Chapter 1 สำนักไท่กู่เจิ้ง(เพชรกระดูกเหล็ก)
“เจ้าหนุ่มข้าเห็นกระดูกที่ยอดเยี่ยมของเจ้าที่หมื่นปีจะพบเห็นสักครั้ง หากแต่ไร้ซึ่งการฝึกฝนที่ถูกต้อง หากต้องการความก้าวหน้า เดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้องละก็ เจ้าควรเข้าร่วม เป็นศิษย์ของสำนักไท่กู่เจิ้ง เจ้าจะมีอนาคตที่เลิศล้ำก้าวไปสู่เส้นทางที่ไร้ขีดจำกัด.”
เสียงที่ดังกังวานก้องไปทั่วหุบเขา ขณะร่างหนึ่งร่อนลงมาจากที่สูงพร้อมกับเสียงหัวเราะอันชั่วร้าย เหมือนกับยอดยุทธ์ปรากฏกายออกมา มุมปากของเขาที่ยกขึ้นพร้อมกับเผยใบหน้าที่ดูเปล่งประกายสร้างเสน่ห์ดึงดูดต่อคนอื่น.
ทว่ามันกับไร้ซึ่งเสน่ห์อย่างสิ้นเชิง.
หากมีเหล่าสตรีจับจ้องมายังเขา แน่นอนคงต้องสะดุ้งหวีดร้องออกมาอย่างไม่ตั้งใจ หรือแม้แต่อาจกระโดดถอยหนีเป็นแน่.
“อึก......”
ผู้ฝึกยุทธสวมชุดเขียวคนหนึ่งเอ่ยกล่าวออกมาอย่างสุภาพ “มันจะดีมาก ๆเลยหากท่านเอาเท้าออกไปก่อน?”
บนลานที่กว้าง หากจ้องมองลงไปด้านล่างจะเห็น ตั้งแต่แรกแล้ว จุนซ่างเสี่ยวเหยียบอยู่บนใบหน้าของคนอื่นอยู่นั่นเอง ขณะเขายกเท้าออกมา รอยเท้าก็ยังปรากฏขึ้นบนครึ่งหนึ่งของใบหน้าของชายคนดังกล่าวอีกด้วย.
ร่างของเขาที่เสียหลักซวนเซ.
ก่อนที่เขาจะล้มลงก้นจ้ำเบ้าบนพื้น จากนั้นหน้าอกของเขาก็ถูกเหยียบลงด้วยเท้าอีกข้างอย่างแรงซ้ำอีกครั้ง.
จุนซ่างเซียวที่ค่อย ๆ ยกเท้าออกมาพร้อมเอ่ยกล่าวขอโทษ“ข้าเห็นเจ้ามองศิษย์หญิงของข้าอย่างหื่นกระหายพร้อมกับกล่าวอ้อล้อนางทำให้ข้าทนไม่ได้ชั่วขณะ ขออภัยด้วยจริง ๆ.”
“......”
ผู้ฝึกยุทธชุดเขียวถึงกับพูดไม่ออกไปเหมือนกัน.
ข้ายังไม่เอ่ยอะไรเลยนะ เจ้ากับหาว่าข้าอ้อล้อนางอย่างงั้นรึ? ยังไม่ทันปริปาก ก็ถูกเจ้าสำนักไท่กู่เจิ้งเหยียบใบหน้าเอาสะแล้ว เป็นเรื่องที่โชคร้ายชะมัด.
“สหาย.”
จุนซ่างเสี่ยวเอ่ย“เจ้าคิดว่าไง.”
ผู้ฝึกยุทธ์ชุดเขียวกล่าวเสียงอ่อน“ข้าบอกว่าข้าไม่สนใจตกลงใหม?”
“ตกลง.”
จุนซ่างเสี่ยวกล่าวอย่างเคร่งขรึม“สำนักไท่กู่เจิ้งมีเมตตาและเที่ยงธรรม ไม่บังคับคนอื่นด้วยกำลัง!”
“ขอโทษที.”
ผู้ฝึกยุทธิ์ชุดเขียวที่ทนเจ็บและเอ่ยกล่าวออกมาว่า”ข้าได้เข้าร่วมสำนักหลิงฉวน(น้ำพุวิญญาณ)แล้ว คงไม่สามารถเป็นศิษย์ที่ทรงเกียรติของท่านได้.
กว่าจะได้เข้าสำนักหลิงฉวน เขาต้องใช้ความยากลำบากมากมายขนาดใหน แล้วจะเปลี่ยนไปเข้าสำนักอื่นได้อย่างไรกัน.
หนำซ้ำสำนักไท่กู้เจิ้ง อย่างงั้นรึ?
ใคร ๆต่างก็ได้ยินว่าในทวีปซิงหยุนแห่งนี้เป็นเพียงสำนักขยะ การเข้าร่วมสำนักแห่งนี้มีแต่จะทำให้เสียเวลาเปล่า ๆ.
“เฮ้อ.”
จุนซ่างเซียวที่ส่ายหน้าไปมากล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ“เจ้าได้พลาดโอกาสที่เลิศล้ำ ในการเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว.”
“เชียนเชียน”
เขาที่หันหน้าไปมองด้านข้าง“เมื่อสักครู่เจ้าคนนี้กำลังรังแกเจ้าอย่างงั้นรึ?”
ไม่ไกลออกไปบนศิลาก้อนใหญ่ยักษ์ มีสตรีในชุดขาวกำลังนั่งอย่างสงบ ดวงตาที่ใสกระจ่างราวดั่งดวงดาราบนท้องฟ้า ผิวกายที่ขาวเนียนเหมือนหิมะ แม้นว่านางจะมีอายุเพียง 16-17 ปีแต่ก็นับว่าเป็นสาวงามที่ยากจะพบเห็นได้ทั่วไป.
หากจะมีสิ่งที่ ยังขาดไปคงมีเพียงอายุของนาง ไม่เช่นนั้นแล้วความงามของนางคงจะบานสะพรั่งสมบูรณ์แบบ.
“เจ้าสำนัก.”
ลู่เชียนเชียนที่ถกแขนเสื้อเผยให้เห็นแขนขาวกล่าวออกมาเบา ๆ “เมื่อกี้ เขาต้องการสัมผัสแขนของข้า.”
“ผลั๊ว!”
จุนซ่างเซียวที่ยกเท้าขึ้นเหยียบไปยังใบหน้าของผู้ฝึกยุทธ์ชุดเขียว พร้อมกับกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกแล้วรึไง.”
ใบหน้าที่เปี่ยมเมตตาอบอุ่นก่อนหน้านี้ได้กลายเป็นยักษ์มาร เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นมาในทันที.
ผู้ฝึกยุทธชุดเขียวเร่งรีบกล่าวออกมาทันควัน “นี่เจ้า....ข้า...ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย!”
แม้นว่าก่อนหน้านี้เขาอาจจะแอบคิดอยู่เล็กน้อย ทว่ายังไม่ได้ทำอะไรก็ถูกเหยียบแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเลยไม่ใช่รึไง!
จุนซ่างเซียวกล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นชา“เชียนเชียน ไม่มีทางโกหก ข้าเชื่อนาง วันนี้ข้าต้องสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำแน่นอน!”
“ผลั๊ว! ผลั๊ว! ผลั๊ว!”
สายลมที่เย็นยะเยือบเป่าไปทางซ้ายทีขวาที ใบหน้าของชายชุดเขียวที่ช้ำเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะว่าเวลานี้เขาถูกฟาดไปมาไม่ยั้ง.
“น่ารังเกียจที่สุด!”
ชายชุดเขียวที่เงยหน้าขึ้นช้า ๆ ใบหน้าที่เขียวช้ำดวงตาที่เบลอเลือนราง ตะเกียกตะกายกลิ้งไปมาบนดิน ล้มลุกคุกคลานวิ่งหนีไปพร้อมกับบ่นพึมพำ “บิดาต้องแก้แค้นแน่!”
......
จุนซ่างเซียว.
เจ้าสำนักไท่กู่เจิ้ง.
สำนักไท่กู่เจิ้งที่ครั้งหนึ่งเคยโดดเด่นมีชื่อเสียงระดับหนึ่ง.
ผู้ก่อตั้งสำนักยุทธ์ในอดีตนั้นมีสกุล หวังเพราะว่าเขาเป็นคนกระดูกเหล็กเมื่อครั้งกระโดดลงหุบเหวแต่ไม่ตายหลังจากรอดชีวิต เขาจึงได้ก่อตั้งสำนักไท่กู่เจิ้ง(เพชรกระดูกเหล็ก)ขึ้น.
เป้าหมายของสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นเกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของร่างกาย เป็นคนที่มีความอดทนกระดูกเหล็กแข็งแกร่งฆ่าไม่ตาย!
ผู้ก่อตั้งรุ่นแรกนั้นได้ใช้ความพยายามในการพัฒนากว่าสิบปีเพื่อให้สำนักรุ่งเรื่องทำให้กลายเป็นที่รู้จักขึ้นมา จนยกระดับเป็นสำนักลำดับเก้าได้สำเร็จ และทำให้หมู่บ้านชิงหยางกลายเป็นที่รู้จักไปด้วย!
อย่างไรก็ตาม.
ช่วงเวลาที่เจิดจรัสนั้นกลับคงอยู่ได้ไม่นาน.
เจ้าสำนักรุ่นแรก ได้ไปเที่ยวหอนางโลมในเมืองใหญ่ เกิดความขัดแย้งขึ้นในสถานบันเทิง เขาได้ถูกเจ้าหน้าที่ทางการจับขังคุก และพยายามแหกคุกหนีออกมา จนท้ายที่สุดก็ถูกประหาร.
นับจากนั้นมา สำนักที่ไร้ผู้นำก็เริ่มตกต่ำถดถอยลงในทันที.
บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรที่เรียกว่ายั่งยืนจีรัง สำนักไท่กู่เจิ้งที่ก้าวไปถึงจุดสูงสุดได้แค่นี้ เป็นได้เพียงสำนักลำดับเก้าเท่านั้น และเวลานี้เริ่มถดถอยลงแล้ว.
ชื่อเสียงของสำนักไท่กู่เจิ้งได้กลายเป็นเรื่องเล่าขานเป็นชื่อเสียของเจ้าสำนักหวัง ที่พยายามจะแหกคุก ทุกคนได้ยินต่างก็ถอนหายใจเผยท่าทางเสียดาย.
แม้นว่าสำนักไท่กู่เจิ้งจะถดถอยตกต่ำแต่ก็ยังคงอยู่!
ศิษย์สามคนสุดท้ายที่เหลืออยู่พวกเขาได้จัดงานเลี้ยงกินดื่มลาจากสำนักเป็นครั้งสุดท้ายทว่ากับมีคนหนึ่ง ที่เลือกจะอยู่ คิดที่จะร่วมหัวจมท้ายกับสำนักไม่จากไปใหน.
ใครคนนั้นนะรึ?
เจ้าสำนักรุ่นที่สองจุนซ่างเซียวนั่นเอง!
หากจะกล่าวตามจริงล่ะก็.
จุนซ่างเซียวผู้นี้.
ย้อนกลับไปคืนหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว เขากำลังจะก้าวออกจากสำนักไป ทว่าขณะก้าวผ่านประตูสำนัก ป้ายสำนัก“ไท่กู่เจิ้ง”ก็ล่วงหล่นลงมากระแทกลงไปยังหน้าผากของเขาตกตายไปในทันที.
ด้วยความบังเอิญ.
จุนซ่างเซียวจากโลกมนุษย์ถูกส่งมา จากอีกโลกหนึ่งเข้ามายึดครองร่างที่ตายนี้ไป.
“นี่...ข้าข้ามโลกมาอย่างงั้นรึ?”
เขาที่พบว่าตัวเองยังไม่ตาย จุนซ่างเซียวที่โง่งมไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยอมรับความทรงจำของร่างเดิม เข้าใจ ว่าตัวเองนั้นเป็นผู้ข้ามโลกที่โชคดี.
ดีมาก ดีมาก ๆ!
สุดยอดวิชาที่เลิศล้ำ ทักษะเทวะจากตำราหา ระบบผู้ข้ามโลกจะต้องปรากฏขึ้นมา!
ในเมื่อข้าจุนซ่างเซียวมาถึงที่นี่แล้ว ข้าก็จะเป็นเหมือนกับคนอื่น ๆ ที่กลายเป็นผู้ทรงอำนาจในต่างโลก เขาได้ยินมาว่าเหล่าผู้ข้ามโลกนั้นล้วนแต่มีพรสวรรค์ กลายเป็นสุดยอดเทพเจ้า กระทั่งเป็นจักรพรรดิเซียนผู้ไร้เทียมทาน.
ความพยายามอยู่ที่ใหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น หลังจากนี้ข้าจะเหยียบย่ำบดบี้เหล่ามดปลวกที่ขวางหน้า มาระบบเปิดการใช้งาน.
“ติ้ง!”
“ติดตั้งระบบสุดยอดสำนัก.....”
“ติ้ง!”
“ระบบสุดยอดสำนักติดตั้งเสร็จแล้ว โหลดข้อมูลและคอนโซลควบคุม......”
“วิ้ง!”
เสียงที่เหมือนกับเครื่องจักรดังขึ้นในหูจุนซ่างเซียวที่กวาดตามองแถวข้อมูลมากมายที่ปรากฏขึ้นในครรลองสายตา.
ชื่อสำนักสำนักไท่กู่เจิ้ง.
เจ้าสำนัก : จุนซ่างเซียว.
ระดับสำนัก : ขั้นที่เก้า.
สิ่งก่อสร้างสำนัก : ระดับ 1.
สมาชิกสำนัก : 1/100
คะแนนสนับสนุนสำนัก : 0 / 100.
ภารกิจหลักสำนัก : ภายในหนึ่งร้อยปีจะต้องนำพาสำนักไท่กู่เจิ้งให้มีชื่อเสียงไปทั่วทวีปซิงหยุน รับศิษย์ 100,000 คน หากทำไม่สำเร็จดวงวิญญาณของโฮสน์จะต้องสูญสลายหายไป กลายเป็นฝุ่นควัน! (ปล.อายุขัยของผู้ฝึกยุทธ์ในทวีปซิงหยุน โดยปรกติจะมีอายุเฉลี่ย 200-300 ปี)
หลังจากที่เห็นภารกิจที่ปรากฏขึ้น ขนทั่วร่างของจุนซ่างเซียวถึงกับลุกตั้งชูชัน แข้งขาอ่อนระทวยไปเหมือนกัน.
เขาตรวจสอบความทรงจำของเจ้าของร่างโดยรับรู้ถึงเรื่องราวสำนักไท่กู่เจิ้ง นี่คือสำนักที่มีระดับต่ำสุด เขาถึงกับต้องเดินเข้าไปในครัวหยิบมีดในครัวแล้วจ่อมาที่ลำคอ ขณะลังเลใจไปมาพักหนึ่ง ก่อนที่จะวางมีดทำครัวลง แล้วเลิกคิดที่จะปลิดชีพตัวเองไป.
สำหนักลำดับเก้า
สร้างสำนักของตัวเอง!
กลายเป็นสำนักอันดับหนึ่งในทวีปชิงหยุน รับศิษย์ หนึ่งแสนคนอย่างงั้นรึ?
นี่สวรรค์กำลังล้อเล่นกับเขาอยู่อย่างงั้นรึ? ระบบกำลังกลั่นแกล้งงั้นรึ?
“ติ้ง!”
เสียงที่เหมือนเครื่องจักรดังขึ้น ในหูของเขา“ยินดีกับโฮสน์ที่เปิดระบบ มอบแหวนมิติหนึ่งวง!”
“แหวนมิติ?”
จุนซ่างเซียวพบว่าที่ข้อมือของเขานั้นปรากฏเหมือนกับกำไลหยก บนกำไลหยกนั้นมีอักขระสลักเอาไว้ว่าแหวนมิติ ปากของเขาถึงกับกระตุก“แหวนใหญ่ขนาดนี้เลยรึ? ถึงกับพอดีกับข้อมือข้าเลย!”