Chapter 17 กระบี่หานเฟิงระดับต้น
“ติ้ง!”
“สมาชิกสำนัก: 53 / 100!”
“ติ้ง!”
“คะแนนสนับสนุนสำนัก: 60 / 100!”
จงซางเซียวที่ประทับตราสำนักลงใบสมัครให้กับผู้เยาว์คนแล้วคนเล่า พริบตาเดียวก็รับศิษย์ไป 50 อย่างรวดเร็ว เสียงแจ้งเตือนของระบบที่ดังขึ้นต่อเนื่อง สร้างความประหลาดใจ พึงพอใจต่อเขาเป็นอย่างมาก.
เขารับสมาชิกรากวิญญาณระดับกลางสิบคน และยังมีรากวิญญาณสามัญอีก 40 คน.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักอื่น ๆที่รอคอยและมองไกล ๆ แววตาเต็มไปด้วยความอิจฉาอย่างสมบูรณ์.
พวกเขาต่างก็รู้ดี ในงานรับศิษย์ร้อยสำนัก รากวิญญาณระดับกลางสิบคนและรากวิญญาณสามัญอีก 50-60 คน ตอนนี้แทบจะถูกรับเข้าสำนักไท่กู่เจิ้งไปหมดแล้ว!
เฮ้อ.
งานรับศิษย์วันนี้พวกเขาล้มเหลวแล้ว คงทำได้แค่รอวันพรุ่งนี้.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมาย เผยความโศกเศร้า ส่วนเจ้าสำนักจุนเองก็เศร้าด้วยเช่นกัน ที่ต้องรับศิษย์รากวิญญาณระดับต่ำเข้ามา.
จนปัญญา.
เพื่อให้รับศิษย์ให้ได้ครบหนึ่งร้อยคน ไม่ว่ามีพรสวรรค์ใดก็ต้องรับ.
นอกจากนี้ ถึงจะมีพรสวรรค์ที่แย่ อาจจะฝึกฝน ออกมาดีในวันข้างหน้าก็ได้.
“ติ้ง!”
“ติ้ง!”
......
......
“สมาชิกสำนัก: 100 / 100!”
“ติ้ง!”
“แต้มสนับสนุนสำนัก: 107 / 100!”
“ติ้ง!”
“จำนวนสมาชิกเต็มแล้ว ขอให้โฮสน์ยกระดับสิ่งก่อสร้างสำนัก เพื่อเพิ่มขีดจำกัด ซึ่งจะทำให้รับศิษย์เพิ่มขึ้นอีกได้.”
“คำเตือน! เมื่อสมาชิกเต็มแล้ว หากฝืนรับศิษย์ จะได้รับการลงโทษอย่างหนัก!”
“แต้มสนับสนุนสนับล้นขีดจำกัด ขอให้โฮสน์ใช้จ่ายภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นแต้มสนับสนุนที่เกินไปจะหายไปโดยอัตโนมัติ.”
“จำนวนศิษย์เต็ม เข้าเงื่อนไข!”
“ติ้ง!”
“คำสั่งความสำเร็จสำนักและภารกิจสำนักถูกเปิดใช้งาน!”
จุนซ่างเซียวตกใจ ก่อนที่จะเร่งรีบเปิดคอนโซนระบบขึ้นมา.
ชื่อสำนัก : สำนักไท่กู่เจิ้ง
เจ้าสำนัก : จุนซ่างเซียว.
ระดับกองกำลัง : ระดับเก้า.
สิ่งก่อสร้างสำนัก : ระดับ 1
สมาชิกสำนัก: 100 / 100.
คะแนนสนับสนุนสำนัก : 107 / 100.
ความสำเร็จสำนัก: 0 / 100.
ภารกิจสำนัก : ยังไม่มีชั่วคราว.
ภารกิจหลักสำนัก : ภายในหนึ่งร้อยปีจะต้องนำพาสำนักไท่กู่เจิ้งให้มีชื่อเสียงไปทั่วทวีปซิงหยุน รับศิษย์ 100,000 คน หากทำไม่สำเร็จ ดวงวิญญาณของโฮสน์จะต้องสลายหายไปกลายเป็นฝุ่นควัน!
“ระบบ!”
จุนซ่างเซียวเกิดคำถาม “แล้วไอ้ความสำเร็จสำนักและภารกิจสำนักมันคืออะไรกัน?”
ระบบเอ่ย “เมื่อศิษย์รับภารกิจสำนักและทำมันสำเร็จ จะได้รับคะแนนความสำเร็จสำนัก.”
จุนซ่างเซียวเข้าใจทันทีและกล่าวต่อไปอีกว่า “แล้วความสำเร็จสำนักมีประโยชน์อะไร?”
ระบบทำการอธิบาย หลังจากที่คะแนนความสำเร็จสำนักเต็ม ก็จะสามารถยกระดับสิ่งก่อสร้างสำนักได้.”
จุนซ่างเซียวตกใจและกล่าวออกมาว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้บอกว่า เมื่อรับศิษย์เต็มก็จะยกระดับสิ่งก่อสร้างสำนักได้ไม่ใช่รึ? แล้วทำไมต้องสะสมคะแนนชื่อเสียงสำนักอีกด้วย!”
ระบบอธิบาย “การรับศิษย์ก็เพื่อเปิดระบบภารกิจสำนัก เมื่อทำภารกิจสำนักเสร็จ ก็จะสามารถยกระดับสิ่งก่อสร้างสำนักได้ มีตรงใหนที่ตกหล่นกัน.”
“......”
จุนซ่างเซียวถึงกับพูดไม่ออก.
เขาที่หยุดสนใจเกี่ยวกับคะแนนชื่อเสียงสำนักและภารกิจชั่วคราว ก่อนที่จะจ้องมองไปยังคะแนนสนับสนุนที่ล้น จะต้องใช้ภายใน 24 ชั่วโมง ไม่เช่นนั้นมันจะหายไป!
เขาที่เปิดร้านค้ามือใหม่ จ้องมองสินค้าต่าง ๆอย่างระมัดระวัง จุนซ่างเซียวที่ได้หยุดที่บรรทัดหนึ่ง “กระบี่หานเฟิง ระดับต้น”
“ติ้ง!”
“โฮสน์ใช้ 10 แต้มสนับสนุน ได้รับกระบี่หานเฟิงระดับต้น 1 เล่ม ถูกส่งเข้าไปในแหวนเก็บของแล้ว.”
“ติ้ง!”
“แต้มสนับสนุนสำนัก: 97 / 100.”
ขณะที่จุนซ่างเซียว จ้องมองไปยังบรรทัดของกระบี่หานเฟิงระดับต้น เขาก็พบว่ามันมีอักษรอธิบาย “ขีดจำกัดการซื้อต่อเดือน 4 / 5”
ดูเหมือนว่าเม็ดยาฟื้นฟูที่ต่อต้านสวรรค์ จะซื้อได้เพียงแค่ 1 ชิ้นต่อเดือน ทว่าอาวุธชนิดนี้สามารถซื้อได้ถึง 5 เล่มต่อเดือน.
หรือจะเป็นของไม่ได้ดีเยี่ยมอะไร!
เหตุผลที่จุนซ่างเซียวเลือกกระบี่หานเฟิงนั้น เพราะเขาได้ฝึกวิชาคลื่นซ้อนเก้ากระบวนมา แม้นว่าจะเป็นเพียงเคล็ดวิชาระดับต่ำ ทว่ากระบวนท่าที่เก้าก็นับว่าแข็งแกร่ง อย่างน้อยก็สามารถใช้ป้องกันตัวเองได้.
“ฟิ้ว!”
จิตสำนึกของเขาที่ผสานเข้าไปในแหวนมิติ.
ที่กลางอากาศนั้นมีกระบี่ลอยอยู่ บนฝักกระบี่มีไข่มุกสองลูก ส่องประกายแสงสีน้ำเงินจาง ๆ ออกมา.
“กึก.”
ขณะที่มือของเขากุมไปที่กระบี่หานเฟิงระดับระดับต้น ก็สัมผัสถึงความเย็นถูกแผ่ซ่านออกมา.
“เย็นมาก.”
“ไม่รู้ว่ามีคุณภาพขนาดใหน.”
ร่างจิตของจุนซ่างเซียวที่ชักกระบี่ออกมา แสงที่สว่างจ้าแผ่ออกมาจากคมกระบี่ เมื่อชักออกจากฝัก.
“ฟู่ ฟู่!”
กลิ่นอายความเย็นที่แผ่ออกไปรอบ ๆ ทำให้เขาต้องตื่นตระหนก.
กระบี่หานเฟิง(คมความเย็น)ที่ดูเหมือนกระบี่ทั่วไป แต่กับเปล่งแสงแผ่กลิ่นอายความเย็นออกมา คล้ายกับว่ามีพลังมากกว่าระดับเบื้องต้นเป็นอย่างมาก!
แม้นว่าจุนซ่างเซียวจะเข้าใจเรื่องกระบี่ไม่มากนัก แต่ก็สามารถบอกคุณภาพได้ “กระบี่ดี!”
“เจ้าสำนัก.”
ลู่เชียนเชียนที่กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “กำลังพูดกับใคร?”
“เอ่อ......”
จุนซ่างเซียวที่ถอนร่างจิตกลับมา และเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าคุยกับตัวเอง.”
“......”
หลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆต่างก็เงยหน้าขึ้นมองพลางขมวดคิ้ว.
พูดกับตัวเอง นี่เจ้าสำนักของเรา อยู่คนเดียวจนประหลาดไปแล้วอย่างงั้นรึ?
ลู่เชียนเชียนถึงกับมองบน กล่าวออกมาอย่างนุ่มนวล “มีคนมารอจำนวนมากแล้ว รีบประทับตราสำนักเร็วเข้า.”
“ไม่จำเป็น.”
จุนซ่างเซียว “สมาชิกที่รับมา เพียงพอแล้ว เปิ่นจั้วไม่สามารถรับได้อีกแล้ว.”
ระบบได้กล่าวเตือนแล้ว เมื่อสมาชิกเต็ม หากฝืนรับศิษย์จะต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง เขาจึงไม่กล้าทดลอง.
หนำซ้ำ เหล่าผู้เยาว์ที่เหลืออยู่ตอนนี้ มีเพียงแค่รากวิญญาณระดับต่ำ บางคนมีพลังบ่มเพาะเพียงขั้นที่หนึ่งเท่านั้น รับไปก็ยากที่จะฝึกฝนได้.
“ชิงหยาง.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าวออกไปในทันที “เก็บของ เตรียมกลับ!”
“อ๋า? ไม่รับแล้วอย่างงั้นรึ?”
“เจ้าสำนักจุน โปรดพิจารณาอีกครั้ง โปรดรับเพิ่มขึ้นอีกสักคนด้วย!”
“ข้าสามารถทำงานต่าง ๆ ใช้แรงงานทุกอย่างตราบที่ท่านต้องการ!”
เหล่าผู้เยาว์ต่างก็โอดครวญร้องขอไปต่าง ๆ นานา หวังว่าจะรับเพิ่มอีก.
จุนซ่างเซียวที่กล่าวด้วยท่าทางช่วยไม่ได้ “พื้นที่สำนักไท่กู่เจิ้งนั้นเล็กมาก ไม่สามารถรองรับศิษย์จำนวนมากได้ หากพวกเจ้าต้องการเข้าร่วม หลังจากนี้หากก้าวไปถึงระดับศิษย์ยุทธ์ได้ สามารถเดินทางไปยังหมู่บ้านชิงหยางด้วยตัวเอง.”
“เฮ้อ.”
เหล่าผู้เยาว์จำนวนไม่น้อยได้แต่ถอนหายใจ จากไปด้วยความผิดหวัง.
พวกเขาต่างรู้ดี หากไร้ซึ่งอาจารย์ที่โดดเด่นคอยสอน ไร้ซึ่งทรัพยากร ลำพังเพียงพวกเขาการจะตัดผ่านพลังบ่มเพาะไปยังขั้นศิษย์ยุทธ์ แทบเป็นไปไม่ได้เลย.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางเอ่ย “เก็บซุ้มเรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินทาง.”
“ไป.”
จุนซ่างเซียวที่สะบัดมือ พร้อมกับนำทุกคนก้าวเดินออกไป.
ก่อนมาเมืองชิงหยาง เขามีศิษย์เพียงคนเดียว และยังเป็นเจ้าสำนักที่ยากจนสุดขีด ไม่มีเงินหรือทักษะยุทธ์ใด ๆ ทว่าการเดินทางมารับศิษย์ครั้งนี้ เก็บเกี่ยวได้เป็นกอบเป็นกำ.
“หยุดตรงนั้น!”
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ก้าวออกไปจากลานรับสมัครด้วยซ้ำ เสียงที่เคร่งขรึมเย็นชาก็ดังขึ้น.
“หืม?”
จุนซ่างเซียวที่หยุดเล็กน้อยและจ้องมองไปยังเสียงดังกล่าว.
เห็นเป็นชายวัยกลางคนในชุดสีน้ำเงิน ก้าวเดินมาพร้อมกับศิษย์ที่ล้อมรอบกว่าสิบคน.
“นั่นมันอาวุโสสำนักหลิงชวน เหว่ยอี้หนู!”
“ดูใบหน้าที่บิดเบี้ยวอัปลักษณ์นั่น เป็นไปได้ว่ากำลังหาเรื่องสำนักไท่กู่เจิ้งอยู่รึ?”
“อาวุโสเหว่ยอี้หนู หากใครกล้าหาเรื่องศิษย์สำนักตัวเอง เขามักจะไปเอาคืนให้กับศิษย์ของเขาทุกครั้งเลย!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ ที่ว่ากล่าวเสียงเบา ขณะจ้องมองไปด้วยท่าทางหวาดหวั่น.
นับตั้งแต่เห็นเหว่ยอี้หนูนำศิษย์จำนวนมากก้าวเดินเข้ามา หลาย ๆคนก็ถอยออกมาโดยอัตโนมัติ.
จุนซ่างเซียวที่แอบคิดในใจ “คนเหล่านี้เป็นคนของสำนักหลิงชวนสำนักระดับเก้า ทำไมสำนักระดับแปดถึงกับรู้สึกหวั่นเกรงพวกเขากัน?”
เหตุผลนั้นดูเหมือนว่าจะธรรมดามาก.
เหว่ยอี้หนูและพี่น้องอีกสี่คน ที่เคยร่วมทุกร่วมสุขมา ได้ก่อตั้งสำนักขึ้น.
ครั้งหนึ่งนั้นพวกเขาเคยเป็นศิษย์ของนิกายเซิ่งชวน(น้ำพุศักดิ์สิทธิ์)เป็นกองกำลังระดับห้า เขาได้ก่อตั้งสำนักหลิงชวน พี่ใหญ่สุดเป็นประมุข ส่วนน้องทั้งสามเป็นอาวุโส.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไม่ได้หวาดกลัวสำนักหลิงชวน ทว่าเป็นสำนักเซิ่งชวนที่พวกเขาเคยสังกัดต่างหาก!