Chapter 16 ได้กำไรมากมาย
ไม่ว่าจะเป็นโลกใหน เงินก็ยังเป็นสิ่งสำคัญอย่างชัดเจน.
ไม่ต้องเอ่ยเลยว่า มันสามารถใช้เพื่อซื้ออาวุธหรือวิชาฝึกฝน ในการดำรงชีวิตที่ดีในแต่ละวัน จำเป็นต้องมีเงินเพื่อใช้จ่ายทั้งนั้น.
สำนักไท่กู่เจิ้งเวลานี้ไม่มีเงินเหลือเลย เพราะว่านอกจากศิษย์บางคนที่นำสมบัติหนีไป ส่วนหนึ่งก็นำไปขายเพื่อหวังจะช่วยเจ้าสำนักหวัง.
ท้ายที่สุด?
ไม่เพียงแค่เงินที่ไม่เหลือ ทรัพย์สมบัติที่เคยมี ก็หายไปจนเกลี้ยง ซ้ำเจ้าสำนักหวังที่แหกคุกหนีออกมายังถูกลงโทษประหารไปในที่สุด.
กล่าวได้ว่าสำนักไท่กู่เจิ้ง การจะอยู่รอดก็แทบเต็มกลืน เคราะห์ซ้ำกันซัด อาหารให้กินก็แทบไม่มี อาหารบางมื้อ ก็ได้มาจากการบริจาคของชาวบ้าน.
เมื่อครั้งที่จุนซ่างเซียวข้ามผ่านมาจากโลกอื่น เขาที่กินเพียงเศษขนมปังเพื่อปะทังชีวิตไปแต่ละวันเท่านั้น.
และเมื่อลู่เชียนเชียนเข้าร่วมสำนัก พวกเขาได้กินก๋วยเตี๋ยวบ้างจากป้าหวังในหมู่บ้านเชิงเขาหลังจากช่วยงานเล็ก ๆ น้อย ๆ.
การจะยกระดับพัฒนาสำนักไท่กู่เจิ้ง การหาเงินก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกัน.
ด้วยเหตุนี้เวลาที่เหลือจากการเปิดใช้งานยันต์รู้แจ้ง เขาจึงคิดที่จะหาเงินสะสมทุนทันที!
ไม่สนใจแม้แต่คนที่ดูแคลนเขาก่อนหน้านี้ด้วย.
100 เหรียญ! สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่เป็นกลาง.
ส่วนคนที่ดูแคลนเหยียดหยันของเขาก่อนหน้านี้จะต้องจ่ายมากกว่าคนอื่น.
200 เหรียญ!
นี่คือธุรกิจเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครกล้าโต้แย้งราคา.
เพราะว่า คนที่สามารถอนุมานกระบวนท่าที่เก้าของเพลงกระบี่คลื่นซ้อนเก้ากระบวน และยังสามารถชี้แนะอาวุโสนิกายเขาชางซานกองกำลังระดับห้าได้ แม้ว่าจะตะขิดตะขวางใจ ทว่าก็ยินดีที่จะจ่ายเพื่อรับคำชี้แนะ.
เพียงสามสิบนาที จุนซ่างเซียวสามารถที่จะช่วยผู้ฝึกยุทธ์ไปแล้ว 20 คน ได้กำไรกว่า 3000 เหรียญ.
ขณะจ้องมองตั๋วเงินในแหวนเก็บของ เขาที่ลอบคิดในใจ “แม้ว่าจะไม่สามารถขายเม็ดยาวิเศษได้ แต่ก็ยังสามารถใช้สินค้าอื่นหาเงินได้!”
“เจ้าสำนักจุน.”
หลังจากที่ชี้แนะผู้ฝึกยุทธ์ที่ใช้หมัดไป ประมุขหลี่ก็ก้าวเข้ามาเช่นกัน กล่าวออกมาด้วยท่าทางลำบาก “หลี่โหมวเองก็มีปัญหายากจะแก้เช่นกัน หวังว่าเจ้าสำนักจุนจะช่วยชี้แนะ.”
ก่อนหน้านี้เพลงกระบี่คลื่นซ้อนเก้าทบเขาไม่ได้ใส่ใจนักเพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาคาดหวังแต่แรก.
ตอนนี้เห็นผู้ฝึกยุทธ์หลายคนได้รับการชี้แนะ ไขข้อข้องใจ จากไปด้วยความดีใจ ภายในใจของเขาก็สั่นไหว ต้องการแก้ไขปัญหาการฝึกยุทธ์ของตัวเองที่แก้ไม่ตกมาหลายปีเช่นกัน.
“ได้.”
จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าวออกมาในทันที “1000 เหรียญ.”
“อะไรนะ?”
ประมุขหลี่แทบทรุด ตกใจเป็นอย่างมาก “หนึ่งพันเหรียญอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวกล่าว “ใช่ หนึ่งพันเงิน.”
“......”
ทุกคนถึงกับมุมปากกระตุก.
เห็นชัดเจนว่าเขาจงใจเอาคืนประมุขหลี่ แน่นอนคงเป็นเพราะขวางบุตรชายไม่ให้เข้าสำนักไท่กู่เจิ้งก่อนหน้านี้แน่นอน.
“เจ้าสำนักจุน.”
ประมุขหลี่ที่หดหู่ “คนอื่นมากสุดแค่ 200 ทำไมข้าถึงเก็บหนึ่งพันล่ะ?”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดูจากการแต่งตัวของประมุขหลี่แล้ว ดูไม่เหมือนคนขาดแคลนเงินเลย.”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว ประมุขหลี่แทบหมดสติ ไม่ผิด เขาร่ำรวย ทว่าก็ไม่ได้มีเงินให้ใช้ฟุ่มเฟือยโดยไม่คิดแต่อย่างใด!
“เจ้าสำนักจุน.”
ประมุขหลี่ที่กล่าวอย่างเคร่งขรึม “ต้องการเอาคืนข้าอย่างงั้นรึ?”
จุนซ่างเซียวเผยยิ้ม “เข้าใจก็ดีแล้ว.”
“เจ้า......”
ประมุขหลี่ที่โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก.
ทว่าคิดถึงตัวเอง เวลานี้ต้องการความช่วยเหลือ ทำให้ต้องข่มความโกรธเอาไว้.
“เจ้าสำนัก.”
หลี่ชิงหยางที่ก้าวเดินออกมา และกล่าวออกมาว่า “โปรดเห็นแก่ศิษย์ ช่วยลดให้ท่านพ่อด้วย.”
จุนซ่างเซียวที่สีคางไปมา คล้ายกำลังครุ่นคิด ”ตกลง เห็นแก่เจ้า ในเมื่อเขาเป็นบิดาของศิษย์ข้า จะลดให้เหลือ ครึ่งเหรียญแล้วกัน.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ แทบล้มทั้งยืน.
คาดไม่ถึงว่าจะลดจากหนึ่งพันเหรียญเหลือ ครึ่งเหรียญเท่านั้น!
......
ในเมื่อเขาต้องการตัวหลี่ชิงหยาง ก็ไม่ต้องการที่จะทำให้ประมุขหลี่ลำบากใจอีกต่อไป ดังนั้นจึงได้กล่าวลดราคาในราคาครึ่งเหรียญ เพื่อช่วยแก้ปัญหาในการฝึกยุทธ์ของเขา.
“เป็นเช่นนี้ เป็นเช่นนี้นั่นเอง!”
หลังจากชี้แนะประมุขหลี่ก็กระจ่างแจ้ง ขึ้นมาในทันที.
การอนุมานกระบวนท่าที่เก้าก่อนหน้า เขายังไม่ไว้ใจเท่าไหร่ ตอนนี้เมื่อสามารถแก้ปัญหาที่เขาติดขัดในการฝึกยุทธ์มาหลายปีแล้ว เขาจึงยอมรับจุนซ่างเซียวโดยสมบูรณ์!
บุตรของเขาได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ได้รับการสั่งสอนจากคนผู้นี้ อนาคตข้างหน้ารับรองว่าไม่ต่ำเตี้ยอย่างแน่นอน!
ประมุขหลี่ ตระหนักได้ว่าเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ไม่น้อยที่ได้รับำชี้แนะได้รับผลประโยชน์เป็นอย่างมาก คน ๆ นี้เป็นคนที่ไม่ธรรมดา ไม่สามารถประเมินได้จริง ๆ.
ด้วยยันต์รู้แจ้ง ไม่เพียงแค่ทำให้จุนซ่างเซียวได้เงินมากมาย ยังได้รับชื่อเสียงเพิ่มขึ้นอีกด้วย กล่าวได้ว่ายิงนกสองตัวด้วยก้อนหินลูกเดียว.
ไม่.
ยิงนกสามตัวด้วยหินลูกเดียวต่างหาก!
เพราะว่าการชี้แนะแต่ละคน เขายังได้รับวิชาต่อสู้และวิชาบำเพ็ญอีกหลากหลายวิชามาด้วย!
แม้นว่าหลายวิชาจะมีระดับต่ำ ทว่าด้วยวิชากระบี่ วิชาหมัดและวิชาบ่มเพาะ การจะได้มาครองเป็นจำนวนมาก ก็ต้องใช้เงินไม่น้อยในการซื้อมา ซึ่งวิชาที่เขาได้ศึกษาเรียนรู้ในวันนี้ ก็น่าจะมีมูลค่าหลายพันเหรียญไปแล้ว.
คุ้มค่า กำไรมหาศาล!
“ทุกท่าน.”
จุนซ่างเซียวที่เผยท่าทางเมื่อยล้าเล็กน้อยต่อหน้าทุกคน “เปิ่นจั้วรู้สึกเมื่อยนิดหน่อยหน่อย การชี้แนะขอหยุดเพียงเท่านี้.”
“ไม่นะ เจ้าสำนักจุน!”
มีเหล่าผู้ฝึกยุทธ์จำนวนหนึ่งที่ต่อแถวอยู่ยังไม่ได้รับการชี้แนะ.
ในนั้นมีคนที่ควักตั๋วเงินสี่ใบออกมา “เจ้าสำนักจุน ข้ายินดีที่จะจ่าย 400 เหรียญเลย!”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมา “การช่วยทุกท่านชี้แนะวิถียุทธ์นั้น ไม่เพียงแต่ต้องใช้สมองมากมาย ยังใช้สมาธิเป็นอย่างมาก อีกอย่างเวลานี้ยังอยู่ในการรับศิษย์งานร้อยสำนักอีกด้วย มันจึงไม่สะดวกนัก.”
ที่จริงเขาเองก็ต้องการเงิน ต้องการชี้แนะเหล่าคนที่เหลืออยู่อีกหลายคน ทว่าผลของยันต์รู้แจ้งกำลังจะหมดแล้ว.
ตอนแรกจุนซ่างเซียววางแผนที่จะซื้อยันต์รู้แจ้งอีกครั้ง ทว่าหลังจากเปิดร้านค้าระบบ รายการยันต์รู้แจ้งกลายเป็นสีเทาไปแล้ว และมีคำอธิบายอีกว่าสามารถซื้อได้เดือนละครั้ง.
มารดาเถอะ.
เม็ดยาฟื้นฟูก็ซื้อได้จำกัด ดูเหมือนว่าสินค้าอื่น ๆ ก็คงเหมือนกัน.
เขาเหนื่อยงั้นรึ? ไม่เลย เขาไม่มีทางที่จะปฏิเสธที่จะได้เงิน.
หากไม่เพราะยันต์รู้แจ้งหมดฤทธิ์ ถึงเหนื่อยแทบล้ม เขาก็ต้องฝืนต่อไป แต่ในเมื่อทำไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงได้แสร้งแสดงว่ากำลังเหนื่อยล้าอยู่.
“เฮ้อ.”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ได้แต่ทอดถอนใจ ก่อนที่จะกลับไปยังซุ้มรับสมัครของตน เดิมทีการกระทำของพวกเขาก็เป็นขวางการรับศิษย์งานร้อยสำนักอยู่แล้ว.
“ชิงหยาง.”
ประมุขหลี่เอ่ย “ติดตามเจ้าสำนักจุนฝึกฝนให้ดี อย่าให้พ่อผิดหวัง.”
“ครับ”
หลี่ชิงหยางพยักหน้ารับ.
ประมุขหลี่ เวลานี้กลายเป็นคนละคน ว่ากล่าวประจบจุนซ่างเซียวออกนอกหน้า ก่อนที่จะเร่งรีบกลับตระกูลหลี่ เพื่อปิดด่านทำตามคำแนะนำที่ได้รับการชี้แนะก่อนหน้านี้ทันที.
......
“ท่านพ่อ ข้าจะเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง!”
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าคิดว่าข้าจะเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง!”
“เจ้าเด็กเหลือขอ รออะไรอีก เพ่ย ไป พวกเราไปสมัครเข้าสำนักไท่กู่เจิ้ง!”
งานรับศิษย์ร้อยสำนักกลับมาเป็นปรกติอีกครั้ง เหล่าผู้เยาว์เวลานี้เริ่มตัดสินใจเลือกสำนักต่าง ๆ และมีจำนวนไม่น้อยที่ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวอยู่ด้านหน้าซุ้มของสำนักไท่กู่เจิ้งเพื่อละทะเบียน!
หลี่ชิงหยางได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งทำให้พวกเขาตื่นเต้นไปด้วย หลังจากนั้นก็ได้เห็นจุนซ่างเซียวให้คำชี้แนะอาวุโสนิกายเขาชางซาน และแม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์อีกหลายคน ทำให้พวกเขาไม่ลังเลเลยที่จะเข้าร่วมลงทะเบียน!
ความวุ่นวายเบียดเสียดด้านหน้าสำนักอื่น ๆ ก่อนหน้านี้ ได้มาอยู่ที่หน้าซุ้มของสำนักไท่กู่เจิ้งไปเกือบหมดแล้ว.
เวลานี้เหล่าผู้เยาว์ที่อออยู่หน้าสำนักต่าง ๆ เองก็มาอยู่ด้านหน้าของสำนักไท่กู่เจิ้งเต็มไปหมด ทำให้แถวยืดยาวออกไป.
“อย่าผลัก อย่าผลักข้า!”
จุนซ่างเซียวที่ตะโกนออกไป “ตั้งแถวเรียงหนึ่งเข้ามา!”
“ชิงหยาง!”
“ยังไม่รีบลุกขึ้นมาช่วยกันอีก.”
เพราะว่าการลงทะเบียนของผู้เยาว์เวลานี้มีมากเกินไป จนทำให้จุนซ่างเซียวยุ่งมือเป็นระวิงไปเหมือนกัน.
ไม่ได้การ ไม่ได้การแล้ว.
มีคนมากเกินไป จะต้องเลือกคนที่เหมาะสม!
จุนซ่างเซียวที่มอบหมายให้ศิษย์พี่หญิงใหญ่และศิษย์พี่รองของสำนักเป็นคนคัดเลือกคนเข้าสำนัก โดยพิจารณาพรสวรรค์และพลังบ่มเพาะเป็นหลัก.
ภารกิจหลักของระบบที่มอบให้ คือสร้างสำนักไท่กู่เจิ้งให้แข็งแกร่งที่สุด.
แล้วจะแข็งแกร่งอย่างไร?
เพื่อให้กลายเป็นกองกำลังที่ทรงพลัง ศิษย์ในสำนักก็ต้องแข็งแกร่งด้วยนั่นเอง!
เช่นนั้นการคัดเลือกคนที่คู่ควร ก็เป็นสิ่งจำเป็น ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ หรือความแข็งแกร่ง หากไม่เพียงพอ สุดท้ายแล้วการสร้างสำนักของเขาก็จะกลายเป็นสูญเปล่า.
จุนซ่างเซียวเข้าใจเรื่องนี้ดี เพื่อที่จะยกระดับสำนักให้ได้ ดังนั้นคนที่เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งควรจะมีรากวิญญาณระดับกลางเป็นอย่างต่ำ หากได้ระดับสูงก็ยิ่งดี!
อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้เยาว์หลายร้อยคนที่มาลงทะเบียน รากวิญญาณระดับกลางมีเพียงสิบคน ส่วนคนที่เหลือเป็นรากวิญญาณระดับต่ำ แม้ว่ารากวิญญาณระดับสามัญก็ยังพอใช้ได้ แต่ระดับสูงนั้นไม่มีเลย.
แม้ว่าเมืองชิงหยางจะนับเป็นมนทลขนาดใหญ่ ทว่าก็ยังเล็กเมื่อเทียบกับมนทลอื่น ๆ การที่หลี่ชิงหยางมีรากวิญญาณระดับสูงเพียงคนเดียวในเหล่าผู้เยาว์ก็ถือว่าน่าอัศจรรย์แล้ว.
“ยังดีกว่าไม่มี.”
“การรับสมัครศิษย์ในการพัฒนาขั้นแรก คือ 100 คน.”
จุนซ่างเซียวที่นำตราสำนักออกมา พร้อมกับปั้มตราประทับไปยังใบสมัครผู้เยาว์ที่มีรากวิญญาณระดับกลาง.
“ติ้ง!”
“สมาชิกสำนัก : 4 / 100!”
“ติ้ง!”
“สมาชิกสำนัก: 11 / 100.”
......
......