ตอนที่แล้วChapter 17 กระบี่หานเฟิงระดับต้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 19 ระฆังทองคุ้มกาย

Chapter 18 ลานประลองชำระแค้น ชีวิตและความตายไม่อาจเอ่ย


เกี่ยวกับเรื่องราวสำนักหลิงชวนอะไรนั่น จุนซ่างเซียวไม่ได้สนใจอะไร ดังนั้นจึงเอ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรอย่างงั้นรึ?”

“แน่นอนว่ามี.”

สายตาของเหว่ยอี้หนูเต็มไปด้วยความเย็นชา แววตาดูแคลนเหยียดหยันสุด ๆ “เจ้าทำร้ายศิษย์สำนักหลิงชวน แล้วคิดจะจากไปอย่างปลอดภัยได้อย่างไรกัน?”

“อะไรนะ?”

“ทำร้ายศิษย์สำนักหลิงชวน?”

“สำนักไท่กู่เจิ้งแย่แล้ว!”

“ปีที่แล้วศิษย์สำนักระดับแปด ทำร้ายศิษย์สำนักหลิงชวน ท้ายที่สุดเจ้าสำนักต้องพาศิษย์คนนั้นไปขอโทษด้วยตัวเอง.”

“แล้วหลังจากนั้นล่ะ?”

“ศิษย์คนนั้นถูกทำลายพลังฝึกตน แม้แต่ถูกไล่ออกจากสำนัก สำนักระดับแปดเวลานั้นต้องชดใช้เงินแก่สำนักหลิงชวนจำนวนมาก.

“แล้ว สำนักไท่กู่เจิ้งจะเป็นอย่างไรต่อไป!”

ผู้คนมากมายต่างพูดคุยกันเสียงต่ำ แม้แต่จ้องมองด้วยความสงสารไปยังจุนซ่างเซียว.

จวีซีสำนักดาบใหญ่ที่แค่นเสียงเย็นชา ลอบกล่าวเบา ๆ “หาเรื่องสำนักหลิงชวน เท่ากับหาเรื่องยมบาล เจ้าหนู รอหายนะได้เลย.”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไม่น้อยที่ยอมจ่ายเพื่อให้จุนซ่างเซียวชี้แนะ ทว่าเขาและสำนักพยัคฆ์คำรามนั้นไม่มีใครไปสักคน ด้วยศักดิ์ศรีเพราะได้ดูถูกดูแคลนจุนซ่างเซียวก่อนหน้านี้ไปมากมาย จึงไม่มีใครหน้าหนาพอไปขอคำชี้แนะนั่นเอง.

ตอนนี้อาวุโสสำนักหลิงชวนปรากฏตัว ความฮึกเหิมของพวกเขาก็กลับมาทันที หวังที่จะได้เห็นความอับอาย อับจนหนทางของอีกฝ่าย.

“ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของสำนักหลิงชวนนี่เอง.”

จุนซ่างเซียวที่ไม่ได้ตื่นตระหนกตกใจอะไร พยักหน้าและกล่าวออกมาว่า “ไม่ผิด ข้าเป็นคนสั่งสอน เอิ่ม...”พร้อมกับทำการนับ “ควรจะมีห้าคนไม่ใช่รึ?”

ห้า?

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ ถึงกับปากกระตุก.

ปีที่แล้วสำนักระดับแปดทำร้ายศิษย์พวกเขาไปคนเดียว เจ้าสำนักถึงกับต้องนำศิษย์คนดังกล่าวไปขอโทษด้วยตัวเอง นี่ทำร้ายถึงห้าคนเกรงว่าเรื่องคงไม่จบเพียงแค่ขอโทษแล้ว!

เหว่ยอี้หนูเอ่ยออกมาอย่างนุ่มนวล “เจ้าสำนักจุน ในเมื่อรู้ตัว เหว่ยโหมวมาวันนี้ต้องการถามหาความยุติธรรมให้กับศิษย์.”

“ติ้ง!”

“ภารกิจสนับสนุนถูกเปิด!”

มีภารกิจอย่างงั้นรึ?

จุนซ่างเซียวที่เร่งรีบเปิดคอนโซนคำสั่ง จดจ้องมองภารกิจสนับสนุน: สั่งสอนอาวุโสสำนักหลิงชวนที่มาหาเรื่อง[ภารกิจขั้นสูง] 0/1.

“ภารกิจขั้นสูง?”

ด้วยประสบการจากโลกเดิม เจ้าสำนักจุนเคยเล่นเกมออนไลน์มาไม่น้อย ซึ่งในเกมนั้นมีภารกิจระดับสูง ที่ผู้เล่นต้องจัดการกับมินิบอส.

ภารกิจระดับสูงเป็นภารกิจที่ยากจะสำเร็จ แต่หากทำสำเร็จก็จะได้รับรางวัลมากมาย.

น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ! จุนซ่างเซียวที่ปิดคอนโซนระบบ พร้อมกับสีจมูกไปมา “ศิษย์ของเจ้าได้รังครวญศิษย์หญิงของข้า เปิ่นจั้วเช่นข้า จึงต้องสั่งสอนพวกเขาเล็กน้อย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีหน้ามาขอความยุติธรรมกับเปิ่นจั้วอีกอย่างงั้นรึ?”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ เวลานี้ถึงกับกลายเป็นโง่งมไปทันที.

เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง มารดาเถอะ! เป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อนเลย นี่เขาไม่กลัวว่า ได้ยั่วยุฝ่ายตรงข้ามไปแล้วรึ? เวลานี้เกรงว่าสถานะการณ์เกินจะแก้ไขไปแล้วหรือไม่?

แน่นอนว่า นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการ เพื่อที่จะทำให้ภารกิจสำเร็จ.

แก้ไขรึ?

ไม่มีวัน.

จวีซีสำนักดาบใหญ่และเหล่าศิษย์สำนักพยัคฆ์คำรามที่ลอบตื่นเต้นดีใจเป็นอย่างมาก.

กล้าที่จะพูดจาเช่นนั้นกับอาวุโสสำนักหลิงชวน มีแต่แส่หาความตายเท่านั้น.

เป็นความจริง.

เหว่ยอี้หนูที่ใบหน้ามืดครึ้ม สายตาที่โกรธเกรี้ยวตาขวาง “เจ้าหนู อยากตายมากใช่ใหม!”

“กึก กึก!”

กำปั้นทั้งสองข้างของเขาที่กำแน่นจนส่งเสียง ประกายแสงสิบสองวงปรากฏขึ้นที่ข้อมือ.

“วิ้ง!”

จุนซ่างเซียวที่กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน “ได้ยินว่าเป็นอาวุโสสำนักหลิงชวนคิดว่าจะวิเศษวิโสขนาดไหน ที่แท้ก็แค่ขยะเปิดชีพจรขั้นที่ 12.”

ทุกคนถึงกับพูดไม่ออก.

เจ้าเป็นเจ้าสำนัก มีพลังบ่มเพาะเพียงเปิดชีพจรขั้นที่ห้า ยังกล้าว่ากล่าวหาคนอื่นอีก!

ได้ยินคำว่า“ขยะ” เหว่ยอี้หนูระเบิดความโกรธเกรี้ยวคำรามเสียงดัง ชี้ไปยังฝังตรงกันข้าม “เจ้าสารเลว แน่จริงมาตัดสินความแค้นกันบนลานประลองชำระแค้น!”

“ฟิ้ว ฟิ้ว!”

ผู้คนต่างก็หลบกันจ้าละหวั่น ที่ไกลออกไปนั้นมีเวทีขนาดกว้างยาวสิบเมตร สูงสามเมตร.

นี่คือเวทีประลองชำระความแค้น.

ภายในเมืองนั้นมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด ผู้ฝึกยุทธ์ไม่สามารถต่อสู้กันได้ แต่หากมีความแค้นที่ยากจะยอมกันได้ สามารถใช้เวทีชำระแค้นเพื่อจัดการปัญหาของตัวเองได้.

“อ๋า! อาวุโสเหว่ยกำลังท้าประลอง!”

เสียงของทุกคนที่อุทานกันเสียงดัง.

วิถีชาวยุทธ์คือ ผู้แข็งแกร่งเป็นจ้าว การท้าประลองนั้น ก็เพื่อตัดสินเรื่องที่ยากจะตัดสินว่าใครเป็นฝ่ายถูกฝ่ายผิดนั่นเอง!

“เจ้าสำนักจุนจะยอมรับการประลองหรือไม่?”

“ความแข็งแกร่งแตกต่างกันเกินไป ไม่มีทางที่จะต่อสู้กันได้อย่างสูสี แม้ว่าเจ้าสำนักจุนจะมีประสบการณ์ยุทธ์ไม่ธรรมดา แต่พลังบ่มเพาะต่ำมาก ไม่น่าจะยอมรับการประลอง!”

“เขาที่เป็นถึงเจ้าสำนัก การที่อาวุโสอีกสำนักท้าประลอง เพื่อศักดิ์ศรี เขาควรจะยอมรับ!”

ขณะที่ผู้คนพูดคุยโต้เถียงกันและกัน แม้แต่จับจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียว ต่างก็คาดเดาไปต่าง ๆ นานา ครุ่นคิดว่าเจ้าสำนักจุนจะรับคำท้าทายหรือไม่?

“เจ้าสำนัก.”

หลี่ชิงหยางที่ก้าวออกมา เอ่ยด้วยเสียงไม่ดังนัก “เวทีประลองชำระแค้นนั้น เป็นตายไม่สามารถเอาความได้.”

“ไม่อย่างงั้นรึ?”

จุนซ่างเซียวที่ใบหน้าเปลี่ยนสี.

หลี่ชิงหยางที่จ้องมองไปยังเหว่ยอี้หนู “การประลองนี้ ศิษย์ขอรับเอง.”

จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “อีกฝ่ายเป็นอาวุโสที่เสนอมา จะให้เปิ่นจั้วส่งศิษย์ไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร.”

ระหว่างที่กล่าว เขาก็ก้าวตรงไปยังเวทีชำระแค้น.

“ยอมรับการประลอง!”

“คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักจุนจะยอมรับการประลอง!”

“ด้วยพลังบ่มเพาะที่ต่างกัน เพียงแค่การโจมตีเดียวของอาวุโสเหว่ยคงสังหารเขาได้แล้ว!”

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็พูดคุยกันเสียงดังเจี้ยวจาว.

เวลาเดียวกันก็มีคนคอยสุมไฟอยู่ด้านล่างเพื่อให้เกิดความวุ่นวาย ยกตัวอย่าง จวีซีสำนักดาบใหญ่ หรือจะเป็นศิษย์สำนักพยัคฆ์คำราม.

“บ้าบิ่น มุทะลุ!”ลู่เชียนเชียนที่ขมวดคิ้วไปมาเล็กน้อย.

อาวุโสสำนักหลินชวนมีพลังบ่มเพาะเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง จุนซ่างเซียวมีพลังบ่มเพาะเพียงเปิดชีพจรขั้นที่ห้า แตกต่างกันมาก มีแต่ขึ้นไปแส่หาความตายเท่านั้น.

เหล่าศิษย์ใหม่ต่างก็เผยความเป็นกังวล เจ้าสำนักมีความรู้เรื่องวิถียุทธ์ที่แตกฉาน แม้พลังบ่มเพาะจะต่ำ จะรับมืออาวุโสสำนักหลิงชวนที่มีพลังบ่มเพาะเข้าใกล้ระดับศิษย์ยุทธ์ได้อย่างไร.

ขณะที่จุนซ่างเซียวกำลังก้าวขึ้นเวทีประลองชำระแค้น เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักอื่น ๆ ไม่มีใครเห็นใจเขาเลยแม้แต่คนเดียว.

“อ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”เหว่ยอี้หนูที่ก้าวขึ้นเวทีชำระแค้น หัวเราะออกมาเสียงดัง “เจ้าหนู หากเจ้าอยากสั่งเสียอะไรก็รีบ ๆทำซะ จะได้ตายอย่างสงบ.”

“จริงรึ?”

หลายๆคนที่จับจ้องมองจุนซ่างเซียวเขม็ง.

เจ้าสำนักจุน คาดไม่ถึงเลยว่าจะยังสุขุมอยู่ได้ นี่เขาไม่รู้ความแข็งแกร่งของอาวุโสเหว่ยอี้หนูเลยรึไง.

เหว่ยอี้หนูที่ยกแขนเสื้อขึ้น พร้อมกับกำหมัดแน่น กล้ามเนื้อที่ปูดโปน มองเห็นเส้นโลหิตที่โป่งออกมา.

“อาวุโสเหว่ยมีร่างกายที่แข็งแกร่งมาก ไม่ต้องใช้ทักษะใด ๆ เพียงหมัดเดียวก็สามารถบดศิลาขนาดสองพันจินได้แล้ว!”

“โอ้ว สวรรค์!”

ทุกคนที่สูดหายใจ เย็นเยือบเข้ามา.

หากเป็นผู้ฝึกยุทธ์เปิดชีพจรขั้นที่สิบสองทั่วไป สามารถบดศิลาขนาด 1500 จินได้เท่านั้น!

“ไม่มีอะไรตื่นเต้น!”

ศิษย์สำนักหลินชวนคนหนึ่งกล่าวออกมาอย่างภาคภูมิ “อาวุโสเหว่ยของพวกเรา ที่กลางป่า สามารถที่จะสังหารสัตว์ร้ายที่มีพลังระดับศิษย์ยุทธ์ด้วยมือเปล่าได้ด้วย!”

“อะไรนะ?!”

ทุกคนที่ตื่นตะลึง.

สัตว์ร้ายระดับศิษย์ยุทธ์ ด้วยระดับเปิดชีพจรขั้นสิบสอง สังหารด้วยมือเปล่า น่าเกรงขามเกินไปแล้ว!

สัตว์ร้ายตัวดังกล่าวเพราะได้รับบาดเจ็บ เขาจึงสามารถสังหารมันลงได้ ทว่าการได้มาเห็นสีหน้าของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ตื่นตะลึง ก็ทำให้ใบหน้าของเหว่ยอี้หนู พึงพอใจเป็นอย่างมาก.

ทว่าสายตาของจุนซ่างเซียวนั้นกับดูราวกับว่าไร้สาระไม่ให้ราคาแม้แต่น้อย แม้แต่กำลังแคะขี้มูก อย่างใจเย็น..

กึก!

เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆถึงกับงงงวยยืนนิ่งเป็นไก่ไม้ไปเลย.

บนเวทีชำระแค้นที่เป็นเวทีศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางผู้ฝึกยุทธ์มากมาย คาดไม่ถึงเลยว่าจะทำตัวเสียมารยาทขนาดนั้น!

อีกอย่างหนึ่ง กับการตัดสินเป็นตาย เขากับยั่วยุอาวุโสสำนักหลิงชวนซ้ำแล้วซ้ำเล่า.

“อ๊าก!”

เหว่ยอี้หนูที่ราวกับว่าถูกทำให้อับอาย ความโกรธเท่าพันทวี คำรามลั่น รวบรวมพลังที่หมัดขวาพร้อมกับเหวี่ยงออกไป.

“ฟิ้ว วูซซซซ!”

ความโกรธมากมาย ผนวกกับพลังบ่มเพาะเปิดชีพจรขั้นที่สิบสอง ความเร็วที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า.

ส่วนจุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลัง ใบหน้าไม่แยแสแม้แต่น้อย.

“เจ้าสำนัก......”

หลี่ชิงหยางที่เผยท่าทางจริงจัง.

แม้แต่ลู่เชียนเชียนที่เย็นชาอยู่ตลอดเวลา เวลานี้ใบหน้าของนาง ยังเผยท่าทางเป็นกังวลออกมาเหมือนกัน.

“จบแล้ว!”

“เขากำลังถูกต่อย คงตายไปในทันทีอย่างแน่นอน!”

“ตูมมมมม!”

เสียงดังกึกก้องสนั่นทั่วทิศ เกิดเป็นลมที่บิดเบี้ยวราวกับพายุ พัดสะบัดออกไปรอบ ๆ ผู้คนที่อยู่ใกล้บางคนถึงกับลอยกระเด็น เร่งรีบหาที่จับยึดทันที.

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด