ตอนที่แล้วChapter 203 โดนตบหน้าจนบวม?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 205 สังหารให้หมด.

Chapter 204 กฎของโถงเหยี่ยวดำ


เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดที่ออกมาจากด้านใน ต่างก็บอกว่าสำนักไท่กู่เจิ้งถูกมังกรเพลิงสังหารไปหมดแล้ว ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับออกมาครบทั้งหมด.

พวกเขาถูกตบหน้าอย่างรุนแรง จนอ้าปากค้าง.

เจ้าสำนักจุนที่รู้ดี คงจะมีหลายคนที่แอบหัวเราะเยาะเขาก่อนหน้านี้ ทั้งที่เขาขี่พยัคฆ์สายฟ้าม่วงออกมา เผยความเท่สุด ๆ แล้วก็ตาม ยังมีคนสงสัยในตัวเขา ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะถูกตบหน้าเข้าอย่างจังแล้วสินะ.

เห็นทุกคนที่อึ้งนิ่งพูดอะไรไม่ออก.

จุนซ่างเซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใส “กลับสำนัก!”

“รับทราบ!”

ศิษย์ทุกคนที่ตะโกนออกไปเสียงดัง.

ภายใต้ใบหน้าที่แข็งค้างของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด เจ้าสำนักจุนที่ขี่พยัคฆ์ เตรียมนำศิษย์จากไป.

การเดินทางครั้งนี้เก็บเกี่ยวได้มากมาย.

อารมณ์ของเขาย่อมยอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ไม่สนใจคนอื่นจะคิดอย่างไร.

“เจ้าสำนักจุน.”

ที่ด้านหลัง ซ่งฮุยและอีกลายคนก้าวตามมา.

จุนซ่างเซียวเอ่ย มีเรื่องอะไรอย่างงั้นรึ?”

ซ่งฮุยที่ยกมือประสานเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน ข้าและทุกคนต้องการเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ไม่รู้ว่าจะรับพวกเราได้หรือไม่?”

หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว หากมีเชาว์ปัญญา ย่อมเข้าใจว่าสำนักนี้มีพลังที่ร้ายกาจมีอนาคตที่สดใส หากสามารถเข้าร่วมตั้งแต่เนิ่น ๆ แน่นอนว่าย่อมเป็นการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมแน่นอน.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ทำไมจะไม่ได้ล่ะ.”

ภายในใจของทุกคนที่เผยความดีใจ.

“แต่ว่า.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “สิ่งของที่พวกเจ้าเก็บเกี่ยวได้ ต้องมอบให้กับเปิ่นจั้ว เป็นค่าใช้สมัคร.”

ห๋า??

ทุกคนที่หวาดผวา.

จ่าย 2000 เพื่อเก็บของเหลือ กว่าจะเก็บสิ่งของมีค่าได้ ตอนนี้ต้องมอบให้ทั้งหมด ไม่เท่ากับว่าสิ่งที่พวกเขาพยายามลงทุนไป เสียเปล่าหรอกรึ?

“เจ้าสำนักจุน คำของของท่านมากเกินไป.”ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าว.

“ขอลา!”

ผู้ฝึกยุทธ์อีกคนที่ยกมือประสานแล้วจากไป.

ในเวลานั้น ผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดแปดคน ตอนนี้เหลือเพียงซ่งฮุยและอีกสองคน.

พวกเขาไม่ได้ตัวคนเดียว ยังมีครอบครัวที่ต้องรับผิดชอบ ด้วยทรัพย์สินจำนวนนี้ มันสำคัญยิ่งกว่าชีวิต.

“เจ้าสำนักจุน.”

ซ่งฮุยที่แววตาหนักแน่น.“ข้ายินยอม!”

กล่าวจบ เขายื่นแหวนออกไปสองวง.

เขานั้นย่อมใส่ใจเงินเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม สิ่งของเหล่านี้เขาต้องการนำมันไปซื้อทรัพยากรในการฝึกฝน ทว่าหากคิดใครครวญให้ดี การเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งย่อมมีค่ามากกว่าทรัพยากรเหล่านี้มาก!

ตั้งแต่การเดินทางเข้าไปในหุบเขาแห่งความตายเป็นเหมือนกับการเดิมพัน ตอนนี้การใช้ทรัพยากรทั้งหมดก็เป็นการเดิมพันด้วยเช่นกัน.

“พวกเราก็ด้วย!”

อีกสองคนก็ยินดีพร้อมกับส่งแหวนเก็บของออกไปเช่นกัน.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไป กลับสำนักไท่กู่เจิ้งค่อยลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ.”

เมื่อครั้งเขาจะออกไปสังหารมังกรเพลิงนั้น ซ่งฮุยและพวกสามคน อาสาที่จะช่วย เขาสามารถมองเห็นความจริงใจของพวกเขาได้.

ตอนนี้พวกเขายินดีที่จะจ่ายทุ่มทุนทั้งหมด อธิบายได้ว่าพวกเขายอมรับสำนักไท่กู่เจิ้งจริง ๆ จุนซ่างเซียวจึงตอบรับ นอกจากนี้ยังมีโควตาถึง 500 ที่ด้วย.

สำหรับคนที่ปฏิเสธที่จะจ่ายก่อนหน้านี้ ถึงพวกเขานั่งคุกเข่าขอร้อง ก็ไม่มีคุณสมบัติเป็นศิษย์ของเขา.

......

หลังจากเดินทางมาไม่นาน.

จุนซ่างเซียวก็มาหยุดที่ลำธารแห่งหนึ่ง และให้ศิษย์ได้หยุดพัก.

ตั้งแต่ที่ออกมาจากหุบเขาแห่งความตาย ก็เปื้อนฝุ่นควันมาตลอดทั้งวัน ตอนนี้จึงต้องพักชำระล้างร่างกาย.

เพราะว่ามีลู่เชียนเชียนและหลิงหยวนเสวี๋ย หลี่ชิงหยางจึงได้ทำการแบ่งพื้นที่กันเป็นสัดส่วน.

จุนซ่างเซียวที่ทำความสะอาดร่างกายและเปลี่ยนชุดเจ้าสำนักใหม่ ซึ่งคนอื่นเองก็เช่นกัน.

“เสี่ยวโม่ เสี่ยวเฟย.”

เขาที่ตะโกนออกไป “ไปหาฟืน เตรียมย่างเนื้อ.”

นับตั้งแต่ออกมาจากหุบเขาแห่งความตาย พวกเขามีเนื้อมากมาย สามารถนำมาย่างกินได้ในทันที.

“ครับ!”

หลังจากเปลี่ยนชุดใหม่เสร็จแล้ว ซูเซียวโม่และหลี่เฟยที่ออกไปหาไม้และฟื้นกลับมา.

สำหรับพวกของซ่งฮุยแม้ว่าจะยังไม่ได้รับเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ พวกเขาก็กลมกลืนเข้ากับคนในสำนัก และช่วยเหลือคนอื่น ๆ อย่างกลมเกลียว.

แม้นแต่ช่วยทุกคนย่างเนื้อ.

ตลอดหลายปีมานี้พวกเขาที่ต้องโลดโผนอยู่ในป่าเขาตลอดเวลา แน่นอนว่าย่อมต้องเชี่ยวชาญการย่างเนื้อด้วยเช่นกัน.

“ฟู่ ฟู่!”

เปลวเพลิงที่ลุกโชตช่วง เนื้อยางที่เสียบบนพื้นอังความร้อน.

“ฟิ้ว! ฟิ้ว!”

อย่างไรก็ตามขณะที่ทุกคนกำลังกินเนื้อย่างอยู่นั้น จากในป่าทึบก็มีคนจำนวนหนึ่งเข้ามาล้อมกรอบพวกเขาเอาไว้ในทันที.

คนเหล่านี้สวมชุดสีดำล้วนที่หน้าอกมีอักษรคำว่า“อิง”(เหยี่ยว) ปักอยู่.

ชายวัยกลางคนที่ผอมสูง ดวงตาเป็นประกาย ดูมีความแข็งแกร่งไม่น้อย.

เห็นอักษรคำว่า“อิง”บนอกเสื้อ ซ่งฮุยที่ใบหน้าเปลี่ยนไปเป็นซับซ้อนก่อนที่จะเข้ามาใกล้ ๆ เอ่ยกล่าวเสียงเบา “เจ้าสำนัก คนเหล่านี้คือคนจากหอเหยี่ยวดำ!”

หอเหยี่ยวดำ?

หลี่ชิงหยางที่ใบหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน.

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ร้ายกาจขนาดนั้นเลยรึ?”

หลี่ชิงหยางที่กล่าวอย่างจริงจัง ”เจ้าสำนัก หอเหยี่ยวดำนั้น เป็นสำนักมารขั้นที่เจ็ดอยู่มนทลฮวยหยิง.

“สำนักมาร?”

จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางประหลาดใจ.

ตั้งแต่ผ่านมายังต่างโลกนี้ เขาก็เข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของทวีปชิงหยุนดี ว่าสำนักต่าง ๆนั้นแยกออกเป็นธรรมมะและอธรรม.

ยกตัวอย่างเช่นสำนักเห่าฉี สำนักดาบใหญ่ล้วนแต่อยู่ฝั่งสำนักธรรมมะ.

สำนักมารหรือสำนักฝ่ายอธรรม เป็นสำนักที่ฝึกฝนวิชาที่ดุร้าย.

มนทลชิงหยางนั้นมีพันธมิตรร้อยสำนัก ดังนั้นจึงไม่มีสำนักมาร ด้วยเหตุที่สำนักฝ่ายธรรมมะจับมือรวมพลังกัน จึงได้กวาดล้างสำนักมารออกไปทั้งหมดในมนทลชิงหยาง.

ส่วนมนทลฮวยหยิงนั้นแตกต่าง.

ที่นั่นไม่มีองค์กรร่วมมือกัน ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างปกป้องตัวเอง ทำให้มีสำนักมารโผล่ขึ้นมาหลายสำนัก

กล่าวอีกอย่างหนึ่ง.

ในมนทลฮวยหยิงนั้น สำนักมารเจริญเติบโตมากกว่าสำนักฝ่ายธรรมมะนั่นเอง.

กล่าวได้ว่าสำนักมารนั้นมีความสามารถในการต่อสู้ที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก.

แล้วจะแยกสำนักมารและธรรมมะอย่างไร? ในโลกที่ดุร้ายเช่นนี้ การฆ่าฟันกันและกันแทบจะเป็นเรื่องปรกติ ทว่าสำนักมารนั้นไม่มีกฎเกณฑ์ใด ๆ มีอิสระที่จะกระทำตามใจตัวเอง.

“ฮึ.”

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวในใจ “คาดไม่ถึงเลยว่า พื้นที่ห่างไกลขนาดนี้ จะพบกับสำนักมาร.”

“ไอ้หนู.”

ชายกลางคนร่างสูงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าคือเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งอย่างงั้นรึ?”

“ไม่ผิด.”

จุนซ่างเซียวที่ยกเนื้อขึ้นกัดกล่าวออกมาว่า “มีอะไรจะชี้แนะข้าอย่างงั้นรึ?”

สำนักมารที่มีชื่อเสียงในมนทลเพื่อนบ้าน ควรต้องไว้หน้าสักหน่อย!

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเพิ่งออกมาจากหุบเขาแห่งความตายอย่างงั้นรึ?”

ชายวัยกลางคนเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา แสดงท่าทางอหังการยโสให้เหมาะสมกับสำนักมาร ราวกับว่ามีอักขระคำว่า“สำนักมาร”สลักเอาไว้บนหน้าผากของเขา.

“ใช่.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

จบ จบกัน.

ภายในใจของซ่งฮุยที่โอดครวญ.

หอเหยี่ยวดำเป็นสำนักมาร เพราะว่าหุบเขาแห่งความตายนั้นอยู่ใกล้กับมนทลฮวยหยิง ทำให้พวกเขาผ่านมาที่นี่บ่อย ๆ และนอกจากนี้ยังปล้นชิงเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดอีกด้วย!

วันนี้การที่พวกเขาไล่ตามมาด้านหลังนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องได้รับข้อมูลจากผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัดบางคนเอ่ยกล่าวเกี่ยวสำนักไท่กู่เจิ้งเข้าไปในหุบเขาอย่างแน่นอน.

หากเดาไม่ผิดล่ะก็.

รองเจ้าหอ หอเหยี่ยวดำ ต้องนำศิษย์มาหาประสบการณ์ เมื่อได้ยินเรื่องราวต่าง ๆจากผู้ฝึกยุทธ์ไร้สังกัด ขณะปล้นอีกฝ่ายจึงได้ไล่ตามมาแน่.

หลาย ๆ คนที่หวาดกลัวความตาย นอกจากมอบทรัพย์สินให้ ยังเผยเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งอีก.

ในเมื่อทั้งสำนักเข้าไปในหุบเขา แน่นอนว่าจะต้องเก็บเกี่ยวสมบัติได้มากมาย.

ดังนั้น รองเจ้าหอจึงได้นำศิษย์ไล่ตามมา และเวลานี้ได้เข้าล้อมกรอบสำนักไท่กู่เจิ้งเอาไว้แล้ว.

สำนักมาร ก็มีนิสัยไม่ต่างจากโจรอยู่แล้ว.

ผิดจากสำนักฝ่ายธรรมมะที่หน้าบาง ไม่กล้าที่จะใช้กำลังปล้นชิง หรือกระทำเรื่องเช่นนี้อย่างเปิดเผย.

“เจ้าสำนักจุน?”

รองเจ้าหอกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “ในเมื่อเจ้าเข้าไปในหุบเขาแห่งความตาย แน่นอนว่าต้องเก็บเกี่ยวแกนผลึกหนังและกระดูกได้มากมาย ทำไมไม่แบ่งหอเหยี่ยวดำหน่อยล่ะ?”

จุนซ่างเซียวแทบพ่นเนื้อออกมาจากปาก.

จากนั้นเขาก็เผยยิ้มอย่างชั่วร้าย “สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำนักไท่กู่เจิ้งเก็บเกี่ยวมา ทำไมถึงต้องแบ่งให้เจ้าด้วย?”

“เพราะมันเป็นกฎของหอเหยี่ยวดำ.”รองเจ้าหอกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา.

“ขออภัย.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกไปว่า “นั่นมันกฏของ หอเหยี่ยวดำ แต่กฏของสำนักไท่กู่เจิ้ง จะไม่ให้แบ่งสิ่งของให้กับคนโง่ ไม่เช่นนั้นอาจจะติดเชื้อโง่มาได้.”

“ไอ้หนู!”

รองเจ้าหอที่ดวงตาแผ่จิตสังหารออกมา “แกแส่หาความตาย!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด