Chapter 10 นิกายโบราณ!
หลี่ชิงหยางทุกคนต่างก็คาดเดาในใจได้ว่า ด้วยพรสวรรค์ของเขา การเลือกสำนักคือการเลือกความสำเร็จในชีวิต ด้วยพรสวรรค์ที่เขามี อย่างต่ำต้องก้าวไปถึงระดับกษัตริย์ยุทธ์ได้.
ส่วนสำนักไท่กู่เจิ้ง ทุกสำนักต่างก็รับรู้ดี ว่าอนาคตนั้นมืดมน พร้อมจะล่มสลายกลายเป็นเพียงประวัติศาสตร์ในเวลาอันใกล้ ๆ นี้ได้.
ยอดพรสวรรค์อันดับหนึ่งและสำนักขยะ มันช่างแตกต่างกันราวกับสวรรค์และนรก!
ไม่มีใครนึก ไม่มีใครฝัน หลี่ชิงหยางได้มาหยุดอยู่ที่ด้านหน้าซุ้มของสำนักไท่กู่เจิ้ง แม้แต่ เป็นคนเริ่มสอบถามออกมาเอง.
แทบจะในเวลาเดียวกัน สายตาของทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังจุนซ่างเซียว ทุกคนต่างก็แอบคิดอยู่ในใจ ว่าเจ้าสำนักขยะ จะเอ่ยกล่าวอะไรออกมา?
จวีซีสำนักดาบใหญ่และศิษย์สำนักพยัคฆ์คำราม ใบหน้ายิ้มแย้มก่อนหน้านี้แข็งค้างไปในทันที.
สุดยอดพรสวรรค์ลำดับหนึ่ง ไม่มีแม้แต่ชำเลืองมองพวกเขาตั้งแต่เริ่มต้น ทว่ากับก้าวเข้าไปพูดกับสำนักขยะ.
พวกเขากำลังฝันอยู่งั้นรึ?
จวีซีซุนถึงกับต้องยกมือขึ้นหยิกแก้มตัวเอง ก่อนที่จะรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาทันที.
ไม่ได้ฝัน!
รากวิญญาณระดับสูง กล้าปฏิเสธนิกายลำดับห้า แล้วก้าวเข้ามาหาสำนักไท่กู่เจิ้งที่ไม่มีแม้แต่คนสนใจ!
“ไม่ผิด.”จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าคือเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง.”
เสียงเหยียดหยันของผู้คนดังขึ้นไม่หยุดทันที.
เจ้าสำนักขยะนั่น ไปเอาความมั่นใจมาจากใหนกัน สุขุมมั่นหน้า เขามั่นใจในตัวเองขนาดนั้นเลยรึ?
นายน้อยหลี่.
ภายใต้กลุ่มคนที่จับจ้อง ใบหน้าทุกคนที่กระตุกไปตาม ๆกัน ไม่รู้สึกขายหน้ากับฉายายอดพรสวรรค์ลำดับหนึ่งหน่อยรึ?
สายตาของสำนักต่าง ๆ เวลานี้ สำนักขยะไท่กู่เจิ้ง ที่ไม่มีใครมองเห็นเหมือนขยะที่ทิ้งไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าเวลานี้จะกลายเป็นสำนักที่สายตาทุกคนจ้องมองไปพร้อม ๆ กัน.
กับความคิดที่แตกต่างหลากหลาย.
เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา.
ยอดพรสวรรค์ที่มีสิทธิ์เลือก ไม่คิดจะเอ่ยพูดกับคนอื่นก่อนเลย ไม่คาดคิดว่าจะก้าวไปเปิดปากกับขยะอย่างงั้นรึ?
หลี่ชิงหยางที่ยกมือขึ้นระหว่างอก พร้อมกับกล่าวด้วยท่าทางละอาย “ที่นอกเมือง เพราะว่าข้าเร่งรีบกลับบ้าน ก่อนหน้านี้จึงจากไปโดยยังไม่ได้กล่าวคำขอบคุณ เป็นการเสียมารยาทจริง ๆ ขอให้เจ้าสำนักยกโทษให้ด้วย.”
กริบ!
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ กลายเป็นตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.
น้ำเสียงของยอดพรสวรรค์เมืองชิงหยาง เห็นชัดเจนว่ากำลังเอ่ยกล่าวขอโทษอยู่!
ลู่เชียนเชียนที่อยู่ใกล้ ๆ ใบหน้าของนางที่เผยท่าทางประหลาดใจออกมาเช่นกัน.
ยากจะพรรณนาถึงได้ ยอดพรสวรรค์ของมนทลแห่งนี้ กล่าวขอโทษเจ้าสำนัก กับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แทบจะคิดว่าสมองของเขาบรรจุเอาไว้ด้วยเต้าหู้หรือไม่?
มองเข้าไปในสายตา.
ดูเหมือนว่าจะมีความตั้งใจเช่นนั้นจริง ๆ!
จุนซ่างเซียวเผยยิ้มพลาย ความอึมครึมก่อนหน้านี้หายไปในพริบตา.
เขายักไหล่ เอ่ยกล่าวออกมาด้วยท่าทางไม่แยแส “นายน้อยหลี่ เรื่องเล็กน้อย หากเจ้าไม่กล่าว เปิ่นจั้วคงจะลืมไปแล้ว.”
ลู่เชียนเชียน “......”
นางยังจำได้ชัดเจน เจ้าสำนักยังบ่มเสียงต่ำอยู่เลย “บอกว่าถึงจะมีรากวิญญาณระดับสูงแต่ไร้ซึ่งคุณธรรม ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ!”
หลี่ชิงหยางเผยยิ้มก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “ไม่ใช่ว่า เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งต้องอธิบายเรื่องราวเกี่ยวกับสำนักให้ข้าได้รับฟังหรอกรึ?”
อะไรนะ?
ดวงตาของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ แทบถลนออกมาด้วยความตกใจ.
พรสวรรค์อันดับหนึ่งของเมืองชิงหยาง คาดไม่ถึงว่าจะสนใจสำนักไท่กู่เจิ้ง เขาวางแผนที่จะเข้าร่วมสำนักขยะจริง ๆ รึ?
เหล่าศิษย์สำนักพยัคฆ์คำรามถึงกับหน้าซีด บิดเบี้ยวกลายเป็นอัปลักษณ์ ต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้พวกเขาดูแคลนเหยียดหยันจุนซ่างเซียวเอาไว้ไม่น้อย แม้แต่จงใจเดิมพันครึ่งเหรียญเงินอย่างตั้งใจ.
เดิมพันอะไรนะรึ?
เดิมพันเมื่องานรับศิษย์ร้อยสำนักเริ่มขึ้น จะไม่มีแม้แต่คนเดียวเข้าไปสอบถามสำนักไท่กู่เจิ้ง.
ตอนนี้?
ไม่เพียงแต่มีคนเข้าไปสอบถาม แต่คนที่เข้าไปสอบถามยังเป็นพรสวรรค์อันดับหนึ่งของเมืองชิงหยาง หลี่ชิงหยางอีกด้วย!
เป็นการตบหน้าพวกเขาอย่างหนักหน่วงรุนแรง.
“ติ้ง!”
“เปิดภารกิจสนับสนุน!”
ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน จุนซ่างเซียว ได้ยินเสียงของระบบที่ดังขึ้นในหูทันที.
เขาเร่งรีบเปิดคอนโซนระบบทันที จดจ้องมองรายระเอียดเกี่ยวกับภารกิจสนับสนุน : บรรยายประวัติที่รุ่งโรจน์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง เพื่อชักชวนพรสวรรค์อันดับหนึ่งของเมืองชิงหยางให้เข้าร่วมสำนัก.
ชักชวนหลี่ชิงหยาง จุนซ่างเซียวพอเข้าใจได้ ทว่าการบรรยายประวัติที่รุ่งโรจน์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง มีที่ใหนกันฟ่ะ!
สำนักที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นไม่นาน.
มีศิษย์เพียงไม่กี่คน.
จะไปมีประวัติอันรุ่งโรจน์ได้อย่างไร!
หากจะกล่าวว่าเรื่องที่ทำให้คนรู้จักกันกว้างขวาง ก็คงเป็นเรื่องที่เจ้าสำนักหวังไปเที่ยวหอนางโลมแล้วโดยจับ แหกคุกจนถูกโทษประหาร จะเรียกว่าเป็นประวัติอันรุ่งโรจน์ได้อย่างไรกัน?
ภารกิจสำนัก มันช่างยากที่จะทำให้สำเร็จได้!
แม้นว่าจุนซ่างเซียวแทบจะล้มพับลงกับพื้น ยอมแพ้เรื่องดังกล่าวไปแล้ว ทว่าคะแนนสนับสนุนจากภารกิจ สมองของเขาที่โคจรอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดหาวิธีอย่างบ้าคลั่ง.
แม้นว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะไม่มีประวัติที่รุ่งโรจน์ อ๋า! เขาสามารถสร้างมันขึ้นมาเองได้!
หลังจากครุ่นคิดในสมองอย่างรวดเร็ว จุนซ่างเซียวก็เอ่ยกล่าวออกมา “นายน้อยหลี่ ประวัติทั่วไปในปัจจุบัน สำนักไท่กู่เจิ้งของข้าไม่มีอะไรน่าสนใจนัก.”
ทุกคนรอบ ๆ ถึงกับแค่นเสียงเย็นชาออกมา.
ในเมื่อรู้ตัวเองอยู่แล้ว ทำไมยังหน้าด้านเข้าร่วมรับศิษย์งานร้อยสำนักกัน?
“อย่างไรก็ตาม.”
ใบหน้าของจุนซ่างเซียวที่กลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที เอ่ยกล่าวออกมาว่า “ความเป็นจริง ในอดีตครั้งหนึ่งสำนักไท่กู่เจิ้งของข้าเคยมีช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ มีความเป็นมาที่ลึกล้ำเป็นถึงนิกายในยุคโบราณ!”
“นิกายโบราณ?”
“พรึด ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า อย่าล้อเล่นน่า!”
“ใคร ๆ ก็รู้กันว่าเพิ่งก่อตั้ง นิกายโบรงโบราณอะไรกัน สมองของคนผู้นี้ มีปัญหาจริง ๆ!”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์รอบ ๆ เริ่มหัวเราะเยาะกล่าวเย้ยหยันอย่างรุนแรงทันที.
ลู่เชียนเชียนที่ยืนอยู่ด้านหลังถึงกับตัวแข็ง.
สำนักไท่กู่เจิ้งมาจากนิกายโบราณอะไรกัน เจ้าสำนักจะหน้าหนาเกินไปแล้ว คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้า ถึงเพียงนี้?
หลี่ชิงหยางที่เอ่ยกล่าวด้วยความสนใจออกมาทันที “โปรดเล่ารายระเอียด?”
“......”
มุมปากของทุกคนถึงกับกระตุก.
สมองของพรสวรรค์อันดับหนึ่งเมืองชิงหยางเองก็มีปัญหาแน่ ๆ นี่ยังต้องการฟังเรื่องเหลวไหลจากเจ้าคนเช่นนี้ด้วยอย่างงั้นรึ?
อืม ใช่แล้ว.
คนปกติธรรมดาที่ใหนจะปฏิเสธกองกำลังระดับห้า แล้วมาสอบถามสำนักที่ไม่มีชื่อเสียงเช่นนี้ได้!
จุนซ่างเซียวกล่าวต่อ “ไม่รู้ว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับทะเลตะวันออกหรือไม่?”
หลี่ชิงหยางที่พยักหน้ารับ “เคยได้ยิน.”
ทิศตะวันออกของทวีปชิงหยุนนั้น ติดกับทะเลที่กว้างใหญ่ไร้ที่สิ้นสุด บนทะเลที่กว้างใหญ่นั้นมีสัตว์ทะเลที่ดุร้าย เป็นดินแดนที่แสนอันตรายเป็นอย่างมาก.
จุนซ่างเซียวกล่าวต่อ “ที่จุดสิ้นสุดของทะเลตะวันออกนั้นมีดินแดนอ้าวไล ไม่รู้ว่านายน้อยหลี่เคยได้ยินหรือไม่?”
“ดินแดนอ้าวไล?”
หลี่ชิงหยางที่ส่ายหน้าไปมา “ได้ยินเพียงทะเลตะวันออกบันทึกไว้ในตำรา ไม่เคยมีใครไปยังสถานที่ดังกล่าว ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้ว่ามีดินแดนใดอยู่ที่นั่น.”
มันไกลเกินที่จะมีคนรู้จักนั่นเอง.
ถึงจะเป็นอาวุโสนิกายเขาชางซานก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับดินแดนอ้าวไล.
จุนซ่างเซียวกล่าวต่อ“ในดินแดนอ้าวไลนั้นมีเทือกเขาเทวะอยู่สองลูก หนึ่งคือเทือกเขาผลไม้ ส่วนอีกลูกคือเทือกเขาไท่กู่เจิ้ง ต้นกำเนิดของพวกเรา บรรพชนรุ่นแรกนั้นมีนามว่า ซุนหงอคง มีฉายาเซียนว่า ฉีเทียนต้าเซิ่น!”
เป็นเรื่องราวของการจาริกธรรมแดนตะวันตกที่ถูกนำมาดัดแปลงนั่นเอง!
แม้นว่าจะเป็นเรื่องเล่าที่ไม่มีมูลใด ๆ ทว่าเพราะผู้ฝึกยุทธ์ทวีปชิงหยุนไม่เคยได้ยินมาก่อน จึงไม่สามารถหาข้อบกพร่องเพื่อล้มล้างได้.
ถึงจะมีใครบางคนครุ่นคิด หากแต่เกี่ยวกับดินแดนอ้าวไลและเทือกเขาไท่กู่เจิ้ง พวกเขาต่างสงสัยว่ามีอยู่จริงหรือไม่?
“เพ้อเจ้อไร้สาระ!”
ในเวลาเดียวกันนั้น อาวุโสนิกายเขาชางซานก้าวเดินเข้ามาและเอ่ยออกมาว่า “ทะเลตะวันออกนั้นมีอันตรายเป็นอย่างมาก เต็มไปด้วยสัตว์ร้ายเต็มไปหมด ถึงจะเป็นยอดฝีมือจักรพรรดิยุทธ์ ก็ไม่กล้ากล้ำกลาย เจ้ากล่าวในสิ่งที่ทุกคนไม่เคยเห็น เอ่ยอ้างดินแดนอ้าวไล แม้แต่สร้างเรื่องเทือกเขาไท่กู่เจิ้งขึ้นมาเอง!”
“ใช่ ใช่แล้ว!”
“ข้าเคยอ่านหนังสือมากมายตั้งแต่ยังเด็ก เห็นแผนที่มากมายนับไม่ถ้วน ไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องดินแดนอ้าวไลและเทือกเขาไท่กู่เจิ้งเลย!”
“เห็นชัดเจนว่าเขากล้าแต่งเรื่องหลอกพวกเรา!”
“น่ารังเกียจ คาดไม่ถึงเลยว่าจะแต่งเรื่องหลอกลวงพวกเรา?”
ทุกคนที่เริ่ม ด่ากล่าวดูถูกดูแคลน แม้แต่เริ่มโกรธเกรี้ยวขึ้นมา.
“ตาเฒ่า.”
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าเพียงเล่าเรื่อง เกี่ยวกับทวีปชิงหยุน เจ้าช่างไม่รู้อะไรเลย.”
“......”
ที่มุมปากของทุกคนถึงกับกระตุก.
มือใหม่ระดับเปิดชีพจร คาดไม่ถึงเลยจะกล้าต่อว่าอาวุโสนิกายเขาชางซานว่า ไม่รู้อะไรเลย!
“ดี! ดีมาก!”
อาวุโสนิกายเขาชางซาน เผยความโกรธเกรี้ยวออกมา และกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ตาเฒ่าโง่งม ต้องการจะถามเจ้าสำนักจุน ซุนหงอคงที่เจ้ากล่าวถึง แท้จริงแล้วเป็นใคร แล้วเขาส่งศิษย์มาที่นี่ได้อย่างไร?”
สร้างเรื่อง?
แน่นอนยิ่งถามลึกลงไป สุดท้ายแล้วก็มีแต่ต้องถูกต้อนจนมุมไปในที่สุด!