ตอนที่ 90 นี่น่ะรึลูกศิษย์ของเจ้า?
ตอนที่ 90 นี่น่ะรึลูกศิษย์ของเจ้า?
วันเวลาผ่านไปจนกระทั่งผ่านไปหนึ่งเดือน
เช้าตรู่วันหนึ่ง ลู่ชางเฉิงกำลังอยู่ที่ลานฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อฝึกวิชา "คลื่นสามระลอก"
เนื่องจากวิชาคลื่นสามระลอกไม่ได้ซับซ้อนเกินไปและมีเพียงสามกระบวนท่า ซึ่งแต่ละกระบวนท่าก็มีลักษณะเฉพาะด้วยความแข็งแกร่งและการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง
แต่ในขณะนี้ลู่ชางเฉิงยังไม่เชี่ยวชาญวิชาคลื่นสามระลอกและยังไม่สามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
"ฟุ้บบ!"
ลู่ชางเฉิงปล่อยหมัดออกไป
ทันใดนั้นคลื่นอากาศที่พุ่งออกไปที่ก็เริ่มสูงขึ้นทุกครั้งที่เขาปล่อยหมัดออกไป
"สำเร็จแล้ว!"
“ข้าใช้เวลาทั้งเดือนเพื่อฝึกขั้นที่สองของวิชาคลื่นสามระลอก ถ้าหากข้าต้องฝึกมันจนไปถึงขั้นที่สาม มันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่านี้แน่ๆ”
รอยยิ้มค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่ชางเฉิง
ด้วยระดับความเข้าใจในตอนนี้ของเขา เขาต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อไปถึงขั้นที่สองของวิชาคลื่นสามระลอก ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าศิลปะการต่อสู้นี้ยากแค่ไหนที่จะฝึกฝนจนเชี่ยวชาญได้
แม้ว่าจะมีความยาก แต่วิชาคลื่นสามระลอกก็คุ้มค่าที่จะฝึกมาก เพราะเมื่อเชี่ยวชาญจนถึงขั้นที่สองแล้ว มันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของลู่ชางเฉิงได้ถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์
ดังนั้นลู่ชางเฉิงจึงตรวจสอบค่าคุณสมบัติของเขาทันที
โฮสต์ : ลู่ชางเฉิง
ค่าความเข้าใจ: 609 (ความเข้าใจอย่างถ่องแท้)
วิชาคลื่นสามระลอก: ขั้นที่สอง
เทคนิคลับผลึกโลหิต : เชี่ยวชาญ
วิชามังกรทยาน 9 ขั้น : ขั้นแรก
การเปลี่ยนแปลงเทพเจ้าแห่งมังกร : ขั้นแรก
วิชาเก้าสายฟ้ากลั่นกายา : สมบูรณ์แบบ (บางส่วน)
ค่าความเข้าใจของลู่ชางเฉิงสูงเกิน 600 แต้มเพราะเขาใช้เวลาหนึ่งเดือนในการฝึกฝนเทคนิคการต่อสู้แปดอย่าง ซึ่งในบรรดาเทคนิคการต่อสู้เหล่านั้นมีเทคนิคระดับที่สามและสี่อยู่ด้วย
ในที่สุดค่าความเข้าใจก็เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทําให้ลู่ชางเฉิงพอใจมากยิ่งขึ้น
เพราะค่าความเข้าใจของเขาหยุดเพิ่มขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ทําให้ตอนนี้เขามีความเข้าใจเพียง 609 แต้มเท่านั้น
เขาเชื่อว่าถ้าค่าความเข้าใจของเขาไปถึง 1,000 แต้มได้ เขาจะบรรลุถึงขั้นที่สามของวิชาคลื่นสามระลอกได้ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน แม้แต่เทคนิคลับผลึกโลหิตก็คงจะสมบูรณ์แล้วเมื่อถึงตอนนั้น
น่าเสียดายที่ค่าความเข้าใจของเขาอยู่ที่ 609 แต้มเท่านั้น
โชคดีที่ครั้งนี้ลู่ชางเฉิงได้รับเทคนิคการต่อสู้จํานวนมากจากคลังเก็บวิชาและเทคนิคการต่อสู้ของนิกายเลือดซึ่งมันอาจเพิ่มค่าความเข้าใจของเขาได้สูงขึ้นมาก
หลังจากฝึกฝนเสร็จลู่ชางเฉิงก็รู้สึกสดชื่นและออกจากบ้านไป
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา บนท้องถนนในเมืองหนานหยางก็กลัยมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ทั้งหมดเป็นเพราะ "ลักศิลาโบราณ" ซึ่งเป็น "สิ่งของพิเศษ" แม้ว่ากองกําลังต่างๆในเมืองหนานหยางจะครอบครองมันเอาไว้ แต่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ต่อคนทั่วไปจํานวนมาก
เช่นการขุดเพื่อค้นหาลักศิลาโบราณและการผลิตจะต้องใช้แรงงานจากคนทั่วไป ซึ่งทำให้คนเหล่านั้นมีงานและมีเงินมาเลี้ยงชีพ
ดูเหมือนว่าเมืองหนานหยางจะเจริญรุ่งเรืองขึ้นมากหลังจากที่กลุ่มนักพเนจรทั้งสิบสามแห่งทะเลทรายสร้างความเดือดร้อนนอกเมืองจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมือง
ลู่ชางเฉิงในตอนนี้เดินทางมาถึงสำนักเมียวชูและแทบจะไม่ได้นั่งเลยเมื่อจู่ๆมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาหาเขา
“หมอลู่ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายเลย...”
ผู้หญิงคนนี้มีอายุประมาณสามสิบและค่อนข้างสวย
ไม่ว่าจะเป็นลู่ชางเฉิงจะคิดไปเองหรือไม่ แต่เขารู้สึกว่าการจ้องมองของเธอนั้นเต็มไปด้วยเสน่ห์
แต่ลู่ชางเฉิงก็ยังรักษาท่าทีอันมั่นคงของเขาเอาไว้
อันที่จริง ชื่อเสียงของเขาเริ่มโด่งดังขึ้นเพราะทักษะพิเศษของเขาด้าน "นรีเวชวิทยา" ทำให้ผู้หญิงหลายคนมาพบกับลู่ชางเฉิงเพื่อมารักษากับเขาโดยเฉพาะ
ด้วยเหตุนี้ ผู้ป่วยของลู่ชางเฉิงส่วนใหญ่จึงเป็นผู้หญิง
น่าแปลกที่ตอนนี้เขาเริ่มได้รับความนิยมมากกว่าหมอวู่จิงอาจารย์ของเขาซะแล้ว
เพราะไม่ว่าวู่จิงจะเก่งกาจแค่ไหนแต่เขาก็มีอายุมาก และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ชอบที่จะมารักษากับลู่ชางเฉิงมากกว่า
ลู่ชางเฉิงเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากนัก เพราะการรักษาและช่วยชีวิตผู้คนถือว่าเป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว!
หลังจากที่วุ่นวายในช่วงเช้า ลู่ชางเฉิงที่กําลังพักผ่อนอยู่ก็เห็นว่ามีเด็กฝึกงานคนหนึ่งรีบเข้ามาหาเขา
ลู่ชางเฉิงจําเด็กฝึกงานคนนี้ได้ เพราะเขามาอยู่ที่ร้านขายยาของหมอวู่จิง
"หมอลู่ ท่านวู่จิได้เรียกตัวท่านไปพบครับ"
เด็กฝึกงานคนนั้นพูดกับลู่ชางเฉิงด้วยความเคารพ
"หือ อาจารย์วู่เรียกหาข้าแบบนี้มีอะไรงั้นรึ?" ลู่ชางเฉิงถาม
“ดูเหมือนว่าท่านวู่จิงจะไม่ค่อยสบายและมีเรื่องบางอย่างที่ต้องพูดกับหมอลู่ครับ”
ลู่ชางเฉิงรีบลุกขึ้นทันทีและให้จางฮวงจัดการเรื่องอื่นๆที่เหลือไม่ว่าจะเป็นการมอบหมายนัดผู้ป่วยของเขาให้กับหวางรู่ไห่ หรือจัดตารางการนัดผู้ป่วยใหม่
หลังจากนั้นลู่ชางเฉิงก็ไปถึงร้านขายยาของวู่จิง
"ท่านอาจารย์ ท่านเป็นอะไรหรือครับ?!" ลู่ชางเฉิงเห็นวู่จิงกำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้ทันทีที่เขาเข้าไปในร้านขายยา
“ชางเฉิง ข้าสบายดี ข้าแค่เป็นหวัดเล็กน้อยน่ะ มันก็โรคคนแก่ธรรมดานั่นล่ะนะ”
"อะ แค่กๆ แค่ๆ..."
ขณะที่เขาพูดวู่จิงเริ่มไออย่างรุนแรง
การแสดงออกของลู่ชางเฉิงเริ่มเปลี่ยนไป เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ท่านอาจารย์ ข้าขอตรวจชีพจรของท่านก่อนนะครับ"
"ชางเฉิง มันก็เป็นแค่หวัดเล็กน้อย เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก"
“ท่านอาจารย์ ผู้ที่หมอควรรักษาผู้ป่วยไม่ใช่หรือครับ ได้โปรดให้ข้าตรวจอาการของท่านด้วยเถอะ!”
ในที่สุดวู่จิงก็พยักหน้า
ลู่ชางเฉิงตรวจสอบชีพจรของวู่จิง และเขาก็พบว่าจริงๆแล้วมันเป็นหวัดทั่วไป
หลังจากนั้นเขาก็สั่งยาบางอย่าง
เมื่อเห็นใบสั่งยาที่ลู่ชางเฉิงเขียน ดวงตาของวู่จิงจึงเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ทําได้ดีมากชางเฉิง ยาที่เจ้าเลือกนั้นเป็นปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้เจ้ายังคํานึงถึงอายุของข้าและลดความแรงของยาด้วย”
“ชางเฉิง ความสามารถด้านการรักษาของเจ้าตอนนี้โดดเด่นมากจริงๆ สิ่งที่เจ้าขาดตอนนี้ก็มีเพียงประสบการณ์และความรู้บางอย่างเท่านั้น”
วู่จิงรู้สึกภูมิใจในตัวของลู่ชางเฉิงเป็นอย่างมาก
“วู่จิง นี่น่ะรึหมอลู่ลูกศิษย์ของเจ้าน่ะ?”
ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปีได้พูดขึ้นอย่างกะทันหัน
“ใช่แล้ว ทุกวันนี้ร่างกายของข้าก็เริ่มอ่อนแอและไม่สามารถเดินทางไปรักษาในที่ไกลๆได้ ถ้าเจ้าเชื่อใจเขา ก็ลองให้ลูกศิษย์ของข้าลู่ชางเฉิงเข้ามาแทนตำแหน่งข้าดูสิ”
หลังจากที่พูดแบบนี้ วู่จิงก็หลับตาและเงียบลง
ลู่ชางเฉิงเหลือบมองชายวัยกลางคนซึ่งดูจากภายนอกแล้วโดดเด่นมากทันที
เมื่อลองคิดดูแล้ว ลู่ชางเฉิงจึงรู้ทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เป็นไปได้มากว่าชายคนนี้มาเชิญอาจารย์วู่จิงไปรักษา แต่เนื่องจากวู่จิงเป็นหวัดทำให้มีร่างกายอ่อนแอและไม่อยากไป ดังนั้นวู่จิงแนะนําให้ลู่ชางเฉิงไปแทน..