึ?”
ถามแปลก หากไม่ใช่ผู้หญิง แล้วเป็นผู้ชายอย่างงั้นรึ?
แม้นว่าหลี่ชิงหยางจะพูดไม่ออก ทว่าก็พยักหน้ารับ “ไม่ผิด ครอบครัวของนางนับว่ายากจน และมีพรสวรรค์ระดับธรรมดา.”
ครอบครัวยากจน? พรสวรรค์ทั่วไป? กับสตรีเช่นนี้ เป็นคนรักของพรสวรรค์ลำดับหนึ่งเมืองชิงหยางรึ?
จุนซ่างเซียวที่ราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง และเอ่ยออกมาว่า “ดังนั้น การที่เจ้าต้องการเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งของข้า เพราะเรื่องนี้อย่างงั้นรึ?”
“ครับ.”
หลี่ชิงหยางไม่ปฏิเสธ.
หลังจากที่จุนซ่างเซียวสีคางไปมา ก็เอ่ยออกมาว่า “นิกายที่เพิ่งเริ่มต้น ยังขาดคนงานจัดการเรื่อง ๆ เล็ก ๆ น้อย ให้นางตามไปด้วยก็แล้วกัน.”
“ขอบคุณเจ้าสำนัก!”
หลี่ชิงหยางเอ่ยกล่าวด้วยความขอบคุณ.
เขาสามารถเข้าร่วมนิกายเขาชางซานได้ ทว่าเขาก็ปฏิเสธ เพราะว่าเขารู้ดี นิกายที่ใหญ่เช่นนั้น ไม่มีทางที่จะสามารถนำสตรีของตัวเองไปด้วยได้.
เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ด้วยการมีเม็ดยาที่ยอดเยี่ยม เขาเองก็คิดว่า จะสามารถยกระดับตัวเองได้เช่นกัน อีกทั้งยังเป็นเพียงกองกำลังระดับเก้า คงจะไม่สนใจหากเขาจะนำใครสักคนขึ้นเขาไปด้วย.
“แต่ว่านะ......”
จุนซ่างเซียวที่กล่าวเสียงเบา “อายุ 16 ปีมีคนรักแล้ว ไม่เร็วไปรึ?”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “เจ้าสำนัก ลูกพี่ลูกน้องของข้า ที่อายุน้อยกว่ายังแต่งงานไปแล้ว แม้แต่ให้กำเนิดบุตรเมื่อครึ่งปีที่แล้วด้วย.”
ดวงตาของจุนซ่างเซียวถึงกับเบิกกว้าง.
แต่งงานก็พอเข้าใจได้ แต่ให้กำเนิดบุตรแล้ว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
หลี่ชิงหยางที่เผยท่าทางประหลาดใจ “เจ้าสำนัก นี่ท่านไม่รู้รึ? ในทวีปชิงหยุนนั้นเข้าพิธีเป็นผู้ใหญ่อายุ 14 ปี จากนั้นก็สามารถหาภรรยากำเนิดบุตรได้แล้ว?”
“แค๊ก แค๊ก.”
จุนซ่างเซียวที่ยืดอกเอามือไขว้หลังและกล่าวออกมาว่า “เปิ่นจั้วรู้อย่างแน่นอน!”
กระนั้นภายในใจของเขาก็รู้สึกขมขื่นเป็นอย่างมาก “14 ปีก็แต่งงานมีลูกได้แล้วรึ? เขาเวลานี้อีกสองเดือนจะครบ 18 ปีแล้ว หมาสักตัวยังไม่มี?”
ข้าไม่ได้ต้องการอยู่อย่างโดยเดี่ยวหรอกนะ ข้าเองก็ต้องการคนรัก เหมือนกัน!
......
“เจ้าสำนัก ข้าขอไปนำนางมาก็แล้วกัน.”
“อืม ไปเถอะ.”
หลี่ชิงหยางจากไป จากนั้นไม่นานก็กลับมาเพียงคนเดียว ในมือถือจดหมายฉบับหนึ่ง.
“คนล่ะ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.
หลี่ชิงหยางก้มหน้า กล่าวด้วยความเจ็บปวด “นางบอกไม่ต้องการฉุดรั้งอนาคตของข้า จึงได้ทิ้งจดหมายไว้และจากไปแล้ว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “สตรีคนนี้บอกเจ้าว่านางมีครอบครัวยากจน พรสวรรค์ธรรมดา อาจเป็นเพราะนางต้องการจะจากเจ้าไป นี่ถือเป็นคำพูดจากลาที่ดีที่สุด.”
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางที่เงยหน้าขึ้นและกล่าวออกมาว่า “ท่านคิดว่า นางไม่ต้องการอยู่กับข้าอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ถึงข้าไม่คิด แต่คนอื่นย่อมคิด.”
หลี่ชิงหยางที่กุมจดหมายแน่น “ข้าจะต้องเป็นยอดฝีมือ มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ข้าจะค้นหานาง ก้าวเข้าไปอยู่ตรงหน้านาง ตะโกนกับนางดัง ๆ ว่าข้าหลี่ชิงหยางไม่คู่ควรกับเจ้าอย่างไร ไม่มีเจ้าก็ไม่มีใครคู่ควรกับข้าหลี่ชิงหยางแล้ว!”
“ดี!”
จุนซ่างเซียวปรบมือ.
สำหรับยอดฝีมือ ผู้เป็นใหญ่ในทวีปชิงหยุน เป็นผู้ที่จะสามารถกำหนดกฎเกณฑ์ได้ จะไม่มีใครกล้าบอกเขาว่าทำอะไรไม่เหมาะสม.
หลี่ชิงหยางที่มีพรสวรรค์ไม่ธรรมดา เขาไม่สนใจสถานะของสตรีที่จะมา เป็นคู่ครองของเขา ไม่สนใจว่าจะสูงหรือต่ำ เขาไม่สนใจสายตาของทุกคนที่มองมา นี่คือจุดเด่นที่ล้ำค่าของเขา.
ลู่เชียนเชียนที่สบถออกมา “มีคนโง่เพิ่มอีกคนแล้ว.”
จุนซ่างเซียวถึงกับพูดไม่ออก.
นางไม่เพียงแต่ว่ากล่าวศิษย์น้องของนาง แต่คล้ายกับด่ากระทบเขาด้วยหรือไม่......