Chapter 15 ชี้แนะ!
ศิลาใหญ่ยักษ์หลายพันจิน ถูกบดขยี้ด้วยปราณกระบี่ของจุนซ่างเซียว ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกหายใจเย็นเยือบเข้ามา.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์จำนวนไม่น้อยที่เห็นภาพที่เกิดขึ้น บางคนที่เปิดชีพจรขั้นที่แปดหรือขั้นที่เก้า ตลอดจนระดับศิษย์ยุทธ์ พลังที่พวกเขามีแน่นอนว่าสามารถที่จะบดขยี้ศิลาดังกล่าวได้เช่นกัน.
ทว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นเวลานี้ จุนซ่างเซียวใช้เพียงกระบี่ ปลดปล่อยกลิ่นอายกระบี่ ด้วยพลังบ่มเพราะขั้นที่ห้า ทำลายศิลาหลายพันจิน ย่อมเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก!
ในแต่ละระดับขั้นเปิดชีพจร พลังจะเพิ่มขึ้นที่ละร้อยจิน.
ถึงจะมีพลังวิญญาณสุดยอดตั้งแต่เกิด เปิดชีพจรขั้นที่ห้า พลังทำลายคงทำได้สูงสุดแค่พันจิน การจะทำลายศิลาที่มีน้ำหนักกว่าสองพันจิน เป็นไปไม่ได้แน่นอน.
เพียงแต่.......
“วิ้ง!”
จุนซ่างเซียวที่ร่อนลงบนพื้น กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “ประมุขหลี่ กระบวนท่าที่เก้าของเพลงกระบี่คลื่นซ้อนเก้ากระบวน เปิ่นจั้วได้อนุมานสร้างมันขึ้นมาแล้ว.”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่จับจ้อง มองไปยังกระบี่ในมือของเขา ซึ่งพบว่ามันไม่ได้มีอะไรพิเศษแต่อย่างใด.
ศาตราวุธยิ่งมีคุณภาพสูงเท่าไหร่ จะสามารถเพิ่มพลังให้กับผู้ฝึกยุทธ์ได้มากเท่านั้น ทว่าจุนซ่างเซียวที่ใช้เพียงกระบี่ธรรมดา นั่นก็หมายความว่า............
“โอ้ว สวรรค์!”
“นี่คือเพลงกระบี่กระบวนท่าที่เก้าจริง ๆ รึ?!”
“ข้าได้ยินมากว่ากระบวนท่าที่เก้าของเพลงกระบี่คลื่นซ้อนเก้ากระบวน มีพลังทำลายไม่ได้ด้อยไปกว่าทักษะยุทธ์ระดับสามัญเลย!”
ขณะผู้คนพูดคุยปรึกษากัน ภายในใจของพวกเขาราวกับว่าได้พบคำตอบแล้ว.
พลังบ่มเพาะเปิดชีพจรขั้นที่ห้า ด้วยอาวุธธรรมดา หนึ่งกระบี่ทำลายศิลาหลายพันจินได้ มีเพียงใช้ทักษะยุทธ์ระดับสามัญเท่านั้นถึงจะทำสำเร็จ.
นี่คือสิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น.
ใบหน้าของผู้ฝึกยุทธ์ที่เผยท่าทางแปลกประหลาดออกมาทันที.
กระบวนท่าที่เก้าที่ได้ยินเพียงข่าวลือว่า มีเพียงเจ้าเมืองทำได้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้มาเห็นในวันนี้ โดยเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง!
การโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรงครั้งนี้ เป็นการตบหน้าพวกเขาที่รุนแรงเป็นอย่างมาก!
ประมุขหลี่ที่เอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อออกมา “เป็นไปไม่ได้......”
แววตาของอาวุโสนิกายเขาชางซานกลายเป็นซับซ้อน ก่อนที่จะมีประกาย ขณะกล่าวออกมาว่า “เจ้าสำนักจุนสามารถอนุมานกระบวนท่าที่เก้าด้วยเวลาอันสั้น ทำให้หม่าโหม่วชื่นชมเป็นอย่างมาก!”
เป็นการชื่นชมอย่างสุจริตใจ.
“ชื่นชมเกินไปแล้ว.”
จุนซ่างเซียวที่ส่งกระบี่คืนลู่เชียนเชียน ด้วยการสะบัดกระบี่พุ่งทะยานเสียงคืนฝักอย่างแม่นยำ ด้วยท่าทางราวกับปรมาจารย์กระบี่.
ประมุขหลี่ที่คิดจะใช้กระบวนท่าที่เก้าเป็นเหตุผลเล่นงานอีกฝ่าย แต่ไม่คาดคิดเลยว่ากระบวนท่าที่เก้าที่ไม่มีใครอนุมานได้กับได้เห็นจริงในวันนี้!
“ประมุขหลี่.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “นี่คือกระบวนท่าที่เก้า ไม่รู้ว่าบุตรชายของท่านอยู่สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าได้หรือยัง?”
ประมุขหลี่ที่ได้แต่เงียบ.
ด้วยการได้เห็นกระบวนท่าที่เก้า สร้างความประหลาดใจตื่นตะลึงต่อเขามาก ต้องไม่ลืมว่านี่คือวิชาระดับต่ำ เขายังไม่พึงพอใจที่จะปล่อยบุตรชายของเขาไปแต่อย่างใด.
“ประมุขหลี่.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยต่อ “ท่านคงไม่ใช่คน ไม่รักษาคำพูดหรอกนะ.”
ประมุขหลี่ ใบหน้ากลายเป็นซับซ้อนอัปลักษณ์ขึ้นมาทันที.
ในเวลาเดียวกันนั้น อาวุโสนิกายเขาชางซานได้เอ่ยออกมา หยุดความอึมครึม “เจ้าสำนักจุนเข้าใจวิถียุทธ์ได้อย่างลึกล้ำ หม่าโหมวนั้นมีปัญหาที่ยากจะเข้าใจ หวังว่าจะสามารถช่วยขจัดปัญหาให้ได้.”
“เชิญกล่าว.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย.
ด้วยการรู้แจ้งในเพลงกระบี่คลื่นซ้อนเก้ากระบวนได้ในเวลาสองนาที ทำให้เขามีความมั่นใจเป็นอย่างมากในการชี้แนะ หากยิ่งได้แสดงความสามารถต่อไป ก็จะเป็นการสร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองอีกด้วย.
อาวุโสนิกายเขาชางซานเอ่ย “หม่าโหม่วนั้น ได้ใช้วิชาบ่มเพาะนี้ฝึกฝน ทว่าเมื่อไปถึงขั้นที่สี่แล้วก็ยากที่จะไปต่อได้ หวังว่าเจ้าสำนักจุนจะช่วยชี้แนะได้.”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่รอบ ๆ ถึงกับตื่นตกใจไปเหมือนกัน.
อาวุโสนิกายเขาชางซาน นี่คือยอดฝีมือระดับอาจารย์ยุทธ์ แต่กับขอคำชี้แนะจากเจ้าสำนักระดับเก้า!
หากไม่เห็นกับตา ไม่มีทางเชื่อแน่นอน!
จุนซ่างเซียวเอ่ย “หากอาวุโสหม่ายินดีที่จะเผยสัจจะคาถาวิชาบำเพ็ญ เปิ่นจั้วก็จะลองดู.”
อาวุโสหม่าที่เผยยิ้ม ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆต่างส่งเสียงดังอื้ออึง “อาวุโสหม่าคิดที่จะให้เจ้าคนผู้นี้เห็นวิชาตัวเองจริง ๆ รึ?.”
“มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับอาจารย์ยุทธ์เท่านั้น ที่สามารถส่งผ่านข้อความ ผ่านพลังวิญญาณได้ ข้าเองก็หวังไว้ว่าสักวัน จะก้าวไปถึงระดับนั้นเช่นกัน!”
ทุกคนที่ได้ยิน ต่างก็เผยความอิจฉาออกมา.
ในทวีปชิงหยุนสำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่ก้าวไปถึงยอดฝีมือ พวกเขาสามารถใช้วิธีพิเศษในการสื่อสาร โดยเฉพาะเหล่าอาจารย์ยุทธ์ที่สามารถส่งคำพูดผ่านพลังวิญญาณได้.
จากนั้นไม่นาน.
จุนซ่างเซียวหลังจากที่ได้ศึกษาสัจจะคาถาวิชาบำเพ็ญดังกล่าวแล้วก็เอ่ยออกมาว่า “ปัญหาไม่ได้ใหญ่นัก.”
อาวุโสนิกายเขาชางซานแทบล้มทั้งยืน.
วิชาบำเพ็ญของเขานั้นอยู่ในระดับสามัญ กว่าเขาจะเข้าใจก็ใช้เวลานับสิบปี และยังก้าวไปถึงเพียงชั้นที่สี่เท่านั้น คาดไม่ถึงเลยว่า ฝ่ายตรงข้ามกับบอกว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่!
จุนซ่างเซียวที่ยืนอยู่กับที่ หลับตาพร้อมกับโคจรวิชาบำเพ็ญดังกล่าวในทะเลจิตสำนึกอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับวิเคราะห์อนุมานความเป็นไปได้.
“อาวุโสหม่า.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยปากกระซิบข้างหูของฝ่ายตรงข้าม.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ห่างออกมายากที่จะได้ยินรายระเอียด ทว่าพวกเขาสามารถมองเห็นท่าทางของอาวุโสหม่าที่ตื่นตกใจ ใบหน้ากลายเป็นโง่งม จากนั้นก็ราวกับว่ากำลังตระหนักรู้ ท้ายที่สุดก็กลายเป็นตื่นเต้นดีใจ.
จุนซ่างเซียวที่ถอยห่างออกมา “เกี่ยวกับคำแนะนำของเปิ่นจั้ว กลับไปบ่มเพาะสักครึ่งเดือน ก็น่าจะตัดผ่านระดับไปอีกขั้นได้แล้ว.”
“วิ้ง!”
อาวุโสนิกายเขาชางซานที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ “วิชาบ่มเพาะที่หม่าโหมวติดขัดมาหลายปี ได้ยินคำพูดของเจ้าสำนักจุนแล้ว ดูเหมือนว่าจะรู้แจ้งได้แล้ว!”
ประมุขหลี่ตื่นตะลึงตกใจไปในทันที.
คน ๆ นี้สามารถที่จะแก้ปัญหาวิถียุทธ์ได้จริง ๆ รึ?
จุนซ่างเซียวที่กล่าวอย่างถ่อมตัว “อาวุโสหม่าอยู่ใกล้ปัญหามากจนเกินไป หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น ก็สามารถแก้ปัญหานี้ได้เช่นกัน.”
อาวุโสนิกายเขาชางเซียนที่ส่ายหน้าไปมา “หากไม่ใช่เจ้าสำนักจุนที่เข้าใจวิถียุทธ์อย่างลึกซึ้ง เป็นไปไม่ได้ที่จะขจัดปัญหาดังกล่าวได้.”
อาวุโสหม่าชื่นชมสูงเพียงนี้ คน ๆ นี้ ควรจะมีความสามารถสินะ!
ในโลกใบนี้แท้จริงแล้วมีวิชาบ่มเพาะไม่มากนัก ผู้ที่จะเข้าใจและมีประสบการวิถียุทธ์ได้อย่างลึกล้ำก็ยากจะพบได้เช่นกัน.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ลอบครุ่นคิดโต้เถียงอยู่ในใจ.
“เจ้าสำนักจุน.”
อาวุโสนิกายเขาชางซานที่เอ่ย พร้อมยกมือประสานที่หน้าอก “หม่าโหมวมีเรื่องที่ต้องจัดการเกี่ยวกับนิกายอยู่ และนัดสหายที่ไม่ได้เจอกันมานานแล้ว เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับวิถียุทธ์!”
เวลานี้ได้รับการชี้แนะแล้ว การกลับไปครั้งนี้แน่นอนว่าคงเป็นการปิดด่านเพื่อทะลวงวิชาบ่มเพาะไปยังขั้นห้าด้วย เพื่อตัดผ่านระดับพลังบ่มเพาะจากอาจารย์ยุทธ์ไปยังระดับบรรพชนยุทธ์!
จุนซ่างเซียวเอ่ยกล่าวพร้อมยกมือประสานระหว่างอก “ไว้เจอกันวันหน้า.”
อาวุโสนิกายเขาชางซานที่ดูลังเลเล็กน้อย ก่อนจะนำศิษย์จากไป กลับไปยังสำนัก เพื่อปิดด่าน.
หลังจากอาวุโสหม่าจากไปแล้ว ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาด้วยรอยยิ้มและเอ่ยออกมาว่า “เจ้าสำนักจุน ข้าก็มีปัญหาที่ยากจะเข้าใจเกี่ยวกับวิถียุทธ์ ได้โปรดชี้แนะ.”
“ได้แน่นอน.” จุนซ่างเซียวกล่าว “เพียงแค่จ่าย 100 เหรียญ.”
ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้เขาสามารถชี้แนะอาวุโสหม่ากองกำลังลำดับห้า แม้แต่สามารถแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างง่ายดาย สำหรับวิชาของกองกำลังระดับแปดน่าจะเป็นเรื่องง่ายดาย.
“ได้ ตกลง!”
ชายวัยกลางคนที่เร่งรีบส่งตั๋วเงินหนึ่งร้อยเหรียญออกไปทันที ด้วยความเห็นของเขา หากแก้ปัญหาของตัวเขาได้ จ่ายหนึ่งร้อยเหรียญถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก!
จุนซ่างเซียวเก็บตั๋วเงินและเอ่ยออกมาว่า “เชิญกล่าว.”
ชายวัยกลางคนที่เกรงว่าคนอื่นจะได้ยิน เร่งรีบเข้ามาใกล้ พร้อมกับกระซิบกระซาบด้วยเสียงต่ำ.
จุนซ่างเซียวที่เข้าใจทักษะดังกล่าวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแก้ไขทักษะยุทธ์ของเขา และเสนอความคิดเห็นด้วยเสียงเบา ๆเช่นกัน.
“ใช่แล้ว!”ชายวัยกลางคนที่ตบหน้าผากของตัวเอง “ข้าคิดไม่ออกได้อย่างไรกัน!”
“ขอบคุณเจ้าสำนักจุนที่ชี้แนะ ผู้น้อยขอลา!”
เห็นชายคนดังกล่าวจากไป เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆถึงกับกลายเป็นงงงวย เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งมีความสามารถจริง ๆอย่างงั้นรึ?!
“เจ้าสำนักจุน ผู้น้อยนาม ฉางมีปัญหาเช่นกัน ได้โปรด......”
“100 เหรียญ.”
“ได้!”
ผู้ฝึกยุทธ์นามฉาง เร่งรีบจ่ายเงิน หลังจากนั้นก็รับการชี้แนะ พร้อมกับจากไปด้วยความดีใจ.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่มีปัญหาการฝึกฝนต่างก็เข้าไปรุมล้อม แม้แต่คนที่เคยดูแคลนจุนซ่างเซียวก่อนหน้านี้ก็ด้วย.
ไม่เป็นไร ไม่ถือสา.
แต่เพื่อที่จะไม่ใส่ใจเรื่องที่แล้วมา.
ต้องการชี้แนะล่ะก็ ต้องจ่าย 200 เหรียญ.
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่กล่าวเหยียดหยันดูแคลนจุนซ่างเซียว แม้นว่าจะรู้สึกเสียเปรียบ ทว่าก็เร่งรีบจ่ายเงินออกไปทันที และหลังจากได้คำตอบก็จากไปด้วยความพึงพอใจเช่นกัน.