ตอนที่แล้วChapter 2: แทงหลัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 4: เสียงปืน

Chapter 3: สกิล


ฉินหรานแทงมีดลงไปที่แผ่นหลังของฝ่ายไล่ล่าอย่างแรงแต่กริชปักเข้าไปได้แค่ครึ่งทางเท่านั้น เลือดซึมออกมาจากบาดแผลในทันที

"อ๊าก!" ผู้ชายคนนั้นร้องลั่นและร่างก็ถลาไปข้างหน้า ฉินหรานพุ่งตัวตามไป มือซ้ายของเขากดลงไปบนมือขวาที่กำกริชไว้แรงกว่าเดิม เขากดลงไปด้วยแรงทั้งหมด แต่ว่ากริชดูจะไม่สามารถแทงเข้าลึกไปกว่านี้ได้

"โอ๊ย ไม่จริงน่า! มันติดกระดูก!" ฉินหรานรู้ตัวแล้วและถอนกริชออกมาตามสัญชาตญาณ เลือดสดอุ่น ๆ พุ่งออกมาและเปรอะไปทั่วไปหน้าทำให้เขามองไม่เห็น ครรลองสายตาถูกปิดกั้นชั่วคราว เขาตกใจและเริ่มใช้กริชกรีดไปมาเปะปะ

ชั่ววูบนี้เขาคิดแค่ว่าต้องไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตั้งหลักได้ ไม่อย่างนั้นคนที่ตายจะเป็นตัวเขาเอง เพราะคิดอย่างนี้ ฉินหรานจึงตวัดกริชไปมาเร็วขึ้น เสียงมีดเสียบผ่านเนื้อกลายเป็นเสียงเดียวในห้อง

หลังจากใช้กริชกรีดไปมามั่ว ๆ หลายครั้ง ฉินหรานก็ค่อย ๆ เข้าใจวิธีการใช้กริชที่ถูกต้อง ปาดคมมีดไปมามั่ว ๆ ก็แค่ทำให้เกิดบาดแผลใหม่ ๆ บนร่างเป้าหมาย เขาควรจะแทงลงไปมากกว่า ที่ต้องทำก็แค่เลี่ยงบริเวณกระดูกและมุ่งไปจุดที่อ่อนนุ่มก็คือตามกล้ามเนื้อและอวัยวะภายใน ร่างกายของเขาขยับเข้าหาเป้าหมายอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ช้าเขาก็ได้การมองเห็นบางส่วนกลับคืนมาและปรับวิธีการจับกริช เขาพบว่าถ้าเขาใช้ศอกถูกวิธี กริชจะพุ่งไปข้างหน้าราวกับติดสปริง

ฉัวะ!

กริชทั้งเล่มแทงลึกเข้าไปที่ช่องอกของฝ่ายไล่ล่า ผู้ชายคนนั้นที่กำลังจะโต้กลับด้วยมีดทำครัวในมือล้มลง เขามองไปที่หน้าอกของตัวเองและกริชที่แทงลึกเข้าไปด้านในอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง จนตาย ฝ่ายไล่ล่าก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนที่ดูไร้พิษสงถึงกลายมาเป็นนักฆ่าได้ในเวลาแค่พริบตาเดียว

ฉินหรานเองก็รู้สึกแบบเดียวกัน เขารู้สึกมึนงงไปเลย พอมองไปยังผู้ชายที่นอนตายอยู่ กลิ่นคาวเลือดจากคนผู้นั้นก็บอกให้รู้ว่าเขาเพิ่งทำอะไรลงไป การเผชิญหน้ากับศพที่ดูเหมือนจริงมาก ๆ กับเลือดสีแดงสดกระตุ้นประสาทสัมผัสของเขา ความจริงที่ว่าเขาเพิ่งฆ่าคนตายด้วยมือตัวเองทำให้กระเพาะอาหารของเขาปั่นป่วนและอาเจียนออกมา

พออาเจียนจนหมดเขาก็ล้มลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาและน้ำมูกที่เปรอะหน้าทำให้เขาดูโง่เง่ากระเซอะกระเซิง

"นายเสร็จเรื่องแล้วหรือยัง?" เสียงแหบ ๆ ที่ดังขึ้นข้างหูทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมาตามสัญชาตญาณ

เขามองเห็นใบหน้าหนึ่งที่เปื้อนไปด้วยเขม่าและฝุ่น ดวงตาสีเทาของผู้หญิงคนนั้นเย็นชาและตื่นตัว "ผม..."

"ของที่ลูทได้เป็นของนาย ฉันไม่แย่ง"

ฉินหรานอยากจะพูดอะไรสักหน่อยแต่เธอตัดบท เธอแนบตัวเองเข้ากับกำแพงและค่อย ๆ ขยับไปทางประตูช้า ๆ สายตาจับจ้องอยู่ที่ฉินหราน เธอไม่เชื่อใจเขา เธอจะไม่ยอมลดการระมัดระวังตัวลง ฉินหรานมองท่าทางของเธอแล้วก็คิดอะไรขึ้นมาได้ และความคิดนั้นก็หยุดเขาไม่ให้พูดหรือทำอะไรอีก เขาเกรงว่าเธอจะเข้าใจผิดและก่อให้เกิดปัญหาที่เขาไม่ต้องการ ฉินหรานปล่อยให้เธอพ้นไปจากสายตาเงียบ ๆ เมื่อเธอหายลับไปแล้ว เขาก็รู้สึกโล่งใจและค่อย ๆ ใช้มือยันตัวลุกขึ้นยืน

"เธอดูเย็นชา แต่ใจดีแฮะ!" ฉินหรานอุทานพร้อมถอนหายใจ แม้จะไร้ซึ่งกฎและระเบียบแล้วแต่เธอก็ยังไม่เอารัดเอาเปรียบเขา เธออาจจะดูเย็นชาและขี้ระแวงแต่ก็นับได้ว่าเป็นคนดีและเธอก็ดีกว่าไอ้โจรนี่อย่างน้อยก็สิบเท่า

ฉินหรานเปิดหน้าต่างระบบ

[สกิลที่ได้รับ: อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน)]

มันคือทักษะที่เปลี่ยนเขาจากมือใหม่สุด ๆ ไปเป็นผู้ใช้กริชที่มีทักษะสูงที่สามารถสังหารศัตรูได้ภายในการลงมือครั้งเดียว

ฉินหรานมีข้อสงสัยในหน้าต่างสกิลจึงตัดสินใจตรวจดูบันทึกการต่อสู้

[แทง: ก่อความเสียหาย 15 แต้มแก่คู่ต่อสู้...]

[เฉือน: ก่อความเสียหาย 3 แต้มแก่คู่ต่อสู้...]

[เฉือน: ก่อความเสียหาย 2 แต้มแก่คู่ต่อสู้, เลือดออก...]

...

[จู่โจมสำเร็จ 3 ครั้ง ได้รับสกิล: อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน)]

[แทง: โจมตีถึงตาย ก่อความเสียหาย 80 แต้มแก่คู่ต่อสู้ (อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน) 40x2), คู่ต่อสู้เสียชีวิต...]

(หมายเหตุ: โจมตีจุดอ่อน = ความเสียหายที่แท้จริง x2)

"ลงมือสำเร็จครบ 3 ครั้ง?" ฉินหรานพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะพลิกดูหน้าต่างสกิล

ก่อนหน้านี้มันเคยว่างเปล่า แต่ตอนนี้มีสกิลเติมเข้ามาที่ช่องแรก เขียนไว้ว่า [อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน)]

ฉินหรานตั้งใจอ่านส่วนอธิบายสกิลซึ่งเขามองเห็นคนเดียว

[ชื่อ: อาวุธมีคม (กริช) (พื้นฐาน)]

[ค่าสถานะที่เกี่ยวข้อง: พลังโจมตี, ความคล่องแคล่ว, พลังป้องกัน]

[ชนิดสกิล: โจมตี]

[การเสริมสถานะพิเศษ: ผู้ใช้กริช, เพิ่มความเสียหาย 10%]

[เงื่อนไขเรียกใช้: กำลังกาย]

[เงื่อนไขการเรียนรู้: พลังโจมตี F-, ความคล่องแคล่ว F, พลังป้องกัน F]

[หมายเหตุ: นี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น อย่ากดดันตัวเอง!]

"เพิ่มความเสียหาย 10%" ฉินหรานมองดูคำอธิบายและเปรียบเทียบกับบันทึกการต่อสู้ก่อนหน้านี้ในใจ จากนั้นเขาก็ขยับเข้าไปทางร่างของชายคนนั้นอย่างรวดเร็วและดึงเอากริชที่จมลึกในช่องอกของเขาออกมา

เมื่อฉินหรานถือกริชเอาไว้ในมือ ความรู้สึกคุ้นเคยก็แผ่ออกมาจากส่วนลึกของใจ และเขาก็แทงกริชลงไปอีกครั้ง มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้ฝึกซ้อมท่านี้มาเป็นพันครั้ง หรืออาจจะหมื่นครั้ง เสียงโลหะแทงผ่านอากาศดังชัดเจนในห้องที่เงียบสงัดนี้

ฉินหรานสามารถแทงเข้าไปในหน้าอกของศัตรูในจินตนาการตรงหน้าได้อย่างแม่นยำโดยที่มือไม่สั่นเลยสักนิด ประสบการณ์การแทงทั้งหมดนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากตอนต่อสู้ที่พรากชีวิตของชายคนนี้ไปเลย เขาแม่นยำ รวดเร็ว และไม่ปรานี

"นี่แค่ 10% เหรอ? และฉันก็ได้สกิลนี้มาเพราะว่าจู่โจมสำเร็จสามครั้ง?" ฉินหรานพึมพำไม่ปะติดปะต่อ

เขายังไม่ค่อยเข้าใจในส่วนนี้เท่าไหร่ มันยากที่จะจินตนาการว่าการโจมตีที่ก่อความเสียหายเพิ่มขึ้นแค่สิบเปอร์เซ็นต์จะให้ผลลัพธ์ที่แตกต่างกันขนาดนี้ การเพิ่มพลังโจมตีขึ้นสิบเปอร์เซ็นต์นั้นมอบพลังโจมตี ความคล่องแคล่ว และประสบการณ์รวมกัน ซึ่งไม่สามารถได้มาหากไม่ฝึกซ้อมเป็นระยะเวลานาน เขาแค่โจมตีสำเร็จ 3 ครั้ง ก็เอาชนะคนที่ฝึกซ้อมมาหลายปีไดี

ฉินหรานไม่ได้คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์หรือว่าเป็นอัจฉริยะ แต่แม้จะอยู่ในสถานการณ์เดียวกันนี้ อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์ก็ยังไม่สามารถทำได้ขนาดนี้ ฉินหรานตรึกตรอง จากนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง

"คำใบ้นั่น!"

เขาจำคำใบ้ที่ได้รับมาตอนที่เพิ่งเข้าเกมได้ เขารีบมองหาในบันทึกของระบบ

[ภารกิจหลัก: มีชีวิตรอด 7 วัน, 0/7]

[ภารกิจรอง (ไม่บังคับ): ช่วยเหลือชาวเมืองจนสงครามสงบ การประเมินสุดท้ายจะสูงขึ้นตามจำนวนชาวเมืองที่ช่วยไว้ได้]

(คำใบ้: ดันเจี้ยนของผู้เริ่มต้นถือเป็นโอกาสทองของผู้เล่นทุกคน)

คำใบ้ของเกมบอกไว้ชัดเจนใต้ภารกิจหลักและภารกิจรอง เขาหยุดที่คำว่า “โอกาสทอง” เขาหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่งแล้วผ่อนลมหายใจออก

"แม้ว่าเกมจะมีความเหมือนจริงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แต่กฎบางอย่างก็ยังมีอยู่ ระบบจะไม่ปล่อยให้มือใหม่ต้องเริ่มต้นในสถานการณ์ที่อันตรายร้ายแรง แต่ค่อย ๆ เพิ่มความยากขึ้น ตราบเท่าที่โอกาสที่ปรากฏขึ้นถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ก็จะสามารถข้ามผ่านอุปสรรคและอันตรายทั้งหมดนั่นได้แน่นอน” ฉินหรานคิดกับตัวเอง

แต่ว่าหลังจากลองคิดดูแล้ว เขาก็ขมวดคิ้วให้กับข้อสรุปที่ได้ เขาสงสัยว่า แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาถ้าหากว่าเขาไม่ได้ค้นศพที่เจออย่างละเอียดจนได้อาวุธมาอยู่ในครอบครอง ความเป็นไปได้นี้ทำให้เขารู้สึกกลัว

"เพราะอย่างนี้ เกมใต้ดินนี่ถึงมีผู้เล่นรุ่นทดลองรอดชีวิตกันแค่สิบเปอร์เซ็นต์... ฉันเดาว่าผู้เล่นจำนวนมากคงเสียชีวิตตั้งแต่ต้นเกมเพราะประมาทและไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์"

ความคิดนี้คืบคลานเข้ามาในสมองของฉินหรานขณะที่เขาหันไปมองศพตรงหน้าอีกครั้ง ใบหน้าของเขาดูจริงจังมาก ตอนที่เขาอ่านบันทึกการต่อสู้ จนกระทั่งเขาฆ่าฝ่ายไล่ล่าแล้วก็ยังไม่มีการพูดถึงค่าประสบการณ์ (XP) หรือแถบสะสมค่าประสบการณ์เลย แต่เขาได้รับสกิลที่ระบุไว้ว่าเป็นระดับพื้นฐาน วัดจากประสบการณ์การเล่นเกมออนไลน์ครั้งก่อน ๆ ของเขา นี่เป็นการเลื่อนระดับตามดันเจี้ยน เขาจะไม่ได้ค่าประสบการณ์อะไรเลยขณะที่กำลังตะลุยดันเจี้ยนจนกว่าเขา 'ผ่าน' ดันเจี้ยนได้ นั่นก็คือเขาจะได้รับการประเมินความสามารถ การประเมินน่าจะวัดจากของที่เขาเก็บมาได้กับการพัฒนาของตัวละคร แต่ทำอย่างไรเขาถึงจะได้รับการประเมินเป็นระดับสูง ๆ ล่ะ?

หากไม่นับเงื่อนไขภารกิจของภารกิจหลักเองแล้ว อย่างอื่นก็ขึ้นกับผลงานในเกมของเขา จากที่เขาเข้าใจ เกมมักจะต้องการให้ผู้เล่นฆ่ามอนสเตอร์, หาของ, หาสมบัติ และอย่างอื่น ๆ แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังรู้เรื่องภารกิจรองไม่มาก แต่เขาก็คุ้นเคยกิจวัตรทั่วไปของการเล่นเกมเป็นอย่างยิ่ง ฆ่ามอนสเตอร์ เก็บเกี่ยวอุปกรณ์ เงิน และอื่น ๆ

อย่างไรเสีย เขาก็ค้นศพมาแล้วครั้งหนึ่ง และตอนนี้ก็มีอีกศพอยู่ตรงหน้า ศพที่เขาเพิ่งฆ่าไปด้วยตัวเอง กลิ่นเลือดรุนแรงยังคงอวลติดอยู่ในจมูกของเขา แม้ว่าจะเพิ่งฆ่าคนไป ฉินหรานก็ยังรู้สึกสะอิดสะเอียนกับกลิ่นคาวเลือด แต่ค่อย ๆ รู้สึกชินขึ้น อย่างน้อยที่สุดคราวนี้ก็ไม่อาเจียนแล้ว และใจก็หวาดกลัวและตื่นตระหนกน้อยลง

อย่างแรกที่ฉินหรานหยิบขึ้นมาคือมีดในมือของศพ

[ชื่อ: มีดทำครัว (Butcher Knife)]

[ชนิด: อาวุธมีคม]

[สภาพ: เสียหาย]

[พลังโจมตี: เบา]

[คุณสมบัติ: ไม่มี]

[การเสริมสถานะพิเศษ: ไม่มี]

[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]

[หมายเหตุ: มีดธรรมดาในครัวเรือนสำหรับใช้หั่นผัก... หรือหั่นมือใครบางคนด้วย]

ทันทีที่ฉินหรานหยิบมีดขึ้นมา ข้อมูลก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา หลังจากอ่านดูแล้วเขาก็เก็บมีดลงไปในกระเป๋าสะพายหลังและค้นต่อ ไม่ช้าเขาก็ค้นพบอย่างอื่นอีก

.

.

.

.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด