ตอนที่แล้วChapter 18 ลานประลองชำระแค้น ชีวิตและความตายไม่อาจเอ่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 20 ทำไมต้องใช้ดาบหรือหอก?

Chapter 19 ระฆังทองคุ้มกาย


“ฟิ้ว ฟู่!”

สายลมที่รุนแรงดั่งพายุ โบกสะบัดพัดกระแทกออกมาจากเวทีชำระแค้น ผู้ฝึกยุทธ์หลายคน ลอยละลิ่วออกไป ทุก ๆ คนล้วนแต่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ใจ.

หมัดของอาวุโสเหว่ย ทรงพลังน่าเกรงขามมาก.

ด้วยเวทีชำระแค้นนั้นทำมาจากศิลาหนา จึงทำให้ทนการปะทะได้อย่างดีเยี่ยม สายลมที่ล้นออกมาจึงถูกผลักออกไปด้านนอกทั้งหมด.

ในเวลานี้ ทุกคนต่างก็คาดเดา เจ้าสำนักไท่กู่เจิงคงลอยละล่อง ตามแรงระเบิดของพลังหมัดไปแล้ว คงจะโชคร้ายมากกว่าโชคดี!

ขณะที่ทุกคนจับจ้องมองไปบนเวที ควรจะมีศพลอยกระเด็นออกไป.

หืม?

ไม่มีอย่างงั้นรึ?

เจ้าสำนักจุนไม่เหลือแม้แต่เศษซากตกตายไปบนเวทีอย่างงั้นรึ?

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

ทุกคนที่ส่ายหน้า พร้อมมองไปมารอบ ๆ กวาดตามองไปทั่วเวทีชำระแค้น.

แต่ความจริงแล้ว.

ยังคงอยู่ที่เดิม ร่างของจุนซ่างเซียวยังคงยืนอยู่อย่างสงบ ปากของทุกคนที่อ้ากว้าง แววตาตกตะลึงด้วยความไม่อยากเชื่อ.

“นี่มัน......”

หลี่ชิงหยางที่เผยแววตาชะงักงันไปเหมือนกัน.

สิ่งที่เขาเห็นนั้น เป็นอะไรที่เกินจริงไปมาก.

จุนซ่างเซียวยังคงยืนนิ่งบนเวที ไม่ขยับแม้แต่น้อย ผิวกายทั่วร่างของของเขาเปลี่ยนสีไปเป็นสีเหลืองทอง ดูไม่ต่างจากรูปปั้นศักดิ์สิทธิ์.

“ผิวกายทั่วร่างเปลี่ยนสีอย่างงั้นรึ?”

“นี่มันวิชายุทธ์อะไรกัน?”

“ไม่เคยได้ยินว่า มีวิชาที่เปลี่ยนสีผิวร่างกายได้!”

แต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ.

สิ่งสำคัญคือ หมัดขวาของอาวุโสเหว่ยเวลานี้ยังคงค้างติดอยู่ที่หน้าอกของจุนซ่างเซียว เห็นชัดเจนว่าเขาต่อยเข้าเป้าเต็มพลัง!

พลังทำลายหลายพันจินที่สามารถบดขยี้ศิลายักษ์ได้อย่างง่ายดาย ทำไมจึงไม่เป็นอะไร? ทำไมยังคงยิ้มออกมาเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น?

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่เฝ้าดูอยู่ถึงกับกลายเป็นโง่งม.

พวกเขาที่คิดว่าจุนซ่างเซียวจะลอยกระเด็นตายไป ด้วยแรงหมัด ไม่คาดคิดเลยว่าจะต้านทานหมัดได้ หนำซ้ำยังคงยืนนิ่ง สงบเสงี่ยมราวกับว่าไม่ได้รับผลอะไรเลย.

เหว่ยอี้หนูที่ไม่อยากเชื่อเช่นกัน เขาได้รวมพลังพร้อมระเบิดความโกรธออกมา แต่กลับไม่แม้แต่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามถอยไปได้สักครึ่งก้าวอย่างคาดไม่ถึง!

“เจ้า......”

หมัดเขาที่ยังคงค้างเติ่ง ก่อนที่จะกล่าวออกมาด้วยท่าทางตื่นตกใจ “...นี่มันวิชาอะไรกัน!”

จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “ระฆังทองคุ้มกาย.”

“ระฆังทองคุ้มกาย?”

“นี่มันทักษะยุทธ์อะไรกัน? ทำไมไม่เคยได้ยินมาก่อน!”

“ชื่อแปลกประหลาดแบบนี้ คงไม่ใช่ทักษะยุทธ์ที่มีอยู่ในมนทลชิงหยาง!”

ไม่ใช่แค่ไม่เคยได้ยินในมนทลชิงหยาง แม้แต่ทั่วทวีปชิงหยุน ก็ไม่มีทักษะยุทธ์นี้ เพราะว่ามันไม่มีอยู่จริงนั่นเอง.

และเป็นไปได้ว่ามีเพียงแค่จุนซ่างเซียวเท่านั้นที่รู้จัก?

เพราะมันเป็นเพียงแค่ลมปากของเขาเท่านั้น!

นี่เป็นเพียงวิชาในโลกเดิมของเขา ที่นำมาจากละครและนิยายชื่อดัง ชื่อของมันดูน่าเกรงขามจึงเหมาะที่จะนำมาใช้.

“ทันอย่างเฉียดฉิว!”

จุนซ่างเซียวที่ลอบตื่นเต้นดีใจลับ ๆ “โชคดีที่ใช้ยันต์ป้องกัน ใช้ได้ทันที ไม่เช่นนั้นคงได้เจ็บหนักแน่!”

ตั้งแต่แรกเมื่อเหว่ยอี้หนูโจมตีมา เขาก็บดยันต์ป้องกันทันที มันเป็นยันต์ที่ได้จากการ เปิดแพ็คเกจมือใหม่นั่นเอง.

ทันทีที่เขาบดยันต์ ผิวกายของจุนซ่างเซียวก็เปลี่ยนไป กล้ามเนื้อแข็งแกร่งราวกับหินผา ราวกับว่าไร้เทียมทานไม่มีสิ่งใดสามารถสร้างรอยขีดข่วนได้.

นี่เป็นเหมือนกับการเดิมพัน ดั่งเช่นการเดิมพันหนึ่งแต้มสนับสนุนซื้อยาฟื้นฟูก่อนหน้า ผลของมันต่อต้านสวรรค์มาก เขาจึงคาดหวังว่า ของขวัญจากแพ็คเกจมือใหม่คงจะไม่อ่อนด้อยไปกว่ากัน!

เป็นการเดิมพันที่ถูกที่ถูกเวลา.

ยันต์ป้องกันนั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งไม่ธรรมดาจริง ๆ!

“เฮ้ย.”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “ไม่ได้กินข้าวมารึอย่างไร หมัดของเจ้า ถึงได้อ่อนด๋อยขนาดนี้?”

ยันต์ป้องกันมีผล 60 นาที เวลานี้ยังมีเวลา 59 นาที 30 วินาที ยังมีเวลาให้เขาแสดงท่าทางยอดเยี่ยมออกมา!

“น่ารังเกียจ!”

เหว่ยอี้หนูที่ถอยห่างออกมาหลายสิบเก้า คำรามออกมาด้วยความโกรธ ก่อนที่จะวิ่งมายังขอบเวที ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาใหม่อีกครั้ง.

“ฟิ้ว!”

หมัดขวาของเขาที่เหวี่ยงออกไปอีกครั้ง เห็นเป็นคลื่นอากาศที่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า.

“เริ่มอีกแล้ว!”

“ดูเหมือนจะทรงพลังกว่าก่อนนี้มาก!”

“เจ้าสำนักจุนไม่เคลื่อนไหวเลย คิดจะป้องกันอีกอย่างงั้นรึ?!”

“ดูเหมือนจะมั่นใจมาก!”

“ตูมมมม!”

หมัดของเหว่ยอี้หนูกระแทกไปยังตำแหน่งท้องของจุนซ่างเซียว พลังมากมายล้นพวยพุ่งไหลออกไปเป็นระลอกคลื่นด้านข้าง.

ท้ายที่สุด?

เจ้าสำนักจุนก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิม ไม่เขยื้อนแม้แต่น้อย!

ที่มุมปากของเขายกยิ้ม “อาวุโสเหว่ย นี่สุดแรงแล้วรึ? ดูเหมือนว่าเหมาะสมแล้วกับคำว่า ขยะ!”

“อ๊ากๆ!”

เหว่ยอี้หนูที่ราวกับเสียสติไปในทันที.

เขาไม่คาดคิดเลยว่าพลังทั้งหมดที่มีจะไม่สามารถทำอะไรอีกฝั่งได้เลย.

“ตูมมม!”

“ตูมมม!”

“ตูมมม!”

เพียงไม่นานเขาได้ระดมหมัด ต่อยใส่จุนซ่างเซียว ทั้งอกท้อง ไหล่ ทุกจุดที่คาดว่าจะเป็นจุดอ่อน ทว่าอีกฝ่ายกับยืนนิ่ง แม้แต่เผยยิ้มเยาะออกมาด้วยซ้ำ.

ในเวลานั้น เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่จับจ้องมองเจ้าสำนักจุนอยู่ ถึงกับงงเป็นไก่ไม้ไปเหมือนกัน!

ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนเลยรึ?

เหลือเชื่อเกินไปแล้ว มันจะเป็นไปได้อย่างไร!

จุนซ่างเซียว? ไม่ว่าเหว่ยอี้หนูจะระดมโจมตีอย่างไร ก็ไม่สามารถสร้างรอยแผลใด ๆได้เลย.

ไร้รอยขีดข่วน.

เกินจริงไปหรือไม่?!

“น่าหวาดกลัวไปแล้ว!”

“นี่คือวิชาป้องกันที่ทรงพลังมาก!”

“ราวกับเสื้อเกาะเพชร! หากว่าข้าพบล่ะก็ ไม่ว่าจะใช้เงินเท่าไหร่ ก็ต้องซื้อมาให้ได้!”

ทุกคนต่างก็พูดถึงทักษะป้องกันดังกล่าว แม้แต่ต้องการมันมาครอบครอง.

หลี่ชิงหยางและลู่เชียนเชียนที่ผ่อนคลาย ไม่สงสัยที่เจ้าสำนักกล้ารับการท้าทายของอาวุโสสำนักหลิงชวน เดิมทีก็มีวิชาป้องกันที่ทรงพลังอยู่นี่เอง!

......

“ตูมมม!”

“ตูมมม!”

เหว่ยอี้หนูที่ระดมโจมตีไปหลายสิบหมัดแล้ว ท้ายที่สุดก็หยุดลงพร้อมกับหายใจหอบอย่างหนัก.

การโจมตีไม่หยุดหย่อน ล้วนแต่ผลาญพลังวิญญาณไปมหาศาล.

“มีปัญหาอะไร?”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวหยัน.“เหนื่อยแล้วรึ?”

“ฮือฮือ...เจ้าสารเลว......”เหว่ยอี้หนูที่หายใจหอบ ๆ ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยลามไปทั่วลูกตา.

จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “ไม่มีพลังยังกล้าท้าทายเปิ่นจั้ว ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องขายหน้าขายตาต่อผู้คนมากมายขนาดนี้.”

เหว่ยอี้หนูที่กัดฟันสั่นไปทั่วร่าง ก่อนจะถอยหลังกลับมาสองสามก้าว มือปาดเหงื่อ พร้อมกับเริ่มหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง.

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ไม่ใช่อาวุโสเหว่ยโกรธจนบ้าไปแล้วรึ?”

ผู้คนรอบ ๆ ที่กล่าวพูดคุยเสียงเบา.

เหว่ยอี้หนูที่หยุดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ก่อนที่ใบหน้าจะกลายเป็นดุร้าย “เจ้าหนู เจ้าบังคับบิดาให้ต้องใช้ไม้ตาย หากเจ้าตายไปก็ถือว่าเป็นเกียรติแล้ว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ไม้ตายอย่างงั้นรึ?”

“ซูมมม!”

เหว่ยอี้หนูที่ก้าวขาออกมายืนอย่างมั่นคง พร้อมกับโก่งโค้งเล็กน้อย มือทั้งสองข้างผสานกันที่ท้องน้อย พร้อมกับทำการเคลื่อนไหวแบบหม่าปู้.

(马步 หม่าปู้" หรือท่านั่ง(ควบ)ม้า)

“ฟู่ ฟู่!”

พลังที่แปลกประหลาดสองก้อนปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือ และดูดซับพลังงานวิญญาณจากสวรรค์และปฐพีเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน!

“เฮ้ย!”

จุนซ่างเซียวที่ลอบคิดในใจ “นี่ไม่ใช่พลังคลื่นเต่าหรอกรึ?”

หลี่ชิงหยางที่จ้องมองอย่างจริงจังพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “นี่คือวิชายุทธ์พิเศษของสำนักเซิ่งชวน มีชื่อว่า หมัดศิลาทองเจิดจรัสเปล่งประกายรุ่งโรจน์!”

จินซ่างเซียวแทบล้มกลิ้งไปกับพื้น.

ทักษะยุทธ์อะไร ชื่อมันยาวเป็นหางว่าวเลย ตกลงมันแข็งแกร่งหรือไม่?!

ดูจากการหายใจหอบของศิษย์คนที่สองของเขา คาดว่าคงเป็นวิชาที่แข็งแกร่ง!

จุนซ่างเซียวที่รอฟังความเห็น.

ใบหน้าของเขาก็เผยท่าทางจริงจัง พลังวิญญาณที่รวมกันเป็นก้อนพลัง แผ่พลังที่น่าเกรงขามออกมาเป็นระลอกคลื่น!

“แสงนี้......”

หลี่ชิงหยางที่คล้ายกับลืมชื่อทักษะยุทธ์นี้ไป ก่อนที่จะเอ่ยกล่าวออกมาเบา ๆ.“หมัดศิลา...นี้ บางทีคงจะเป็นทักษะยุทธ์ระดับสามัญชั้นกลาง.”

ทั้งทักษะยุทธ์และวิชาบ่มเพาะนั้น ในแต่ละระดับสามารถแบ่งย่อยได้อีกเป็นสามขั้น แบ่งเป็น ขั้นต้น กลางและสูง

แม้ว่าเพลงกระบี่คลื่นซ้อนเก้ากระบวนจะเป็นวิชาระดับต่ำชั้นต้น ทว่ากระบวนท่าที่เก้านั้นกลับมีพลังเท่ากับระดับสามัญชั้นต้น!

ในทวีปชิงหยุน ทักษะยุทธ์มีการแบ่งระดับอย่างชัดเจน แน่นอนว่ายิ่งระดับสูงก็ยิ่งมีคุณภาพสูง แม้แต่มีพลังมากยิ่งกว่าเดิมด้วย.

“ไม่!”

“นี่มันทักษะยุทธ์ระดับสามัญชั้นกลาง?!”

“แม้นว่าจะมีขายในเมืองชิงหยางแต่ราคานั้นแทบจะประเมินค่าไม่ได้ อ๊ากๆ!”

“คู่ควรที่เคยเป็นศิษย์ของนิกายเซิ่งชวน คาดไม่ถึงเลยว่าทักษะต่อสู้ของเขาจะทรงพลังขนาดนี้!”

ผู้คนรอบ ๆ ต่างอุทานตกใจทั้งอิจฉาริษยา เพลงหมัดของเหว่ยอี้หนูนั้นทรงพลังมาก ก้อนพลังสองก้อนที่ส่องสว่างโดดเด่นแสบตาพวกเขา!

“ฟู่ ฟู่!”

บนเวทีชำระแค้นเกิดพายุที่รุนแรงหมุนวนขึ้นในทันที!

“โอ้ว สวรรค์!”

“เป็นกลิ่นอายคลื่นพลังที่ทรงพลังมาก!”

“นี่คือทักษะยุทธ์ระดับสามัญชั้นกลาง!!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ หายใจหอบ ๆ แววตาที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงโดยสมบูรณ์.

“ไอ้หนู!”

เหว่ยอี้หนูที่คำรามออกมาด้วยความโกรธ “แกแส่หาความตาย......”

จุนซ่างเซียวที่นำหวีออกมา ก่อนที่จะเริ่มหวีผมของตัวเอง “ผมยุ่งหมดแล้ว น่ารำคาญจริง ๆ.”

“พุ พรึด!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ แทบล้มทั้งยืน.

อาวุโสเหว่ยที่กำลังใช้ท่าไม้ตาย จนเกิดพายุเสียงดังหวีดหวิว นี่เขา ไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองเลยรึ? เวลานี้กับเป็นห่วงทรงผมของตัวเองแทนซะอย่างงั้น!!

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด