ตอนที่ 18 ศาลาคัมภีร์ยุทธจินกู
ตอนที่ 18 ศาลาคัมภีร์ยุทธจินกู
ฟู่เต๋า: ระดับ 1 ขั้นต่ำ [0/500]
สกิว: จมูกและหูไว ,กรงเล็บ
…
…
เย่ชูอัพเกรดฟู่เต๋าขึ้นสู่ระดับสองทันที
ฟู่เต๋า: ระดับ 2 ขั้นต่ำ [0/5000]
สกิว: จมูกและหูไว, กรงเล็บ, คมเขี้ยวแห่งความตาย
…
โดยไม่คาดคิด เมื่อฟู่เต๋า ไปถึงระดับสอง มันก็ปลุกสกิวเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง
เขาดูค่าพลังงานที่เหลืออยู่
เย่ชูกัดฟัน ตัดสินใจใช้อีกห้าพันเพื่ออัพเกรดฟู่เต๋า เป็นระดับ 2 ขั้นกลาง (ทำไมไม่อัพเกรดตัวเองก่อน?)
ฟู่เต๋า: ระดับ 2 ขั้นกลาง [0/10000]
"ระดับ 2 ขั้นกลางและต้องใช้เงิน 10,000 ในการอัพเกรด..."
เย่ชูครุ่นคิด
ความแข็งแกร่งของฟู่เต๋าเพิ่มขึ้น มันก็เท่าการป้องกันของเขาเองด้วย
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เย่ชู ก็ใช้อีกหมื่นเพื่ออัพเกรดฟู่เต๋าเป็นระดับ 2 ขั้นสูง
ฟู่เต๋า: ระดับ 2 ขั้นสูง [0/20000]
"ต้องใช้พลังง่านอีก 20,000 หน่วยเพื่ออัพเกรดต่อ ซึ่งไม่มากเกินไป!"
เย่ชูก็ตั้งตารอมาก ถ้าฟู่เต๋าไปถึงระดับแล้วจะเป็นอย่างไร?
หลังจากดูสักพักแล้วเย่ชูก็อัพเกรดต่อ
วิ้งวิ้งวิ้ง!
แสงสีดำส่องออกมาจากร่างของฟู่เต๋า
หลังจากนั้นรูปลักษณ์ของฟู่เต๋า ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ขนบนตัวของมันเริ่มนุ่มมากและสีของมันก็เริ่มเปลี่ยนไปจนกลายเป็นสีดำสนิท
แม้แต่ลำตัวก็สูงผิดปกติ ถ้ามันยืนตัวตรงน่าจะเกินสองเมตร
ขนสีดำบริสุทธิ์สะท้อนแสงแวววาวและเขี้ยวทั้งสองของมันเผยออกมา โดยไม่ได้แสดงความโกรธหรือการข่มขู่
เย่ชูมองดูแล้วก็รู้สึกมีความสุขทันที
ฟู่เต๋า: ระดับ 3 ขั้นต่ำ [0/100000]
สกิว: จมูกและหูไว, กรงเล็บ, คมเขี้ยวแห่งความตาย, เพลิงทมิฬล้างโลกา
…
พอฟู่เต๋าไปถึงระดับสามมันก็็็็็พกเมสได้ปลุกสกิวขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากที่ได้เห็นคุณสมบัติของทักษะนี้แล้วเย่ชู รู้สึกว่าพลังงานทั้งหมดที่ใช้ไปตอนนี้คุ้มค่า
เพลิงทมิฬล้างโลกา: [ปลดปล่อยเปลวไฟสีดำที่สามารถเผาไหม้ได้ทุกสรรพสิ่งบนโลก เวลาและพลังการเผาไหม้ขึ้นอยู่กับระดับของเป้าหมาย 】
“เจ้าตัวมันสืบสายเลือดมาจากอะไนกันแน่?” เย่ชูอดไม่ได้ที่จะแอบตกใจ
จากนั้นเย่ชูก็ดูค่าพลังงานที่เหลืออยู่
ตอนนี้เหลือเพียง 60,000 กว่าๆ
ถึงเวลาที่จะต้องอัพเกรดตัวเองแล้ว
โฮสต์:เย่ชู
ระดับ: ระดับ 1 ขั้นสูง [0/10000]
ร้านค้า: ซูเปอร์มาร์เก็ต, คลังแสงCF
สิทธิ์: ระดับ 2【5/100】
พลังงาน: 65,000
ภารกิจ: ทำการขายให้ได้พลังงาน 500,000 หน่วย ให้เสร็จสิ้นภายในหนึ่งเดือน รางวัลพลังงาน 100,000 หน่วย!"
ทันใดนั้นเย่ชู ก็ตระหนักได้ว่าความรู้สึกของการเป็นเศรษฐีใหม่ได้หายไปแล้ว
ฉันยังรู้สึกติดขัดเล็กน้อย
ค่าพลังงานมากกว่า 60,000 ...
เอาล่ะ ยกระดับตัวเองก่อน
ด้วยการใช้พลังงาน 10,000 หน่วย ระดับของเย่ชูก็เพิ่มขึ้นไประดับ 2 ขั้นต่ำ
ระดับ: ระดับ 2 ขั้นต่ำ [0/50000]
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เย่ชู ตกใจก็คือการอัพเกรดต่อไปต้อง
ใช้ถึง 50,000
แต่ตอนนี้เขาเหลือเพียง 50,000 เท่านั้น
อัพเกรดต่อไหม? หรืออัพเกรดสิทธิ์?
เย่ชูไม่คิดซ้ำสองและเลือกที่จะอัพเกรดสิทธิ์
ไม่มีความแตกต่างระหว่างระดับ 2 ขั้นต่ำกับระดับ 2 ขั้นกลาง
แม้ว่าจะมี AK47 ที่อยู่ในมือก็สามารถแก้ได้ทุกอย่าง
หากอัพเกรดสิทธิ๋เป็นระดับสามต้องใช้ 10,000
มันบังเอิญที่กระสุน AK ต้องใช้พลังงานเหมือนกัน พลังงานที่เหลือไว้ชื้อกระสุน
ไม่เช่นนั้นไพ่เด็ดที่จะไว้ช่วยชีวิตเขาก็จะหมดไป
“ติ๊ง! คุณต้องการอัพเกรดสิทธิ์ของคุณใช่หรือไม่?”
"ใช่!"
"การอัพเกรดสำเร็จ สิทธิ์ได้รับการอัพเกรดเป็นระดับที่สาม และร้านที่สามเปิดแล้ว ศาลาคัมภีร์ยุทธจินกู"
…
“จินกู...? ร้านนี่มันขายอะไร?” จู่ๆเย่ชู ก็ถามอย่างสงสัย
"ศาลาคัมภีร์ยุทธจินกู ครอบคลุมคัมภีร์ยุทธทั้งหมดในนิยายเรื่อง Jin Yong กับ Gu Long"(เป็นชื่อนิยายใครรู้ว่าเรื่องอะไรบอกที่ Gulong น่าจะเป็นเรื่องมีดบิน)
“OMG มันสุดยอดมาก!”
เดิมที คลังแสง CF นั้นเกินจินตนาการของเย่ชู
โดยไม่คาดคิด พออัพสิทธิ์ไปเป็นระดับสาม มันจะให้คัมภีร์ยุทธมา
เย่ ชูแทบรอไม่ไหว เขาพบว่าทางด้านซ้ายของซุปเปอร์มาร์เก็ตมีร้านค้าที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยสไตล์โบราณ มีแผ่นโลหะแขวนอยู่เหนือประตูเขียนว่า "ศาลาคัมภีร์ยุทธจินกู"
สิ่งที่เย่ชูไม่สามารถจินตนาการได้คือถ้าเขาต้องการอัพเกรดสิทธิ์เป็นระดับสี่ เขาต้องใช้พลังงานหนึ่งล้านหน่วย
ตัวเลขที่ก้าวกระโดดนี้ทำให้เย่ชูตื่นเต้นมากยิ่งขึ้นว่ามันจะมีร้านอะไรมาในอนาคต
ตอนนี้แม้แต่คัมภีร์ยุทธก็ออกแล้ว ในอนาคตจะมีของอะไรเทพๆกว่านี้อีกหรือไม่
“ติ๊ง! การอัพเกรดสิทธิ์เป็นระดับสาม ได้รับ [การวิเคราะห์ข้อมูลราคาตลาด]”
“ไว้ทำอะไร? มันทำอะไรได้?” เย่ชูถาม
“ระบบจะวิเคราะห์การขาดแคลนสินค้าภายในรัศมี 1,000 กิโล จากร้านค้าโดยอัตโนมัติหรือกรอกข้อมูลเพื่อขายสินค้าในร้านในราคาที่สูงได้”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เย่ชูก็เลิกคิ้ว: "นายหมายถึง ราคาสินค้ายังสามารถควบคุมได้?"
"ถูกตัอง!"
“ทำไมไม่บอกฉันก่อนหน้านี้” เย่ชูตบหน้าผาก ถ้ารู้แต่แรกเขาจะทำกำลังเพิ่มขึ้น 200%
“แจ้งเตือน: วัสดุทั้งหมดถูกควบคุมโดยตลาด หากเกินช่วงที่กำหนดจะได้รับผลกระทบ ในเวลานั้นระบบจะปรับขนาดค่าคอมมิชชันของโฮสต์ตามมูลค่าการซื้อขาย”
เย่ชูพยักหน้ารับทราบ
ทันใดนั้นเย่ชู ก็นึกถึงการแสดงออกของเหมิงหูกับภรรยาของเขา เช่นเดียวกับ เสี่ยวฮั่วและตู้ปิงเนียงเมื่อพวกเขาได้ยินราคาของอาวุธเหล่านี้
ราคาตั้งไว้ต่ำมากอย่างเห็นได้ชัด
แต่ทรัพยากรของระบบมีไม่มีที่สิ้นสุด
กำไรเล็กๆ น้อยๆ แต่การหมุนเวียนที่รวดเร็วก็เป็นวิธีที่ทำกำไรได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม หากปรับราคาให้เหมาะสมให้ใกล้เคียงกับราคาตลาด ไม่เพียงแต่จะสร้างรายได้มากขึ้น แต่จะไม่ทำลายสมดุลของตลาดอีกด้วย
การปรับราคาขึ้นไว้ภายหลัง
เย่ชูมองไปที่ศาลาคัมภีร์ยุทธจินกูแล้วเดินเข้าไป
มันไม่ใหญ่เท่ากับซุปเปอร์มาร์เก็ตและไม่ลึกเท่าคลังแสง
ศาลาคัมภีร์ยุทธจินกูมีขนาดเล็กมาก
มีเคาน์เตอร์ 2 ตู้ด้านซ้ายและขวา ด้านหลังเคาน์เตอร์มีตู้ทรงสูงคล้ายตู้ยาจีน
เพียงแต่ว่าสิ่งที่อยู่ข้างในไม่ใช่ยาจีนโบราณ แต่เป็นคัมภีร์ยุทธ
ทางด้านซ้ายเป็นของ Jin Yong และทางขวาเป็นของ Gu Long ต่างก็มีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง (ใครรู้ว่านิยายสองเรื่องนี้ชื่ออะไรบอกผมหน่อยนะครับ จะกลับมาแก้ให้)
เมื่อเทียบกัน เย่ชูคุ้นเคยมากที่สุดคือ Jin Yong
เช่น สิบแปดฝ่าพิชิตมังกร กระบวนท่าไม้เท้าตีสุนัข ฯลฯ ล้วนเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เขาคุ้นเคย
ในทางตรงกันข้าม เรื่อง Gu Long เขาไม่ค่อยคุ้นเคย
เดินเข้าไปในเคาน์เตอร์ทางด้านซ้าย เย่ชูมองไปที่ตู้ขนาดใหญ่ แต่ละตู้ถูกสลักชื่อวิชายุทธ
ในฐานะเจ้าของ เย่ชูสามารถฝึกฝนวิชายุทธทั้งหมด
แต่ก็แค่ฝึกได้ จะฝึกไปถึงขั้นสูงสุดหรือไม่นั้นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง
กระบวนการนี้ต้องจ่ายราคาที่แน่นอน
ตัวอย่างเช่น สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร เป็นวิชายุทธระดับสูง
คงฝึกให้สำเร็จไม่ได้หากปราศจากการฝึกฝนอย่างหนัก ยี่สิบหรือสามสิบปี
ดังนั้นปริมาณพลังงานที่ใช้ในการฝึกฝนจึงสูงมาก
แต่มันกลับเป็นความลับธรรมดาๆ
ตัวอย่างเช่น วิชาดาบฉวนเจิ้นและกายาเหล็กของเส้าหลินนั้นไม่ซับซ้อนในการฝึกฝนและไม่ใช้พลังงานมากนัก
เย่ชูมองไปที่ความสมดุลและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกหมดหนทาง