ตอนที่แล้วตอนที่ 91 โรคฝันร้าย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 93 ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ!

ตอนที่ 92 สมบัติของกบสี่ตา!


ตอนที่ 92 สมบัติของกบสี่ตา!

ผู้นำตระกูลเซี่ยกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว

ใครก็ตามที่วางยาด้วยธูปจนทำให้ลูกสาวของเขาต้องเดือดร้อน เขาจะไม่ปล่อยไปเด็ดขาด!

และคนๆนั้นจะต้องได้รับการลงโทษอย่างสาสมจากผู้นำตระกูลเซี่ย!

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับลู่ชางเฉิง เพราะเขาเป็นแค่หมอที่มารักษาเท่านั่นซึ่งเขาเองก็ไม่ต้องการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในตระกูล

“เข้าใจแล้ว ข้าจะจัดการเรื่องธูปเอง ข้าต้องขอบคุณหมอลู่มากจริงๆ”

ดังนั้นลู่ชางเฉิงจึงเขียนใบสั่งยาและมอบให้ผู้ดูแลตระกูลเซี่ยไปหาสมุนไพรที่จําเป็น

หลังจากนั้น ลู่ชางเฉิงจึงถูกเชิญให้ไปพักผ่อนในห้องพัก

เขาต้องใช้เวลาอีกประมาณสิบวันในการรักษาหญิงเซี่ยและต้องอยู่ที่บ้านพักตระกูลเซี่ยไปก่อนเพื่อป้องกันอาการและเรื่องไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นกับเธอได้

หลังจากนั้นเวลาก็ผ่านไปสามวัน

ผู้นำตระกูลเซี่ยใช้ยาจากใบสั่งแรกหมดแล้วและตอนนี้เขาต้องการใบสั่งยาใหม่

หลังจากที่ผ่านมาสามวันของการรักษา อาการของหญิงเซี่ยก็ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

มีรายงานว่าเธอไม่ฝันร้ายในตอนกลางคืนอีกแล้วและสภาพของเธอก็ดีขึ้นมาก

แต่เพื่อการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์ จึงจําเป็นต้องมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่กำลังพักอยู่ในบ้านของตระกูลเซี่ย ลู่ชางเฉิงก็ได้ยินข่าวลือบางอย่างเช่นกัน

ดูเหมือนว่าผู้นำตระกูลเซี่ยได้ลงโทษคนรับใช้บางคนในบ้านพักของตระกูลเซี่ยอย่างรุนแรง และสั่งให้นักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะจัดการจนทําให้เกิดความโกลาหลขึ้น

ซึ่งเรื่องนี้เป็นเพราะต้องการจัดการความเป็นส่วนตัวของหญิงเซี่ย

เพราะมันอาจส่งผลต่ออาการป่วยของเธอได้

แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของหญิงเซี่ยก็ไม่มีใครกล้านินทาเธอตรงๆ

ส่วนลู่ชางเฉิงนั้นไม่ได้สนใจเรื่องนินทาที่เกี่ยวกับหญิงเซี่ยเลยแม้แต่น้อย

และเนื่องจากเขาใช้เวลาสามวันในบ้านของตระกูลเซี่ย ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจออกไปเดินเล่นเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง

เมืองหยานเฉิงนั้นเป็นที่รู้จักด้านการผลิตเกลือชั้นดีและเป็นเมืองที่มีการค้าคึกคักซึ่งมีพ่อค้าจํานวนมากมาเดินทางเข้ามาและออกไปในเมืองแห่งนี้

ลู่ชางเฉิงเดินผ่านถนนที่พลุกพล่านและทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงกีบม้าจากข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

"รีบหลีกทางไปให้พ้น!"

ม้าเร็วสองตัวกําลังควบผ่านถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่แออัด

บางคนที่ตอบสนองช้าเกินไปได้ถูกม้าชนอย่างแรง

เด็กอายุประมาณห้าขวบที่ดูเหมือนจะหลงทางกำลังยืนอยู่กลางถนนโดยที่มีม้าเร็วตัวกำลังพุ่งเข้าหาเด็ก ซึ่งม้าเร็วตัวนั้นก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย

ลู่ชางเฉิงจึงขมวดคิ้วเล็กน้อย

ทันใดนั้น ชายร่างกำยำคนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากข้างถนนแล้วคว้าเด็กคนนั้นอย่างรวดเร็วแล้วใช้ฝ่ามือตีไปที่ม้าเร็วตัวนั้นทันที

"ตู้มม"

ม้าเร็วตัวนั้นล้มลงซึ่งทำให้คนที่อยู่บนหลังของมันรีบกระโดดลงจากม้าทันที

"ใครกันที่ทําให้ม้าของข้าบาดเจ็บน่ะ?!" คนบนม้านั้นตะคอกใส่ชายร่างกำยำทันที

ชายร่างกำยำค่อยๆวางเด็กลงและพูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่สําคัญหรอกว่าเจ้าจะเป็นใคร แต่การควบม้าบนถนนแบบนั้นมันไม่ใช่เรื่องที่ควรทำเลยสักนิด!”

"นี่เจ้า...!!"

ในขณะเดียวกัน คนบนม้าอีกตัวได้หยุดห้ามเพื่อนของเขาที่กำลังโกรธ ซึ่งหลังจากจ้องมองชายร่างกำยำคนนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นประสานมือของเขาและพูดว่า "ท่านคือนักศิลปะการต่อสู้ผู้โด่งดัง “เล่ยซีอองแห่งภูเขาบา” คนนั้นจริงๆด้วย”

“พวกข้าสองคนกำลังรีบเลยควบม้ามาชนท่านเล่ยโดยไม่ได้ตั้งใจ พวกข้าต้องขออภัยท่านเล่ยด้วยจริงๆ”

เล่ยซีอองหัวเราะเยาะ "ฮึๆ ไม่ว่าเจ้าจะชนข้าหรือไม่ก็ตาม แต่เจ้ากําลังทําให้เด็กคนนี้กลัวอยู่"

“ถ้าให้ข้าตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเจ้า พวกเจ้าน่าจะเป็นสมาชิกของกลุ่มวารีทมิฬในเมืองหยานเฉิงสินะ?”

“แม้ว่าผู้คนในเมืองหยานเฉิงจำนวนมากจะกลัวกลุ่มวารีทมิฬอย่างพวกเจ้า แต่ข้านั้นไม่กลัวเลยสักนิด!”

“อีกอย่าง ไปบอกผู้นำของพวกเจ้าว่าการพยายามผูกขาดสมบัติของกบสี่ตามันเป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น!”

ใบหน้าของสมาชิกกลุ่มวารีทมิฬทั้งสองคนซีดลงทันที

"รีบไปกันเถอะ"

พวกเขาไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อและรีบจากไปโดยที่ขึ้นไปขี่ม้าตัวเดียวกัน

“ขอบคุณท่านมากจริงๆท่านเล่ย” แม่ของเด็กที่เขาช่วยเอาไว้เข้ามารับลูกของเธอและคุกเข่าก้มหัวให้กับเล่ยซีออง

เล่ยซีอองรีบพยุงแม่และลูกให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะส่ายหัวพูดว่า “เจ้าจะต้องดูแลลูกให้ดีกว่านี้นะ ตอนนี้พวกเจ้าน่ะรีบไปเถอะ ถ้าหากพวกเจ้าอาศัยอยู่ในเมืองหยานเฉิงแล้วถูกกลุ่มวารีทมิฬสองคนนั้นเพ่งเล็งมันอาจทำให้พวกเจ้าลําบากได้”

เล่ยซีอองผายมือปล่อยให้แม่ลูกจากไป

หลังจากนั้นเล่ยซีอองก็จากไปเช่นกัน

เมื่อเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ แววตาของลู่ชางเฉิงจึงเผยให้ถึงความเข้าใจบางอย่าง

"สมบัติของกบสี่ตางั้นรึ?"

“ถ้าใจไม่ผิดเทคนิคลับการเปลี่ยนแปลงสมบัติเส้นตันเถียนนั้นต้องใช้สมบัติหายากและมีค่าเจ็ดอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือสมบัติของกบสี่ตา”

“ช่างบังเอิญจริงๆที่สมบัติของกบสี่ตาได้ปรากฏขึ้นในเมืองหยานเฉิงแห่งนี้”

ลู่ชางเฉิงจ้องไปที่ร่างที่ค่อยๆหายไปของเล่ยซีอองและกำลังคิดอะไรบางอย่าง

เล่ยซีอองเดินวนอยู่หลายครั้งและในที่สุดเขาก็กลับไปที่บ้านพักชั่วคราวที่เขาเช่าเอาไว้

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้โอหังเหมือนกับที่เขาพูดและจริงๆแล้วเขาก็เป็นคนที่ระวังตัวมาก

เขาได้ออกเดินทางหลายพันกิโลจากภูเขาบาเพื่อมายังเมืองหยานเฉิงเพื่อตามหาสมบัติของกบสี่ตา

เขาได้รับข้อมูลบางอย่างว่าสมบัติของกบสี่ตาได้ปรากฏขึ้นในเมืองหยานเฉิง

หากได้ใช้สมบัติของกบสี่ตาจะทําให้ร่างกายต้านทานสารพิษได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นสําหรับนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะ สมบัติของกบสี่ตานั้นมีค่ามากกว่าเพราะสามารถเสริมสร้างสภาพร่างกายของพวกเขาได้

ด้วยผลของสมบัติของกบสี่ตา เล่ยซีอองจึงกล้าที่จะพยายามก้าวข้ามเข้าไปในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์

นักศิลปะการต่อสู้หลายคนต่างก็มาที่เมืองหยานเฉิงเพื่อแย่งชิงสมบัติของกบสี่ตา ซึ่งเล่ยซีอองก็ได้พบกับนักศิลปะการต่อสู้ที่มีชื่อเสียงบางส่วนขากโลกแห่งการต่อสู้ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งแต่ละคนนั้นมีพลังทัดเทียมกับเขามาก

หากเขาต้องการชิงสมบัติของกบสี่ตามาเป็นของตัวเอง การวางแผนอย่างรอบคอบก็เป็นสิ่งจําเป็นเช่นกัน

วันนี้เขาแค่แสร้งทําเป็นเผชิญหน้ากับกลุ่มวารีทมิฬเพราะเขาไม่แน่ใจว่ากลุ่มวารีทมิฬได้รับสมบัติของกบสี่ตาไปแล้วจริงหรือไม่

แต่เนื่องจากกลุ่มวารีทมิฬเป็นกลุ่มประจำเมืองหยานเฉิง ถ้าหากสมบัติของกบสี่ตาปรากฏขึ้นในเมืองหยานเฉิงจริงๆ พวกเขาก็มีแนวโน้มที่จะได้รับมันสูงมาก

"เจ้ารู้เรื่องสมบัติของกบสี่ตามากแค่ไหนกัน?"

ทันใดนั้นเล่ยซีอองก็ได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นในหูของเขา

ใบหน้าของเล่ยซีอองเปลี่ยนไปอย่างมาก "เจ้าเป็นใครกัน?!"

ในเวลาเดียวกันเขาก็ชักดาบของเขาออก

"ชิ้งง"

เล่ยซีอองหรือเป็นที่รู้จักในชื่อ "ดาบพิฆาตแห่งภูเขาบาเล่ยซีออง" ไม่ใช่ฉายาที่ได้มาโดยใช้โชคช่วย

แม้ว่าตอนนี้เขากําลังหันหลังกลับ แต่เขาก็ดึงดาบของเขาออกมาและฟันไปข้างหลังเขาอย่างรวดเร็วในครั้งเดียว

การเคลื่อนไหวของเขาเป็นธรรมชาติมากและความเร็วดาบของเขาก็รวดเร็วเช่นกัน

ยิ่งไปกว่านั้น การโจมตีด้วยดาบของเขานั้นทรงพลังและหนักหน่วง แม้แต่นักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะขั้นสูงก็ยากที่จะป้องกันการโจมตีนี้ได้

เมื่อเขาหันกลับมา เขาเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังมองมาที่เขาอย่างใจเย็น

และคมดาบของเล่ยซีอองก็อยู่ห่างจากคอของชายคนนั้นเพียงสามนิ้ว

อีกเพียงเสี้ยววิดาบของเขาก็จะฟันหัวของชายคนนั้นขาดแล้ว!

"ฟุ่บบ"

ชายหนุ่มคนนั้นยื่นมือออกอย่างรวดเร็วและใช้มือเปล่าของเขาเอื้อมมือไปคมดาบที่แหลมคมเอาไว้อย่างง่ายดายราวกับว่าคมดาบนั้นเป็นแค่กระดาษ

นอกจากนี้ ชายคนนั้นแทบจะไม่ต้องใช้ความพยายามในการจับคมดาบให้อยู่นิ่ง นอกจากนี้มือของเขาก็ไม่มีบาดแผลใดๆเลย ไม่ว่าเล่ยซีอองจะพยายามออกแรงดึงดาบกลับมามากเพียงใดก็ตาม

"แก๊งง"

ดาบเล่มใหญ่นั้นถูกขยี้จนกลายเป็นเศษเหล็กขณะที่เขาบีบมันให้แตกเป็นเศษๆด้วยมือเปล่า

“ความเร็วดาบไม่เลว แต่พลังของดาบยังอ่อนแอเกินไป” แน่นอนว่าชายคนนี้ก็คือลู่ชางเฉิง

เล่ยซีอองแทบไม่อยากจะเชื่อว่าความเร็วและพลังของดาบที่เขาภาคภูมิใจจะถูกหยุดเอาไว้ได้ง่ายขนาดนี้

แต่เมื่อพูดถึงวิชาดาบ พลังดาบเขายังคงด้อยกว่าเจาฉี่เล่ยมาก

“จับดาบด้วยมือเปล่าโดยไร้บาดแผลและทำลายดาบได้งั้นรึ?! ศักดิ์สิทธิ์...นี่เจ้าอยู่ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์งั้นรึ?!”

หัวใจของเล่ยซีอองสั่นสะท้านและใบหน้าของเขาก็ซีดลงทันที

ด้วยการจับดาบด้วยมือเดียวและสามารถขยี้ดาบได้อย่างง่ายดายแบบนี้ มีเพียงนักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถทำแบบนี้ได้

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาจะเป็นนักศิลปะการต่อสู้ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด