ตอนที่ 2 : ทำไมทาเลียถึงดูเปล่งประกาย?
หลังมื้ออาหารเช้าจบแรนช์ก็ไปพบพ่อบ้านทันที
มิสเตอร์พ่อบ้านกำลังรออยู่ด้านนอกห้องอาหาร เขายิ้มให้กับชายหนุ่มที่จู่ๆ ก็มาหาเขา
“นายน้อย วันนี้ท่านคงมีเรื่องให้อารมณ์ดีใช่ไหม”
เสียงของชายคนนั้นทุ้มมาก เหมือนกับพ่อแก่ๆ ที่เป็นห่วงเป็นใยลูกชาย
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของพ่อบ้าน แรนช์กลับรู้สึกหนาวสั่นไปทั่วทั้งร่างกาย
ในความทรงจำของเจ้าของร่างคนก่อน พ่อบ้านเป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุดในคฤหาสน์ และก็เป็นคนที่คอยดูแลเขาเป็นประจำ
แต่แรนช์ค้นพบว่าเจ้าของร่างคนก่อนไม่รู้เลยว่าพ่อบ้านที่เหมือนเสือยิ้มคนนี้ อันที่จริงก็เป็นคนที่อันตรายที่สุดในคฤหาสน์เช่นกัน
เช่นเดียวกับตอนนี้ มิสเตอร์พ่อบ้านคงกำลังแสดงรอยยิ้มปลอมๆ 100% เขากำลังเผชิญหน้ากับนายน้อยผู้ชั่วร้ายที่ทุกคนในคฤหาสน์หวาดกลัวและแม้กระทั่งรังเกียจอย่างใจเย็น
“ไม่มีอะไร ผมแค่มีเรื่องจะถามคุณ”
แรนช์พูดอย่างใจเย็น
“ท่านถามมาได้เลย”
“มันเป็นเรื่องนกพิราบที่ผมนำกลับมาเมื่อวานนี้ ผมเพิ่งนึกได้ว่ามันอาจจะเป็นผู้ส่งสารของใครสักคน ถ้าเป็นของบุคคลสูงศักดิ์ ผมเกรงว่ามันอาจจะสร้างปัญหาให้ตระกูลของเรา ผมเลยอยากจะ… วานให้คุณช่วยค้นหาทุกคนที่อาจรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้หน่อย”
“โอ้?”
คำพูดของแรนช์ทำให้พ่อบ้านประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
ดูเหมือนเขาจะสังเกตแรนช์อย่างระมัดระวังอยู่ครู่หนึ่ง
นายน้อยคนนี้กังวลเรื่องที่จะเกิดขึ้นกับตระกูลงั้นเหรอ? มันเป็นความตั้งใจที่จู่ๆ ก็เกิดขึ้นหรือว่าเขากำลังเผชิญกับปัญหาบางอย่างอยู่
อย่างไรก็ตาม พ่อบ้านไม่ได้ตั้งใจจะซักถามคำถามใดๆ อีกต่อไป เขาโค้งคำนับแรนช์เล็กน้อยแล้วพูดว่า “ผมจะจัดการให้ท่านเอง”
“นอกจากนี้ ผมยังต้องการขอให้คุณช่วยตามหาใครสักคนให้หน่อย”
“ได้โปรดบรรยายลักษณะด้วย”
“เธอเป็นผู้หญิงที่อายุพอๆ กับผม มีผมสีเทา ตาสีทอง เธอน่าจะสวมเสื้อคลุมโทรมๆ สีเทาเข้ม ลักษณะเหมือนกับผู้ลี้ภัย แต่อย่าให้เธอรู้ว่าผมกำลังตามหาเธอ”
แรนช์กล่าวขณะทำท่าทางประกอบ
ส่งผลให้พ่อบ้านอดไม่ได้ที่จะมีสีหน้ากระอักกระอ่วน
“ผมจะพยายามอย่างเต็มที่ แต่นายน้อย ท่านต้องรู้ว่าเมืองชายแดนแห่งนี้ใหญ่ขนาดไหน ผมรับประกันไม่ได้ว่าจะตามหาเธอเจออย่างรวดเร็ว... แน่นอน ถ้าท่านให้ลักษณะเฉพาะเจาะจงของเธอที่แม่นยำยิ่งกว่านี้ได้ ผมน่าจะหลีกเลี่ยงขั้นตอนการค้นหาและคัดกรองได้มาก”
“แบบนี้นี่เอง… ถ้าผมวาดภาพเธอให้คุณได้ จะใช้เวลาในการค้นหานานแค่ไหน?”
