ตอนที่ 7 : วิธีที่แรนช์ใช้ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
เข็มนาฬิการุ่นคุณปู่ในห้องอ่านหนังสือเดินไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ได้ยินเสียงฟันเฟืองดังออกมาอย่างชัดเจน
ตรงมุมห้องมีชั้นหนังสือโบราณที่แกะสลักจากไม้กฤษณาส่งกลิ่นหอมออกมาจางๆ
ขณะมองดูตะเกียงเวทมนตร์บนโต๊ะปล่อยแสงสีเหลืองอำพันอ่อนๆ ออกมา โนอาห์ก็ถอดแว่นตาออก หลับตาลง จากน้อยก็ค่อยๆ ผ่อนคลายหัวคิ้ว
ไม่ว่าแรนช์จะเสแสร้งหรือไม่ก็ตาม อย่างน้อยท่าทางที่ผ่อนคลายของแรนช์ก็ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ
“แต่ท่านพ่อ ก่อนการสอบจะเริ่มผมต้องการใช้เงิน ท่านแน่ใจใช่ไหมว่าผมจะมีเงินให้ใช้เพียงพอในช่วงสามเดือนหลังจากนี้?”
เมื่อโนอาห์คิดว่าแรนช์กำลังจะจากไป คำพูดของแรนช์ก็ทำให้เขาต้องลืมตาขึ้นอีกครั้ง
“แกจะใช้ทำอะไร”
โนอาห์ถามอย่างตื่นตระหนก
ดูเหมือนว่าแรนช์ต้องการจะหลอกเอาเงินให้ได้มากที่สุดก่อนการสอบจะเริ่ม อีกฝ่ายคงคิดว่าเขาจะยอมตามใจ
“การสร้างการ์ดเวทมนตร์ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากในการซื้อวัตถุดิบ และผมก็จำเป็นต้องจ้างอาจารย์ที่เหมาะสมด้วย”
สีหน้าและน้ำเสียงของแรนช์ยังคงสงบมาก
ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้โกหกเลย
ซึ่งคำพูดของเขาก็เป็นความจริง
เพราะหลังจากที่เขาอ่านประมวลกฎหมายเสร็จแล้ว เขาจะเริ่มศึกษาการ์ดเวทมนตร์ทันที
“แกสร้างการ์ดเวทมนตร์ได้งั้นเหรอ?”
โนอาห์ถามด้วยความประหลาดใจ
ครั้งนี้แรนช์ไม่ได้ตอบกลับทันที
อันที่จริงแล้วเขายังไม่รู้วิธีสร้างมันด้วยซ้ำ
เขาต้องการใช้คำพูดที่สมบูรณ์แบบเพื่อทำให้พ่อของเขาไว้วางใจและเชื่อในตัวเขาอย่างสุดหัวใจ
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้เอง
“นายท่าน ผมขอรับประกันว่านายน้อยจะต้องสร้างการ์ดเวทมนตร์ที่ยอดเยี่ยมได้อย่างแน่นอน”
พ่อบ้านที่ยืนอยู่ด้านหลังโนอาห์พูดขึ้น
เขาโค้งตัวลงเล็กน้อยพลางพูดข้างๆ โนอาห์
“ถ้าท่านได้เห็นภาพวาดในห้องของนายน้อย ท่านจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับนายน้อยอีกต่อไป”
“โอ้?”
โนอาห์หันศีรษะพร้อมกับมองไปยังพ่อบ้านหลังจากได้ยินเช่นนี้
เขารู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของพ่อบ้านมาก และไม่นานก็ตระหนักว่าเขาถูกทำให้ประหลาดใจอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็มองไปที่แรนช์ด้วยความสนใจอย่างมาก:
“แรนช์ แกเริ่มกลับมาวาดภาพอีกครั้งแล้วงั้นเหรอ ถ้าฮานส์ถึงกับออกปากยกย่องแกขนาดนี้ ก็แสดงว่ามันคงเป็นภาพวาดที่ค่อนข้างดี”
ฮานส์เป็นชื่อของพ่อบ้าน แต่เจ้าของร่างคนก่อนไม่ค่อยเรียกเขาด้วยชื่อจริงสักเท่าไหร่ เขาจึงติดนิสัยมาจากเจ้าของร่างคนก่อนและมักจะใช้คำว่า “มิสเตอร์” เท่านั้นเมื่อเวลาที่สื่อสารกับพ่อบ้าน
“มันไม่ใช่แค่นั้น…”
พ่อบ้านยิ้มพลางส่ายหัว
เห็นได้ชัดว่านายท่านไม่ได้ตระหนักว่าภาพวาดของนายน้อยนั้นไปถึงระดับใดแล้ว..
ไม่ว่าใครก็สามารถตระหนักได้ว่าน้ำเสียงของโนอาห์เมื่อสักครู่นั้นคือการชมเชยเด็กๆ
“ฮานส์ดูแลผมอย่างดีมาโดยตลอด แต่เขาก็พูดเกินไป”
แรนช์เพียงเม้มริมฝีปากของเขาเบาๆ ขัดจังหวะพ่อบ้านก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดจบ
ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้โนอาห์เห็นภาพของทาเลียที่แขวนอยู่ในห้องนอนของเขาเด็ดขาด
ไม่อย่างนั้น ถ้าโนอาห์ได้พบกับทาเลียโดยบังเอิญตอนอยู่ในเมือง ก็อาจมีเรื่องเข้าใจผิดที่น่าหัวเราะเกิดขึ้นได้
“นั่นสินะ”
เมื่อโนอาห์ได้ยินดังนั้นเขาก็ไม่ได้คิดจริงจังอะไร
สิ่งเดียวที่ทำให้โนอาห์ประหลาดใจก็คือความอ่อนน้อมถ่อมตนของแรนช์
โดยทั่วไปแล้วแรนช์น่าจะใช้โอกาสนี้โอ้อวดความสามารถของเขาและพยายามขอเงินเพิ่ม
หลังจากได้ยินคำพูดของแรนช์แล้ว พ่อบ้านก็ไม่มีความตั้งใจที่จะพูดอีกต่อไป
เขาเพียงยิ้มเบาๆ และถอยกลับไปข้างหลังโนอาห์
“เอาล่ะ พ่อหวังว่าแกจะผ่านการทดสอบของสถาบันนักเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างราบรื่น ฮานส์…”
โนอาห์ถอนหายใจพร้อมกับพูดให้กำลังใจแรนช์พอเป็นพิธี จากนั้นจึงสั่งให้พ่อบ้านฮานส์จัดหาเงินให้แรนช์ตามที่เขาต้องการ
เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของพ่อบ้านและทัศนคติที่ดีของแรนช์ในวันนี้ จึงทำให้โนอาห์ยอมตกลงกับคำขอของแรนช์อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม สำหรับเจ้าลูกชายโง่เง่าคนนี้มันก็ยังถือเป็นเงินจำนวนมากอยู่ดี
เขาหวังว่าอีกฝ่ายจะสำนึกได้ในเร็ววัน คงได้แต่ขอให้พระเจ้าช่วยอวยพรเขา
จะเป็นเรื่องดีขนาดไหนถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่เขาเสแสร้งแกล้งทำ แต่เป็นคนสงบ อ่อนน้อมถ่อมตน และเป็นคนสุภาพอย่างแท้จริง
…
เมื่อค่ำคืนมืดลง โคมไฟติดผนังในทางเดินอันกว้างขวางบนชั้นสองของคฤหาสน์ก็สว่างขึ้นเล็กน้อย ทำให้ทั้งคฤหาสน์จมอยู่ในความเงียบและสงบ
คนรับใช้ส่วนใหญ่ในคฤหาสน์ต่างก็ทำงานของวันนี้เสร็จและพากันกลับไปพักผ่อนแล้ว
แน่นอนว่ายังมีคนรับใช้บางส่วนที่ยังไม่เลิกงาน
ทันทีที่แรนช์เปิดประตูห้องอ่านหนังสือ เขาก็เห็นสาวใช้ยืนรออยู่ข้างนอก —
สาวใช้ผู้เอาใจใส่และกลัวเขาน้อยกว่าสาวใช้คนอื่นๆ ผู้นี้มีชื่อว่าแฟรนซีน
แรนช์พบว่ามีแค่เธอและพ่อบ้านเท่านั้นที่ดูเหมือนจะยินดีคอยรับใช้เขาอย่างจริงใจ
หลังจากกล่าวทักทายตามมารยาทแล้ว
“นายน้อย ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่ไหมคะ”
แฟรนซีนเดินตามแรนช์ที่กำลังเดินออกจากห้องอ่านหนังสือด้วยความกังวล พลางเอ่ยขึ้นเบาๆ ที่ด้านข้างเขา
เมื่อสักครู่เธอได้ยินการสนทนาในห้องอ่านหนังสือ และเธอก็รู้ดีว่าก่อนหน้านี้แรนช์ใช้ชีวิตยังไง
การสอบเข้าสถาบันนักเล่นแร่แปรธาตุเป็นการสอบข้อเขียนที่รวมการสอบหลายวิชาเข้าไว้ด้วยกัน เช่น เลขคณิตของอาณาจักร การปรุงยา การแปรรูปวัตถุดิบ พื้นฐานของวิศวกรรมเวทมนตร์ หลักการเล่นแร่แปรธาตุ เป็นต้น
แม้ว่าแรนช์จะใช้เงินเพื่อจ้างอาจารย์ที่เก่งที่สุดมาสอนตอนนี้ แต่มันก็สายเกินไปที่จะเริ่มเรียนรู้ด้วยความสิ้นหวัง
“มันก็แค่การสอบเข้า”
แรนช์หัวเราะเบาๆ พลางหลับตาลง สีหน้าที่ดูสงบของเขาดูเหมือนจะไม่สนใจความยากของการสอบเลยแม้แต่นิด และเขาก็ไม่มีความตั้งใจที่จะทบทวนบทเรียนอย่างบ้าคลั่ง
“เอ่อ…”
เมื่อได้เห็นเช่นนี้ แฟรนซีนก็ถึงกับสงสัยว่าหลังจากนี้แรนช์อาจจะยอมแพ้แล้วจริงๆ และเขาคงกำลังเผชิญกับงานรื่นเริงครั้งสุดท้าย
แต่เธอก็รู้เช่นกันว่าถึงแม้แรนช์จะล้มเหลวในการเข้ามหาวิทยาลัย ถึงเขาจะไม่กลับบ้านและต้องถูกด่า หรือแม้กระทั่งต้องลดตัวกลายเป็นคนเร่ร่อนในเมืองหลวง
นายน้อยก็สามารถหางานทำในเมืองหลวงได้อย่างง่ายดาย
เพราะเขาสามารถทำเงินได้มากมายเพียงแค่ขายภาพวาด
“ไม่ต้องกังวล คืนนี้ฉันจะศึกษาเรื่องกฎการสอบอย่างละเอียด”
แรนช์สัมผัสได้ถึงความกังวลของสาวใช้ เขายิ้มอย่างเคร่งขรึมและเสริมด้วยความมั่นใจ ดวงตาของเขาคมชัดราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับการสอบกฎหมาย
“เยี่ยมเลย…”
“เอ๊ะ.. กฎการสอบงั้นเหรอ?”
แฟรนซีนตกใจ
เธอรู้สึกว่าคำพูดของแรนช์มีบางอย่างผิดปกติ
แม้ว่าการอ่านข้อควรระวังอย่างรอบคอบก่อนเข้าสอบจะเป็นนิสัยที่ดี...
แต่กฎการสอบเข้าของสถาบันนักเล่นแร่แปรธาตุมีอะไรให้น่าศึกษากัน?
ไม่นานหลังจากกล่าวคำอำลา แรนช์ก็เร่งฝีเท้าไปที่ห้องนอน ปล่อยให้สาวใช้ทำหน้าสับสนและมึนงงอยู่ที่โถงทางเดิน
...
กลับห้องนอนแล้วปิดประตู
แรนช์เจอหนังสืออ้างอิงการรับเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์ตรงชั้นหนังสือ
เขาเดินมาที่โต๊ะ ดึงเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลงอย่างสบายๆ หยิบปากกาขึ้นมาช้าๆ พลางจ้องไปที่หนังสือในมือ จากนั้นก็วางแผนกำหนดการสำหรับอีกสามเดือนข้างหน้า
เขาจริงจังกับการสอบเข้าครั้งนี้มาก
เขาสัญญากับพ่อไว้ว่าจะสอบเข้าให้สำเร็จ
แต่ไม่ได้บอกว่าอยากจะสอบเข้าสาขาไหน
“ถึงแม้ในชีวิตก่อนฉันจะไม่เคยเป็นนักสู้ ฉันก็แค่ชอบการต่อสู้เท่านั้น… แต่ถ้าฉันต้องลงมือจริงๆ ตราบใดที่ฉันพร้อม ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้ใคร”
แรนช์พึมพำกับตัวเองขณะที่เขาพลิกดูหนังสืออ้างอิงการรับเข้าเรียนของมหาวิทยาลัยไอเซอร์ไรต์
มหาวิทยาลัยแห่งนี้ประกอบด้วยสถาบันนักเล่นแร่แปรธาตุและสถาบันวิศวกรรมเวทมนตร์ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การวิจัยเชิงทฤษฎีและการสนับสนุนของกองหนุน และก็เป็นเรื่องยากที่จะสอบผ่านได้ในเวลาอันสั้น
แน่นอนว่ายังมีสถาบันนักปราชญ์และสถาบันอัศวินที่เน้นไปที่การต่อสู้โดยตรงและการใช้ยุทธวิธีมากกว่า
วิธีการของแรนช์นั้นง่ายมาก
นั่นก็คือ รอให้ถึงทางโค้งของการสอบเข้า
เมื่อถึงเวลาเขาสามารถเปลี่ยนสถาบันการศึกษาที่เขาสมัครไว้ จากสถาบันนักเล่นแร่แปรธาตุไปเป็นสถาบันอื่นได้
แม้ว่าการสอบเข้าหลักๆ ของทั้งสองสถาบันอย่างนักปราชญ์และอัศวินจะมุ่งเน้นไปที่การต่อสู้จริง ซึ่งแตกต่างกันอย่างมาก แต่ประเด็นหลักของการสอบเข้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคือความสามารถในการปรับตัว ลักษณะนิสัยและอารมณ์ของผู้เข้าสอบ รวมถึงความสามารถในการรบเชิงปฏิบัติ
สิ่งนี้มีความเกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดกับ “โลกแห่งภาพฉาย” ซึ่งถือเป็นดันเจี้ยนที่ยากที่สุดในโลก
อีกสามเดือนข้างหน้า
ตราบใดที่เขาสามารถสร้างการ์ดเวทมนตร์หลักที่มี “คุณลักษณะของแรนช์” ได้สำเร็จ เขาก็สามารถซื้อการ์ดเวทมนตร์สองสามใบที่สามารถหาได้ทั่วไปตามท้องตลาดเพื่อเข้าร่วมการสอบ
แรนช์ไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สามารถตบตาผู้นำทุกคนของมหาวิทยาลัยได้!
(จบตอน)