ตอนที่แล้วChapter 206 การเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง คือการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิต.
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 208 หอคอยเก็บเกี่ยวประสบการณ์สำนัก.

Chapter 207 เจ้าโถงลี่ตะลึงงัน.


ภายในห้องโถง.

จุนซ่างเซียวที่ยกชาขึ้นจิบกล่าวช้า ๆ “ที่ผ่านมานี้ สำนักเป็นอย่างไรบ้าง.”

“ทุกอย่างปรกติดี.” ลี่ลั่วฉิวกล่าวด้วยรอยยิ้ม.

การจัดการสำนักที่ผ่านมานั้น ไม่ได้หนักหนาเหมือนกับจัดการองค์กรมือสังหารเลยด้วยซ้ำ.

จุนซ่างเซียวที่วางน้ำชาลง กล่าวออกไปว่า “มีข่าวจากด้านนอกหรือไม่?”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “ฉินเห่าหรานกลับมาแล้ว.”

“ตระกูลเซียวล่ะ?”

จุนซ่างเซียวไม่ได้ใส่ใจกับสำนักเห่าฉีนัก แต่สนใจเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของตระกูลเซียวมากกว่า.

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “ตระกูลเซียวช่วงนี้เก็บเนื้อเก็บตัวมาก บางทีการฟื้นฟูธุรกิจคงเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับพวกเขา.”

จุนซ่างเซียวที่เคาะนิ้วไปมา เอ่ยออกไปว่า “ถูกตัดความสัมพันธ์การค้าจากตระกูลอ้าย เหมืองแร่ยังพังลงมาอีก คงอยู่ในภาวะยากลำบาก.”

“ข่าวอื่นล่ะ?”

“มี.”

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “ตระกูลอ้ายจะจัดการประมูลขึ้นในอีกครึ่งเดือนหลังจากนี้ มีกลุ่มอิทธิมากมายจากหลากหลายมนทลเดินทางมายังเมืองฮู่หยาง เพื่อเข้าร่วมงานประมูล คาดว่าจะเป็นงานใหญ่ยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา.”

“หวังว่าจะได้รับราคาประมูลที่ดี.”จุนซ่างเซียวกล่าวเสียงเบา.

การประมูลเม็ดยาของตระกูลอ้ายซึ่งเขาเป็นหุ้นส่วน ย่อมเกี่ยวข้องกับรายรับของเขาด้วย ยิ่งขายได้ราคาสูงก็ยิ่งดีสำหรับเขาด้วย.

“ใช่.”

ลี่ลั่วฉิวนำบัตรเชิญออกมา กล่าวออกไปว่า “ประมุขอ้ายได้มาส่งบัตรเชิญมาด้วยตัวเอง ให้เจ้าสำนักเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย.”

“เข้าร่วมทำอะไร? ซื้อเม็ดยาของพวกเราเองอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่รับบัตรเชิญมา ส่ายหน้าไปมาพร้อมกับเผยยิ้มบาง.

ลี่ลั่วฉิวเอ่ย “ในความเห็นของข้า ความหมายของประมุขอ้ายต้องการให้เจ้าสำนักเข้าร่วมเพื่อเปิดหูเปิดตากระมั้ง ได้ยินมาว่ามีนิกาย กองกำลังระดับห้าเข้าร่วมหลายนิกายด้วย.”

“งั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่เปิดซองจ้องมองบัตรเชิญ ดูเหมือนว่าบัตรเชิญดังกล่าวจะเป็นบัตรเชิญระดับแพลทินัม.

ลี่ลั่วฉิวที่ตกใจ “นี่คือห้องชั้นพิเศษสูงสุดขั้นแพลทินัม!”

“ชั้นแพลทินัมอย่างงั้นรึ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ลี่ลั่วฉิวกล่าวอธิบาย “ตระกูลอ้ายนั้นได้แบ่งบัตรเชิญเป็นสามชั้นแตกต่างตามสถานะ บัตรเงินเป็นบัตรเชิญทั่วไป ถัดไปก็เป็นบัตรทองและสูงที่สุดคือชั้นแพลทินัม.”

คงเหมือนกับชั้นหนึ่งของลูกค้าชั้นพิเศษสินะ.

สามชั้นสามระดับ.

จุนซ่างเซียวที่วางบัตรเชิญแพลทินัมบนโต๊ะ กล่าวออกมาอย่างไม่แยแส “เปิ่นจั้วมีงานมากมาย จะเข้าร่วมได้อย่างไร.”

ลี่ลั่วฉิว“......”

บัตรแพลทินัม นี่คือเกียรติยศที่ทุกคนที่มีชื่อเสียงต้องการ เจ้าสำนักกับไม่สนใจแม้แต่น้อย.

“จับตาดูตระกูลเซียวให้ดี หากมีอะไรสำคัญ ต้องรายงานกลับมาทันที.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

“อืม.”

หลังพูดคุยธุระทุกอย่างจบแล้ว  ลี่ลั่วฉิวที่ยกน้ำชาขึ้นจิบ พร้อมกับเอ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนัก ไปหาประสบการณ์ภายในหุบเขาแห่งความตายเป็นอย่างไรบ้าง.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ก็มีสังหารมังกรเพลิงไป อย่างอื่นไม่มีอะไรให้พูดถึง.”

ลี่ลั่วฉิวที่ตื่นตกใจ “มังกรเพลิงสัตว์ร้ายระดับสูงขั้นที่ห้านะรึ?”

“ใช่.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เจ้าเคยได้ยินด้วยรึ?”

“ภายในหุบเขาแห่งความตาย หนึ่งในสองเจ้าถิ่นที่แข็งแกร่งที่สุด คือมังกรเพลิง!”ลี่ลั่วฉิวเอ่ย.

“สองเจ้าถิ่นที่แข็งแกร่งที่สุดรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “แล้วอีกตัวล่ะ?”

ลี่ลั่วฉิวครุ่นคิดและกล่าวออกมาว่า “อีกตนเป็นอสูรศิลา สัตว์ร้ายธาตุศิลาที่หายาก.”

“อสูรศิลารึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ร่างกายที่คลุมด้วยชั้นศิลา เป็นอสุรกายสูง 7-8 จั้งนะรึ?”

“ไม่ผิด.” ลี่ลั่วฉิวเอ่ย.

จุนซ่างเซียวกล่าวเสียงเบา “เจ้าอสูรกายตัวใหญ่นั้น ข้าได้สังหารไปแล้ว นี่มันเป็นหนึ่งในสองเจ้าถิ่นที่แข็งแกร่งที่สุดงั้นรึ?.”

ลี่ลั่วฉิวสะดุ้งเอ่ยกล่าวด้วยท่าทางไม่อยากเชื่อ “เจ้าสำนักสังหารอสูรศิลาไปอย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เมื่อข้าไล่จับพยัคฆ์สายฟ้าม่วง บังเอิญเข้าไปในเขตแดนของมัน แล้วถูกมันขังไว้ด้านใน จึงทำได้แค่ต้องสังหารมัน.”

นางที่ตั้งสติกล่าวออกมาด้วยความสงสัย “อสูรศิลานั้นแข็งแกร่งกว่ามังกรเพลิงซะอีก ด้วยระดับบ่มเพาะของเจ้าสำนัก สามารถสังหารอสูรศิลาได้เลยรึ?”

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวที่โบกมือ นำแกนผลึกออกมากล่าวออกไปว่า “นี่คือแกนผลึกของอสูรศิลา.”

แกนผลึกที่แผ่กลิ่นอายหนักหน่วงออกมาทันที ทำให้ลี่ลั่วฉิวบอกได้ว่ามันคือแกนผลึกธาตุศิลา ระดับของมันไม่ต่ำเลย!

สวรรค์!

เจ้าสำนักร้ายกาจเกินไปแล้ว สังหารมังกรเพลิง แล้วยังสังหารอสูรศิลาอีกรึ?

จิตใจของ ลี่ลั่วฉิวสั่นไปมาด้วยความตกใจสุด ๆ.

เดี๋ยวก่อนนะ!

นางนึกอะไรได้ กล่าวด้วยท่าทางตื่นตระหนก “เจ้าสำนัก ท่านพูดเมื่อกี้ว่า บังเอิญเข้าไปในอาณาเขตของอสูรศิลางั้นรึ?”

“ใช่ข้าไล่จับพยัคฆ์สายฟ้าม่วง.”จุนซ่างเซียวกล่าว.

ลี่ลั่วฉิวที่ยืนโงนเงน กล่าวด้วยความตกใจ “ในหุบเขาแห่งความตายมีสัตว์ร้ายธาตุสายฟ้าที่หายากด้วยรึ?”

“ใช่.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “หลังจากที่เปิ่นจั้วเห็นมันแล้ว ก็ไล่ตามมันไปในทันที จากนั้น....”เขาหยุดชั่วครู่และกล่าวออกไปว่า “ใช่! ข้าต้องใช้กำลังและเวลากำราบมัน!”

เขาไม่ได้เอ่ยว่าใช้บอลเจ้าสำนักในการจับมัน ต้องไม่ลืมว่ามันเป็นเรื่องที่เหนือสามัญสำนักของทุกคน.

อย่างไรก็ตาม.

เจ้าสำนักจุนไม่รู้ว่า เรื่องที่กำราบมันก็ทำให้ให้ถางจู่ลี่ ผู้งดงามกำลังสั่นสะท้านด้วยความตกใจพอแล้ว.

นางที่ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองตาโต กล่าวออกไปว่า “นี่เจ้าสำนักกำราบพยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วงได้ด้วยรึ?”

“อืม.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

นับตั้งแต่เริ่มพูดคุยเรื่องหุบเขาแห่งความตาย แต่ละเรื่องที่ได้ยิน ทำให้จิตใจของ ลี่ลั่วฉิวตื่นตะลึง ครั้งแล้วครั้งเล่า.

สังหารเจ้าถิ่นที่แข็งแกร่งที่สุดสองตัว สามารถยอมรับได้.

แต่ว่ากำราบพยัคฆ์นุ่มสายฟ้าม่วง สัตวร้ายธาตุสายฟ้า เรื่องนี้เป็นไปได้ด้วยรึ?!

“ไม่เชื่ออย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ตามมา ข้าจะอัญเชิญ ให้เจ้าได้เห็น.”

กล่าวจบ เขาก็ก้าวเดินออกมาจากห้องโถงในทันที.

ลี่ลั่วฉิวก้าวตามไปอย่างรวดเร็ว ในความคิดของนางต้องการรู้จริง ๆ เจ้าสำนักกำราบพยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วงได้อย่างไร?!

......

บนลานยุทธ์.

กลุ่มซูเซียวโม่กำลังโม้กล่าวน้ำลายฟองฟอดเกี่ยวกับการสังหารมังกรเพลิงให้กับเหล่าศิษย์น้องได้ฟัง.

ต้องไม่ลืมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่ไม่ธรรมดา สร้างความสนใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก.

ศิษย์หลายคนที่ได้ยินต่างก็ตื่นตกใจ พูดคุยกันเสียงดังเซ็งแซ่.

“วึ้ง วึ้ง.”

เถียนซี่ที่อยู่ไกลออกไป เอ่ยออกมาวา “ศิษย์พี่พูดเกินจริง ทั้งที่ไม่ได้ช่วยอะไรแท้ ๆ.”

“ใช่.”

ลี่เฟยที่มุมปากกระตุกกล่าวออกไปว่า “กล่าวตามตรง ข้าก็สงสัยว่า ไม่ต้องมีพวกเราเจ้าสำนักคงสามารถสังหารมังกรเพลิงได้อยู่แล้ว.”

ซูเซียวโม่ยังคงกล่าวโม้เกินจริง ว่ากล่าวเสียงดัง.

ทว่าขณะที่เขากำลังโม้อยู่นั้น เจ้าสำนักและถางจู่ลี่ก็เดินออกมาจากห้องโถง.

“พูดอะไรไร้สาระ.”

จุนซ่างเซียวโบกมือ “หลบไป เปิ่นจั้วจะใช้ลานยุทธ์.”

“พวกเขาต้องการรับรู้เรื่องราวเฉียดตาย จะได้นำมาปรับใช้!”

ซูเซียวโม่หลบออกมา ศิษย์หลายร้อยคนก็ถอยหลัง ล้อมรอบลานยุทธ์เป็นวงกลม.

“ฟิ้ว!”

จุนซ่างเซียวนำบอลเจ้าสำนักออกมา “จากนั้นก็เผยยิ้ม”ในเมื่อพวกเจ้าอยู่ที่นี่ เปิ่นจั้วก็จะให้พวกเจ้าได้เห็นพยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วงที่หายาก.”

พยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วงอย่างงั้นรึ?

ศิษย์หลายคนที่จ้องมองหน้ากันด้วยความงงงวย ท่าทางไม่เข้าใจ.

“แค๊ก แค๊ก!”

ซูเซียวโม่ที่น้ำลายติดคอเอ่ยกล่าวเสียงดัง “หลังจากที่เจ้าสำนักสังหารมังกรเพลิง ก็กำราบสัตว์ร้ายธาตุสายฟ้าที่หายาก ร่างของมันมีสีม่วงมีสายฟ้าแล่นเปรี๊ยะ ๆ ดูทรงพลังน่าเกรงขามมาก!”

“โอ้วสวรรค์ สัตว์ร้ายธาตุสายฟ้า!”

“นี่มันสัตว์ร้ายที่โคตรหายากเลยไม่ใช่รึ?”

“คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักจะกำราบมันได้อย่างคาดไม่ถึง!”

ใบหน้าของศิษย์ทุกคนที่เผยความเคารพเทิดทูน จ้องมองเขม็ง.

“ฟิ้ว!”

ภายใต้สายตาของทุกคนที่จับจ้อง เจ้าสำนักจุนที่ยกมือขึ้น พร้อมกับเหวี่ยงบอลเจ้าสำนักไปที่ตรงกลาง เอ่ยเสียงดัง “ออกมา พยัคฆ์หนุ่มสายฟ้าม่วง!”

“ครืนนนนน!”

เจ้าสำนักที่จ้องมอง ที่กลางอากาศ ปรากฏแผนผังหยินหยาง และสัตว์ร้ายตนหนึ่งตัวเล็กขาสั้นก็ปรากฏออกมาบนลานยุทธ์.

หูใหญ่ จมูกยาว.

กึก.

ทุกคนที่รอคอยถึงกับแข็งค้างไปในทันที.

ลี่ลั่วฉิวและศิษย์คนอื่น ๆที่จ้องมองเขม็ง ครุ่นคิด นี่มันคือ.......

“กี้!!”

เจ้าตัวเล็กที่ร้องเสียงเบา.

จากนั้น ทุกคนที่ค่อย ๆ บอกได้ว่า นี่มันหมูป่าแคระนี่!

จุนซ่างเซียวที่เหวี่ยงออกไป ร่างกายแข็งค้างไปเช่นกัน ภายในใจที่โอดครวญ “สัด! หยิบบอลเจ้าสำนักผิดอัน!”

“เจ้าสำนัก.”

ลี่ลั่วฉิวที่หันหน้าไป พูดไม่ออก “ไม่ใช่ว่านี่คือหมูหรอกรึ? มันไม่น่าจะใช้พยัคฆ์อะไรนะ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด