ตอนที่ 18 : การปรากฏตัวของแรนช์เหมือนกับผู้ท้าชิงรุ่นเฮฟวี่เวท (2)
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน
อาจารย์อีกคนเห็นผู้เข้าสอบคนหนึ่งซึ่งกำลังใช้เวทมนตร์ลมตัดต้นไม้แล้วใช้เวทมนตร์ความร้อนเพื่อทำให้ฟืนแห้งอย่างรวดเร็ว
บางคนถึงกับพยายามสร้างอุปกรณ์เวทมนตร์ที่มีคุณสมบัติเป็นธาตุไฟซึ่งสามารถใช้แทนเตาเวทมนตร์ได้
อาจกล่าวได้ว่าแต่ละคนแสดงพลังเวทมนตร์ของตัวเองอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม.
การกระทำที่ดูสดุดตาเหล่านี้กลับไม่ได้รับการสนับสนุนจากอาจารย์หลายๆ ท่าน
“บางครั้งคุณลักษณะของโลกแห่งภาพฉายก็สามารถใช้เป็นทางลัดได้ แต่บางครั้งมันก็อาจจะเป็นหลุมพลางได้เช่นกัน…”
“ต้นแบบของโลกแห่งภาพฉายระดับหนึ่งนี้ ผมจำได้ว่ามันน่ารังเกียจมาก เพราะในท้ายที่สุดหลังจากการสอบสวนเสร็จสิ้นก็พบว่าต้นเหตุเป็นคู่สามีภรรยาที่ชั่วร้ายคู่นี้ พวกเขาจงใจซ่อนเตาเวทมนตร์เอาไว้เพื่อแช่แข็งเด็กผู้หญิงให้ตายท่ามกลางพายุหิมะ และหลอกเอาเงินค่าทำศพจำนวนมากตามที่เขียนไว้ในข้อบังคับของดินแดนทางเหนือ”
“แม้ว่าคุณจะให้ฟืนแห้งหรือเตาเวทมนตร์แก่พวกเขา คุณก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงคนนั้นได้ เพราะสิ่งที่เย็นชายิ่งกว่าหิมะก็คือจิตใจที่บิดเบี้ยวของมนุษย์”
“บางครั้งคุณก็หยิ่งยโสเกินไป และพยายามข้ามกลไกของโลกแห่งภาพฉาย ซึ่งอาจนำไปสู่ความล้มเหลวที่ไม่คาดคิดได้ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากจิตใจที่ไม่สงบและมั่นคงเพียงพอ”
อาจารย์คนหนึ่งถอนหายใจพลางอธิบายถึงแก่นแท้ของการสอบครั้งนี้
สำหรับผู้ท้าทายส่วนใหญ่ที่อยู่ระดับสองหรือสาม โลกแห่งภาพฉายระดับหนึ่งเช่นนี้ไม่มีองค์ประกอบการต่อสู้ใดๆ ที่ต้องใช้กำลัง
มันเป็นเพียงโลกแห่งภาพฉายโหมดพื้นฐานและเรียบง่ายที่สุด
แต่ยังสามารถใช้ตรวจสอบเบื้องต้นได้ว่าผู้เข้าสอบมีคุณสมบัติที่จะท้าทายโลกแห่งภาพฉายหรือไม่
“เฮ้ ชายคนนั้นทำอะไรน่ะ!”
ทันใดนั้นเสียงอุทานหนึ่งก็ดึงดูดความสนใจของอาจารย์ทุกคน
อาจารย์ในแต่ละโต๊ะมองไปทางมุมหนึ่งของหน้าจอแยก
และก็ได้เห็นว่าเขาคือผู้เข้าสอบของสถาบันอัศวิน
ในหน้าจอของเขา สไตล์การสวมบทบาทของเขาแตกต่างจากผู้เข้าสอบคนอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง
เขาไม่ได้สวมเสื้อคลุมขุนนางแต่สวมเพียงแค่กางเกงตัวเดียว กล้ามเนื้อของเขาเผยให้เห็นอย่างชัดเจนและเขากำลังยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวในท่ากอดอก
แม้ว่าผมสีเทายุ่งเหยิงของเขาจะปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะ แต่เขาก็ดูไม่สะทกสะท้านกับความหนาวเย็นเลย ม่านตาสีม่วงเข้มของเขาเด็ดเดี่ยวราวกับหมาป่าเดียวดาย
“เขากำลังทำอะไรน่ะ?”
“เดี๋ยวก่อน! อันที่จริง ในฐานะขุนนาง เสื้อผ้าที่ผู้เข้าสอบสวมใส่นั้นมีค่าพอที่จะให้หัวหน้าหมู่บ้านรับภาระค่าใช้จ่ายของครอบครัวได้ตลอดทั้งฤดูหนาวแม้จะต้องดูแลเพิ่มอีกหนึ่งครอบครัว ด้วยวิธีนี้เด็กผู้หญิงคนนั้นก็จะได้รับการปกป้องโดยผู้ใหญ่บ้าน”
เป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะโหดร้ายกับตัวเองได้ขนาดนี้ ราวกับว่าเขาไม่ได้คำนึงถึงชีวิตหรือความตายของตัวเองเลย
อย่างไรก็ตาม โลกแห่งภาพฉายนี้ไม่ได้ต้องการผู้ท้าทายที่จะมีชีวิตรอดอยู่จนกว่าจะถึงจุดจบ
การเสียสละตัวเองเพื่อความเมตตากรุณาและความชอบธรรมไม่ใช่ทางเลือกหลัก
“คนของสถาบันอัศวินก็มักจะบ้าระห่ำแบบนี้แหละ บางครั้งก็มีพวกไม่ค่อยฉลาดโผล่มาให้เห็นสักคนสองคนอยู่เสมอ”
“แต่ผู้เข้าสอบของสถาบันอัศวินที่ชื่อเฟรย์คนนี้…คุณบอกว่าเขาโง่ แต่ทำไมผมรู้สึกว่าเขาฉลาดแปลกๆ…”
แม้ว่าเฟรย์จะละเมิดจุดประสงค์ของการสอบโดยสิ้นเชิง แต่เขากลับใช้จิตใจอันสูงส่งและสมรรถภาพทางกายที่ผิดปกติเพื่อทำตามข้อกำหนด
“บางทีการละทิ้งสติปัญญาและจิตใจโดยสิ้นเชิงก็อาจเป็นการแสดงสติปัญญาและจิตใจรูปแบบหนึ่งเช่นกัน?”
“ต้องบอกว่าเขาคือผู้รวบรวมคุณธรรมของอัศวินไว้มากมาย ทั้งความซื่อสัตย์ ความเห็นอกเห็นใจ ความกล้าหาญ ความเสียสละ...เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้อยู่ในเป้าหมายของเรา เป็นสถาบันอัศวินที่ได้พบสมบัติชิ้นนี้”
แม้ว่าเหล่าอาจารย์จะพบว่าค่อนข้างเป็นเรื่องยากที่จะประเมินแนวคิดของเฟรย์ที่เขาใช้ในการพิชิตภารกิจ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยชื่นชม
อย่างน้อยในฐานะอัศวิน เขาก็สมควรได้รับมัน
“เดี๋ยวก่อน”
รองคณบดีรอนซึ่งจู่ๆ ก็ก้มศีรษะลงและพลิกดูข้อมูลผู้เข้าสอบพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
“...เห็นว่าชายคนนี้ดูเหมือนจะติดการพนัน เขามักจะแพ้จนเหลือแค่กางเกงตัวเดียว เขาคุ้นชินกับการเอาเสื้อผ้าไปจำนอง…เพราะงั้นกล้ามเนื้อของเขาน่าจะจดจำความรู้สึกนั้นได้ เมื่อเขาเข้าไปในโลกแห่งภาพฉาย พอเจอปัญหา การใช้เสื้อผ้าแก้ปัญหาจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขา”
“...”
“...”
พ่นอยู่นานสองนานแต่สรุปแล้วกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิด ทุกคนจึงรู้สึกเขินอาย ทั้งห้องประชุมกลายเป็นเงียบลงอย่างน่าประหลาด
ไม่นานหลังจากนั้น
ในที่สุดรองคณบดีรอนก็ทำลายความเงียบอันน่ากดดัน กระแอมไอเล็กน้อย พยายามชักนำทิศทางการประชุมให้กลับมาเป็นปกติ
“นี่ยังถือว่าดีที่ชายคนนี้เป็นผู้เข้าสอบของสถาบันอัศวิน หลังจากนี้สถาบันอัศวินคงจะปวดหัวไม่น้อย”
“แน่นอน”
“เห็นได้ชัดว่านักเรียนของเรายังดูปกติมากกว่า”
เหล่าอาจารย์พากันพยักหน้าทีละคน อดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดี
ใช้เวลาไม่นาน
อาจารย์อีกคนก็ค่อยๆ ค้นพบบางอย่าง
นั่นคือผู้เข้าสอบของสถาบันนักปราชญ์คนหนึ่ง
ดูเหมือนว่าจะมีชายผู้ไม่ธรรมดาอยู่อีกคน
ในหน้าจอพวกเขาเห็นชายหนุ่มผมสีดำและดวงตาสีเขียว
ไม่เพียงแต่เขาไม่รีบเร่งที่จะสอบสวน
แต่เขากลับรีบไปที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านโดยเร็วที่สุด
หลังจากที่หัวหน้าหมู่บ้านตกลง เขาก็เริ่มค้นหาหนังสือหลายเล่มบนชั้นวางหนังสือ
จากนั้นเขาก็เอนหลังบนโซฟาอย่างสบายๆ พลางอ่านหนังสืออยู่ข้างกองไฟ
เขายังจิบชาร้อนเป็นครั้งคราว ดูมีความสุขเป็นพิเศษ
เห็นได้ชัดว่าพฤติกรรมแปลกๆ ของเขาดึงดูดความสนใจของอาจารย์
“ผู้ชายคนนี้กำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังพักผ่อนงั้นเหรอ?”
อาจารย์ที่สังเกตเห็นแรนช์เริ่มส่งเสียงพูดคุยกัน
ในไม่ช้าอาจารย์หนุ่มคนหนึ่งก็ส่ายหัวเบาๆ ด้วยสีหน้าเยาะเย้ยแล้วพูดว่า
“โดยทั่วไปแล้วผู้เข้าสอบที่ละทิ้งการสอบกลางคันจะทำแบบนี้ พวกเขาจะพยายามอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัย แต่ผมไม่เคยเห็นใครยอมแพ้กับการสอบอย่างเด็ดขาดเหมือนกับเขามาก่อนเลย”
อาจารย์คนอื่นๆ ก็ได้ยินคำพูดนี้
พวกเขาทั้งหมดพยักหน้าตาม
เกือบถูกหลอกด้วยท่าทางผ่อนคลายและจิตใจที่สงบของผู้ชายคนนี้แล้ว
“แรนช์ วิลฟอร์ด...ผลการทดสอบคุณสมบัติของชายคนนี้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตระกูลของเขาเป็นนักธุรกิจผู้มั่งคั่งที่มีชื่อเสียงในเขตชายแดนวันตินาทางตอนใต้ หรือว่านายน้อยของตระกูลวิลฟอร์ดมาที่นี่เพื่อสัมผัสประสบการณ์ชีวิต?”
รองคณบดีรอนค้นหาไปรอบๆ และหยิบข้อมูลการสมัครเข้าเรียนของแรนช์ออกมา จากนั้นเขาก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากที่เหล่าอาจารย์ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ของเขาแล้ว พวกเขาก็เริ่มหมดความสนใจในตัวชายหนุ่มผู้ร่ำรวยคนนี้ซึ่งมีทัศนคติที่ไม่ชัดเจน
...
เมื่อความสนใจของอาจารย์ค่อยๆ หายไปจากแรนช์
ในที่สุดเขาก็ปิดหนังสือในมือ
และด้วยหนังสือเล่มนี้พร้อมกับเพชฌฆาต เขาก็กลับไปยังบ้านหลังที่ถูกขโมยขึ้นอีกครั้งอย่างเด็ดขาด
ก๊อกก๊อก
แรนช์เคาะประตูเบาๆ
จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาจากประตูพร้อมกับสายลมและหิมะที่ดังกึกก้อง
ทันทีที่ประตูเปิดออก เขาเห็นชายวัยกลางคนเข้ามาต้อนรับและกำลังตัวสั่นจากความหนาวเย็น
“ท่านลอร์ด การสอบสวนมีความคืบหน้าไหมขอรับ”
ชายวัยกลางคนถามด้วยท่าทีกังวล
แต่แท้จริงแล้วเขากำลังแอบหัวเราะอยู่ในใจ
ทิศทางการสืบสวนของขุนนางโง่เขลาคนนี้ถูกทำให้เข้าใจผิดไปอย่างสิ้นเชิง
ขั้นตอนต่อไปคือการล่อลวงลอร์ดโทรมๆ คนนี้ให้ออกจากบ้านของเขาอีกครั้ง จากนั้นก็ปล่อยให้เขาเดินไปรอบๆ บนพื้นน้ำแข็งและหิมะด้วยจิตใจเมตตาอันโง่บรมนั่น
อย่างไรก็ตาม.
แรนช์เพียงจ้องมองชายวัยกลางคนด้วยสายตาที่เฉียบคม ดูเหมือนจะมั่นใจในสิ่งหนึ่ง
“การสอบสวนไม่มีความคืบหน้า แต่ทำไมเจ้าถึงไม่โค้งคำนับข้าทั้งก่อนหน้านี้และตอนนี้?”
แรนช์ค่อยๆ ยกมือขึ้นและชี้ไปที่ชายวัยกลางคนซึ่งอยู่ในบ้านพร้อมกับเอ่ยถาม
“ข้าขออภัยท่านลอร์ด ข้าได้ยินมาว่าท่านใจดีมากและไม่สนใจรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ มันเป็นความประมาทเลินเล่อของข้า…”
คำถามฉับพลันทำให้ชายวัยกลางคนรู้สึกหวาดกลัว เขาและภรรยารีบกดศีรษะของเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ พลางโค้งคำนับให้แรนช์ด้วยเสียงต่ำ
เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นถึงทำให้ขุนนางคนนี้เปลี่ยนท่าทีอย่างกะทันหัน
เห็นได้ชัดว่าท่านลอร์ดนิสัยดีคนนี้ไม่ได้ทำการสอบสวนใดๆ ในบ้านของเขาเลย เขาจะตรวจพบความน่าสงสัยเพียงเล็กน้อยได้อย่างไร!?
แรนช์เย้ยหยัน:
“ตามมารยาทของดินแดนชายแดนทางเหนือ เจ้าและภรรยาของเจ้าควรคำนับข้า แต่เจ้ากลับไม่ได้แสดงความเคารพต่อข้าถึงสองครั้ง ข้าคิดว่าทัศนคติของเจ้าเป็นการดูหมิ่นข้าอย่างยิ่ง ซึ่งทำให้ข้าต้องทุกข์ทรมานจากการโดนดูถูก”
เขาเปิดประมวลกฎหมายในมือแล้วตำหนิอย่างรุนแรง
“ตามวรรคที่ 3 หน้าที่ 719 ของประมวลกฎหมายแห่งอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ ข้าขอจับกุมเจ้าและครอบครัวฐานดูหมิ่นขุนนาง เด็กที่อายุต่ำกว่าสิบสองปีได้รับการยกเว้นจากอาชญากรรมนี้ และตามหน้าที่ 134 ของกฎการดูแลและกรรมสิทธิ์ เด็กผู้หญิงคนนี้ได้ถือว่าสูญเสียผู้ปกครองไปแล้ว ข้าจะเป็นผู้พากลับไปยังเมืองเพื่อให้คริสตจักรดูแลต่อไป ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดและข้อบังคับ”
หลังจากพูดจบ แรนช์ก็หันกลับไปมองเพชฌฆาตพร้อมกับยกมือขึ้นเปิดหนังสือ แสดงข้อกฎหมายที่มีชื่อว่า “ดูหมิ่นขุนนาง” ให้เพชฌฆาตเห็น
มันถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน
สำหรับมารยาทของพื้นที่ชายแดนทางตอนเหนือ แรนช์ก็ยืนยันกับหัวหน้าหมู่บ้านและเพชฌฆาตโดยละเอียด
เพชฌฆาตมึนงงเล็กน้อย
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและควบคุมตัวคนทั้งสามที่กำลังดูสับสน
“พวกเจ้าจะถูกกักตัวไว้ชั่วคราวที่บ้านหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อพายุหิมะผ่านไป จงกลับเข้าเมืองพร้อมกับข้า ผู้ที่สมควรเข้าคุกจะต้องเข้าคุก ส่วนผู้ที่สมควรเข้าโบสถ์จะต้องเข้าโบสถ์”
แรนช์จ้องไปที่ประมวลกฎหมายและกล่าวออกมาทีละคำ
หลังจากนั้น
คนทั้งสามซึ่งนำโดยเพชฌฆาตก็เดินไปตามถนนสู่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน
ท่ามกลางหิมะ.
แรนช์สอดมือของเขาลงในกระเป๋า จากนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและยิ้มอย่างมีความสุข
“ชัดเจนแล้วว่าการสอบนี้เป็นการทดสอบความตระหนักรู้ทางด้านกฎหมายของตัวผู้เข้าสอบ เพื่อให้ครอบครัวของพวกเขาได้ใช้ช่วงเวลาฤดูหนาวอันอบอุ่นในคุกและโบสถ์”
...
โลกภายนอก
“?!”
มุมหางตาของอาจารย์ที่เห็นการกระทำของแรนช์โดยไม่ได้ตั้งใจเริ่มกระตุกอย่างบ้าคลั่ง
แม้แต่ลอเรนผู้คุมสอบในห้องโถงก็ยังเบิกตากว้างเมื่อเห็นฉากทั้งหมด
(จบตอน)