“ถ้าเป็นคนที่ผมเคยเห็นกับตา ผมรับรองได้ว่าภายในหนึ่งวันผมสามารถหาใครก็ได้ในเมืองนี้เจอ”
พ่อบ้านยิ้มอีกครั้ง
เขาจำได้ว่าแรนช์สามารถวาดภาพได้จริงๆ แต่เนื่องจากพ่อแม่ของเขาปล่อยปละละเลยเกินไป เขาจึงไม่ค่อยได้เห็นแรนช์วาดภาพมานานแล้ว
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมานิสัยของนายน้อยก็ค่อยๆ แย่ลง
“ถ้างั้นคุณไปช่วยผมหาพยานก่อน เดี๋ยวผมจะวาดภาพเธอให้เสร็จก่อนที่คุณจะกลับมา”
แรนช์พยักหน้า
“เอาล่ะ นายน้อย ผมขอตัวก่อน แต่ท่านอย่าลืมว่าต้องวาดอย่างระมัดระวัง ผมจะช่วยท่านทำงานแรกให้เสร็จก่อนเที่ยง”
พ่อบ้านยิ้ม ยกมือไพล่หลังแล้วเดินไปทางห้องครัว ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมย้ำอีกที
“ไม่ต้องกังวล”
สิ่งที่แรนช์ถนัดที่สุดก็คือการวาดภาพ
เขายังสามารถวาดภาพทาเลียในขณะที่หลับตาได้
เขารับประกันได้เลยว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถวาดภาพทาเลียได้ดีกว่าเขา
แรนช์ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าเจ้าของร่างคนก่อนจะสร้างปัญหาไว้ แต่โชคดีที่ตอนนี้ยังมีพื้นที่ให้แก้ไข
ถึงการปกปิดหลักฐานจะไม่ช่วยอะไร แต่มันก็ทำให้เจ้าหญิงปีศาจทาเลียค้นหาความจริงได้ยากขึ้น
เท่าที่แรนช์รู้ ทาเลียมีเวทมนตร์ที่สามารถมองผ่านการโกหกได้ ตราบใดที่เธอใช้ความพยายามเพียงนิดหน่อยก็ไม่มีอะไรที่เธอไม่สามารถค้นพบ
และตามอุปนิสัยตัวละครแล้ว ทาเลียเป็นบุคคลที่แสนจะอาฆาตพยาบาทมาก
เมื่อเธอรู้ตัวคนที่ล่าผู้ส่งสารของเธอ แม้ว่าเธอจะปฏิบัติต่อเขาอย่างใจดีและอดกลั้นไว้ชั่วคราว เธอก็จะกลับมาพร้อมกับการแก้แค้นอย่างแน่นอนเมื่อเธอแข็งแกร่งขึ้น
เพื่อแก้ปัญหาความเกลียดชังของทาเลีย มีแต่เขาต้องเผชิญหน้ากับทาเลียด้วยตัวเองเท่านั้น
แต่ตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องวาดภาพให้เสร็จก่อนเที่ยง
...
เมื่อแรนช์ขึ้นมาถึงชั้นสอง เขาก็เห็นสาวใช้คนที่ปลุกเขาในตอนเช้าด้วยท่าทางหวาดกลัวเล็กน้อย
“ดิฉันจะรีบเตรียมมันให้ท่านค่ะ นายน้อย”
สาวใช้เริ่มคุ้นเคยกับมันแล้ว เธอกำลังจะไปเตรียมไวน์ชั้นดีและนวนิยายเรื่องล่าสุดให้กับแรนช์
แต่ไม่นานเธอก็ต้องชะงักไป
เพราะสิ่งที่แรนช์พูดกับเธอ —
“ฉันจะไปห้องอ่านหนังสือ”
เพียงแค่ประโยคนี้ สาวใช้ก็กลายเป็นวิตกกังวลทันที
“...ท่านกำลังพูดถึงห้องอ่านหนังสือเหรอคะ?”
น้ำเสียงของเธอดูไม่แน่ใจ
ส่งผลให้แรนช์อดไม่ได้ที่จะดูสับสน
“ใช่”
แรนช์ยืนยัน
เขาต้องการไปห้องอ่านหนังสือและวาดภาพบรรยายลักษณะหน้าตาของทาเลียให้พ่อบ้าน
เขาไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำจนกว่าจะระบุตำแหน่งของทาเลียได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเปิดประตูห้องอ่านหนังสือ เขากลับพบว่าไม่มีโต๊ะหรือกระดาษอยู่ในห้องเลย มีแต่ขวดไวน์ราคาแพงๆ วางอยู่มากมาย
“โปรดยกโทษให้ดิฉันด้วยค่ะนายน้อย”
“เรื่องอะไร?”
แรนช์มองไปทางสาวใช้ที่ดูเป็นกังวล
“ตะ..ตอนเช้า ดิฉะ..ฉันยังทำความสะอาดห้องอ่านหนังสือไม่เสร็จ”
เธอก้มศีรษะลงพลางพึมพำราวกับพร้อมที่จะโดนตำหนิ
ตามนิสัยของนายน้อย เขาจะกระแทกประตูแล้วเดินออกไปทันที จากนั้นก็กลับมาอีกครั้งตอนกลางคืนในสภาพเมาแอ๋
“งั้นเหรอ ไม่ได้ทำความสะอาดสักวันสองวันก็ไม่เป็นไรหรอก เธอแค่เตรียมอุปกรณ์วาดภาพให้ฉันก็พอ มันก็เหมือนกับการที่ฉันไปห้องอื่นๆ นั่นแหละ”
แรนช์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่นะ นายน้อย จะเป็นไปได้ยังไง!”
สาวใช้มองแรนช์ด้วยดวงตาเบิกกว้าง
สติเธอขาดหายไปครู่หนึ่ง เธอรู้สึกประหลาดใจกับทัศนคติที่ไม่ปกติของแรนช์อีกครั้งในวันนี้ เธอรีบพูดอย่างรวดเร็ว
“ขอเวลาให้ดิฉันสิบห้านาที ดิฉันจะจัดการห้องอ่านหนังสือให้อยู่ในสภาพใหม่เอี่ยม! จากนั้นก็เตรียมอุปกรณ์ที่ท่านต้องการ ดิฉันขอรับประกันด้วยความเป็นมืออาชีพ!”
“งั้นก็รบกวนด้วย”
แรนช์ไม่ได้มีปัญหากับการต้องรอคอยสักระยะหนึ่ง
จิตสังหารของทาเลียทำให้เขาตื่นตระหนกเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทั้งหมด
เพราะเขามีวิธีรับมือกับมันอยู่แล้ว
ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเขาจากการใช้ชีวิตที่สะดวกสบายเช่นนี้ได้
...
ในเวลาประมาณสิบนาที สาวใช้ก็ทำความสะอาดห้องอ่านหนังสือเสร็จตามที่สัญญาไว้ จากนั้นเธอก็นำอุปกรณ์วาดภาพที่ดีที่สุดในคฤหาสน์มาให้แรนช์
แรนช์มองไปที่ปากกาของโลกนี้
แม้ว่ามันจะแตกต่างจากที่เขาคุ้นเคยในชีวิตก่อน แต่เขาก็รู้ได้ทันทีว่าจะใช้งานมันยังไง
จากนั้นเขาก็นั่งอยู่หน้าผืนผ้าใบ เริ่มลงมือวาดลายเส้น วาดภาพเหมือนของทาเลียด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
แรนช์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเขาคิดว่าตัวละครที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เขาเคยวาดมาคือทาเลีย เจ้าหญิงปีศาจผู้ยิ่งใหญ่ ต้องมาแต่งตัวเหมือนขอทานและทุกข์ทรมานเหมือนคนเร่ร่อน
แม้ในใจจะคิดถึงเรื่องต่างๆ แต่ปากกาในมือของเขาก็แกว่งไปมาอย่างอิสระ
เป็นเพราะว่าเขาวาดทาเลียมานับครั้งไม่ถ้วน
แรนช์ฝึกฝนทักษะของเขามาหลายปี พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ บนริมฝีปาก เขาวาดภาพอย่างใจเย็นและดูเชี่ยวชาญ
เขาดูไม่เหมือนกับจิตรกรเก่งๆ เหล่านั้น
เขาดูสงบราวกับแม่บ้านกำลังเตรียมอาหารเย็นมากกว่า
แต่ความสนใจของเขาค่อยๆ มุ่งไปที่ภาพวาดตรงหน้าโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าเขาสูญเสียแนวคิดเรื่องเวลาไปแล้ว
เขาไม่สังเกตเห็นด้วยซ้ำว่าสาวใช้ที่รออยู่ข้างๆ กำลังกระพริบตาด้วยความประหลาดใจ ปากของเธอค่อยๆ กลายเป็นเหมือนรูโบ๋เล็กๆ
เวลายังคงไหลผ่านไป
ภาพวาดของแรนช์ใกล้เสร็จแล้ว
บนผืนผ้าใบมีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ แม้ว่าเธอจะสวมเสื้อคลุมเก่าๆ แต่เธอก็ดูงดงามราวกับหมาป่าท่ามกลางหิมะ
สายลมพัดเบาๆ ผ่านใบหน้าของเธอ ทำให้เส้นผมสีเทาภายใต้หมวกคลุมปลิวไสวไปตามแรงลมเล็กน้อย
ในดวงตาสีทองที่เผยให้เห็นนั้นราวกับมีชั้นน้ำแข็งนับพันซ่อนอยู่ข้างใน ลึกลงไปยังมีเปลวไฟที่กำลังลุกโชน
ลักษณะที่ดูโดดเดี่ยวของเธอไม่ได้ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นสิ่งมีชีวิตอ่อนแอ กลับกัน ยิ่งฝุ่นปกคลุมบนร่างกายของเธอมากเท่าไหร่ มันก็จะปกคลุมความสูงส่งและพลังที่ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดของเธอได้น้อยลงเท่านั้น
“เสร็จแล้ว”
แรนช์ยิ้ม เขาเติมรายละเอียดสุดท้ายให้ภาพวาดเสร็จสิ้น
เมื่อสักครู่เขาเพ่งสมาธิไปที่ภาพวาดอย่างใจจดใจจ่อ และก็ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ตระหนักว่าตัวเองกำลังตั้งใจวาดอย่างจริงจัง
“พระเจ้า นายน้อย ทักษะการวาดภาพของท่านยอดเยี่ยมขนาดนี้แล้วเหรอ!”
เสียงอุทานดังมาจากด้านข้าง
“ดิฉันนึกว่าท่านถูกเทพแห่งศิลปะเข้าสิงแล้วซะอีก นี่เป็นครั้งแรกที่ดิฉันเคยเห็นภาพวาดที่น่าตกตะลึงเช่นนี้เลย!”
จนถึงขณะนี้สาวใช้ยังไม่สามารถสงบความตื่นเต้นในดวงตาของเธอได้
เมื่อไม่กี่ปีก่อนเธอก็เคยเห็นแรนช์วาดภาพ
ในเวลานั้นแรนช์ยังคงยิ้มแย้มอย่างอบอุ่นและไม่เคยมีอารมณ์หงุดหงิด ภาพทิวทัศน์ที่เขาวาดนั้นสวยงามราวกับถ่ายทอดออกมาจากจิตวิญญาณ
คนรับใช้หลายคนในคฤหาสน์ต่างก็ตั้งตารอวันที่แรนช์คนเดิมจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
เพราะทุกคนไม่กล้าจินตนาการว่าเขาจะต้องเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เมื่อในอนาคตเขากลายเป็นนายที่แท้จริงของคฤหาสน์หลังนี้ ไม่รู้ว่าคนรับใช้จะมีชีวิตอยู่ยังไง จะถูกไล่ต้อนออกไปทั้งหมดหรือเปล่าก็ไม่รู้
สาวใช้หวังว่าสัญญาณทั้งหมดที่เห็นในวันนี้จะไม่ใช่ภาพลวงตาของเธอ
จริงๆ แล้วลึกลงไปในหัวใจ นายน้อยเป็นคนอ่อนโยนและมีน้ำใจมาก
“จริงเหรอ?”
แรนช์ยิ้มอย่างเขินอาย
อันที่จริงเขาก็เป็นจิตรกรที่เก่งมาก แต่เมื่อมองดูความชื่นชมในสายตาของสาวใช้ ใครๆ ก็อาจคิดว่าเขาคือปิกัสโซหรือแวนโก๊ะที่กลับชาติมาเกิดใหม่
เมื่อกี้ตอนที่วาดภาพอยู่ เขารู้สึกเหมือนได้ตกลงไปยังที่แห่งหนึ่งโดยไม่ตั้งใจ ราวกับว่าเขาได้ทุ่มเททั้งหัวใจและจิตวิญญาณลงไปในภาพวาด พอวาดเสร็จก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย
แต่ก็ไม่ควรยกย่องหนักขนาดนี้หรอกใช่ไหม?
“ดิฉันรับรองได้เลยว่าท่านจะกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งอาณาจักรอย่างแน่นอน แม้แต่องค์ราชาก็ยังต้องการภาพวาดของท่าน แม้กระทั่งผู้สร้างการ์ดที่ได้รับเกียรติมากที่สุดก็ยังอยากจะมาหารือเกี่ยวกับทักษะการวาดภาพของท่าน!”
สาวใช้กุมมือตัวเองไว้แน่น เธอมองไปที่แรนช์พลางพูดอย่างจริงจัง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง
“ฟู่—”
แรนช์ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งได้ทันที
ใช่แล้ว!
เดิมทีนี่เป็นเกมการ์ดเวทมนตร์แบบไม่ผลัดตา!
และเขาก็คือผู้พัฒนาหลัก!
อาจกล่าวได้ว่ามีหลายสิ่งในโลกนี้ถูกเขาวาดขึ้นมา รวมถึงต้นแบบของการ์ดเวทมนตร์ที่มีลักษณะคล้ายสมบัติหายากมากมาย
ตามการตั้งค่าของเกมนี้ การ์ดเวทมนตร์เทียบเท่ากับการนำทักษะคาถาเวทมนตร์ อุปกรณ์ หรือการอัญเชิญ มาปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบการ์ด การ์ดเหล่านี้พกพาสะดวก แลกเปลี่ยนได้ และยังสามารถเลือกสรรได้ตามความต้องการ
เมื่อเทียบกับการใช้เงินจำนวนมากเพื่อเรียนรู้คาถา คุณสามารถซื้อการ์ดเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องในโลกนี้ได้โดยตรง ผูกมันเข้ากับจิตวิญญาณเพื่อใช้คาถา และคุณยังสามารถปรับโครงสร้างทักษะของคุณได้ตลอดเวลาตามศัตรูทรงพลังที่คุณต้องการท้าทาย
นอกจากนี้ ในโลกแห่งภาพฉายระดับสูง ผู้ท้าทายจะถูกจับคู่กับมิติเวลาแบบสุ่มเพื่อให้ได้ตัวตนและสถานการณ์ที่ไม่เหมือนกัน พวกเขาไม่สามารถนำวัตถุแปลกปลอมติดตัวไปด้วยได้ ยกเว้นการ์ดเวทมนตร์ที่ผูกติดกับดวงวิญญาณของพวกเขา
ดังนั้นการ์ดเวทมนตร์จึงเป็นสิ่งที่ต้องมีในการเดินทางเข้าไปในโลกแห่งภาพฉาย การสังหารและการปล้น หรือแม้กระทั่งการต่อสู้กัน!
นอกเหนือจากการ์ดที่มีวางขายตามท้องตลาดแล้ว การ์ดเวทมนตร์อันทรงคุณค่ายังสามารถผลิตโดยผู้สร้างการ์ดได้อีกด้วย
ทักษะการวาดภาพเชื่อมโยงกับการสร้างการ์ดเวทมนตร์อย่างแยกไม่ออก
“ดูเหมือนว่านอกเหนือจากการเป็นจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ในโลกนี้แล้ว ฉันยังมีศักยภาพในการเป็นผู้สร้างการ์ดมือดีอีกด้วย?”
แรนช์จับคางของเขาพลางคิดอย่างลึกซึ้ง
เขารู้สึกมานานแล้วว่าการ์ดเวทมนตร์ในเกมนี้ค่อนข้างล้าสมัย
และทุกครั้งที่เขาเสนอการ์ดที่สามารถยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมโดยไม่ทำลายสมดุลของเกม การ์ดเหล่านั้นก็จะถูกหัวหน้าฝ่ายวางแผนปฏิเสธ
หัวหน้าฝ่ายวางแผนบอกว่าเขาไม่กล้าเพิ่มการ์ดเหล่านั้นเข้าไปแม้ว่าเขามีแม่สิบคนก็ตาม
“นายน้อยคะ ผู้หญิงในภาพคือผู้หญิงที่ท่านชอบหรือเปล่า?”
เสียงที่ถามขึ้นขัดจังหวะความคิดของแรนช์
สาวใช้ที่รออยู่ข้างๆ สังเกตเห็นว่าวันนี้แรนช์ดูอ่อนโยนมาก ซึ่งทำให้คนรับใช้ทุกคนในคฤหาสน์รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
แต่สาวใช้ก็เฝ้าดูเขามาสักพักแล้ว
เธอรู้สึกว่าเขาไม่ได้แกล้งทำ
นอกจากนี้ จู่ๆ เขายังแสดงปาฏิหาริย์ให้เห็นอีก
ในที่สุดสาวใช้ก็ได้ข้อสรุปที่น่าประหลาดใจ
เขาอาจจะกำลังมีความรักอยู่ก็ได้!
“…”
แรนช์เงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางแปลกๆ เขามองไปยังสาวใช้อย่างพูดไม่ออก
คนในภาพวาด...
คือผู้หญิงที่สามารถฆ่าฉันได้..
แต่เขาพิจารณาภาพวาดอย่างละเอียดแล้วลองคิดอีกครั้ง
หากผู้คนในโลกนี้ตกตะลึงกับภาพวาดของเขา การขอให้พ่อบ้านหาคนด้วยภาพวาดผืนนี้คงจะทำให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็นมากมาย
แรนช์จึงผลักขาตั้งภาพออกไป
เขาเตรียมผืนผ้าใบอีกครั้งอย่างชำนิชำนาญ โดยตั้งใจจะวาดภาพทาเลียผู้หลบหนีในรูปลักษณ์ที่ดูธรรมดากว่านี้
อย่างไรก็ตาม
ภาพใหม่ที่เพิ่งเริ่มวาด เขาสบัดปากกาไม่กี่ครั้งก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง จนทำให้เขาแทบมองไม่เห็นผืนผ้าใบได้ชัดเจน
สาวใช้มองดูสีหน้าเจ็บปวดของแรนช์ด้วยความกังวล แต่เธอก็ไม่กล้าขัดจังหวะการวาดภาพของเขา
แต่ก็ลังเลอยู่แค่ครู่หนึ่ง
เธอรู้สึกว่าบางทีตั้งแต่วันนี้ไปนายน้อยอาจจะไม่โมโหใส่คนอื่นอีกแล้ว
ดังนั้นเธอจึงกลืนน้ำลายและพูดว่า “นายน้อยคะ หากท่านรู้สึกไม่สบายเป็นพิเศษ ท่านอาจจะตกอยู่ในภาวะมานาหมด… ดูเหมือนท่านจะทุ่มเททั้งหัวใจและจิตวิญญาณให้กับการวาดภาพและมันก็ใช้มานาในตัวของท่านเอง ดิฉันเคยได้ยินมาว่าจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่หรือผู้สร้างการ์ดในตำนานต่างก็เคยมีอาการแบบนี้ ซึ่งมันเป็นเพราะพวกเขาได้อุทิศชีวิตให้กับงานศิลปะ…”
“งั้นไม่วาดต่อแล้ว”
แรนช์วางปากกาทันทีหลังจากที่ได้ยิน
นี่ไม่เหมือนกับการอดนอนเพื่อวาดภาพ ที่แค่พักสักครู่ทุกอย่างก็หายเป็นปกติ
คราวนี้เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามีสิ่งแปลกๆ ไหลออกจากร่างกายของเขาในขณะที่เขากำลังวาดภาพ!
“ช่วยฉันเอาภาพวาดนี้ไปให้พ่อบ้านที หลังจากดูแล้วให้เขาทำตามคำแนะนำของฉัน จากนั้นก็ช่วยฉันเก็บภาพวาดนี้ไว้ และอย่านำออกนอกคฤหาสน์เด็ดขาด”
แรนช์ชี้ไปที่ภาพวาดที่เขาวาดไว้เมื่อสักครู่
ทันทีที่ผ่อนคลายเขาก็รู้สึกง่วงนอน
ความรู้สึกเหนื่อยล้าค่อยๆ เข้าปกคลุมเขาอย่างรุนแรงราวกับคลื่นที่เพิ่งสงบลง ศีรษะของเขาอดไม่ได้ที่จะตกลง
เขาพบว่าด้วยการใช้พลังงานแบบนี้ เขาคงไม่มีพลังพอที่จะวาดภาพที่สองซึ่งจะช่วยให้พ่อบ้านสามารถระบุตัวทาเลียได้อย่างชัดเจนในระยะเวลาอันสั้น
“ยังไงก็ตาม ปลุกฉันก่อนมื้อเย็นด้วย”
หลังจากพูดจบ แรนช์ก็เงียบไป
“รับทราบแล้วค่ะ!”
สาวใช้ใช้อุปกรณ์เวทมนตร์อย่างระมัดระวังเพื่อเร่งการแห้ง จากนั้นก็จัดเก็บภาพวาดอย่างเบามือ
ในอีกด้านหนึ่ง ราคาของภาพวาดนี้ประเมินค่าไม่ได้ และในทางกลับกัน นายน้อยก็ผล็อยหลับไปในขณะที่ยังพิงเก้าอี้อยู่
วันนี้เธอมีความสุขมากกับการเปลี่ยนแปลงของนายน้อย และเธอก็อดไม่ได้ที่จะอยากรู้เกี่ยวกับระดับภาพวาดของนายน้อย
ดังนั้นเธอจึงแอบใช้เวทย์ตรวจสอบ และในที่สุดก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของภาพวาด —
[ภาพเหมือน·เจ้าหญิงลึกลับ]
[ประเภท: งานศิลปะ]
[เกรด: มหากาพย์]
[ระดับ: 1]
[ผู้ที่ได้ชื่นชมภาพวาดนี้ จะได้รับการฟื้นฟูพลังจิตและความแข็งแกร่งทางกายภาพเล็กน้อย และเมื่อความโปรดปรานต่อเจ้าหญิงในภาพวาดเพิ่มขึ้น จะมีโอกาสเพิ่มพลังจิตจำนวนหนึ่ง]
...
เมื่อแรนช์รู้สึกตัว เขาก็ลืมตาขึ้นและมองออกไปด้านนอกหน้าต่างที่คุ้นเคย ตอนนี้เป็นเวลาบ่ายแล้ว
ดวงอาทิตย์ค่อยๆ เคลื่อนไปทางทิศตะวันตก แสงสีแดงทองทำให้หมู่เมฆแลดูอิ่มเอิบ แสงแดดที่ลอดผ่านหน้าต่างเป็นระลอกคลื่น ช่วยเพิ่มสีสันชวนเคลิบเคลิ้มให้กับห้อง
อาจเป็นพ่อบ้านที่แบกเขากลับห้องนอน
ที่เขาเดาได้ก็เป็นเพราะว่ามีจดหมายวางอยู่ข้างเตียง ซึ่งเขียนด้วยลายมืออันสวยงามของพ่อบ้านเกี่ยวกับที่อยู่ของทาเลีย
แรนช์สบัดหัว เขาค่อนข้างรู้สึกสะลึมสะลือ
แต่เมื่อเขาลุกขึ้นนั่งเพื่อยืดเส้นยืดสาย
เขากลับพบว่ามีภาพวาดสวยงามแขวนอยู่ในจุดที่โดดเด่นของห้องเป็นพิเศษ
แค่ภาพวาดนี้เพียงอย่างเดียวก็ทำให้ทั้งห้องดูมีชั้นเชิงทางศิลปะมากขึ้นมาอีกเล็กน้อย
แรนช์นั่งอยู่บนเตียง เขาขมวดคิ้วพลางจ้องมองภาพเหมือนของทาเลีย
ทั้งสาวใช้และพ่อบ้านคงเข้าใจเขาผิดไปเรียบร้อยแล้ว
..ฉันไม่ได้ขอให้ช่วยเอาภาพวาดใส่กรอบแล้วแขวนไว้ในห้องสักหน่อย..
..ฉันแค่อยากให้ซ่อนมันไว้ให้ฉัน!..
..คิดดูว่ามันน่าอายขนาดไหนถ้าคนในภาพมาเห็นคนที่วาดภาพเธอแล้วแขวนไว้ในห้องนอนน่ะ!..
“ช่างเถอะ”
แรนช์พลิกตัวและลุกขึ้นจากเตียงอย่างทำอะไรไม่ถูก
ถึงยังไงทาเลียก็ไม่มีโอกาสมาที่ห้องของเขาอยู่แล้ว
จะถือว่าประสบความสำเร็จหากเธอถูกล่อให้ออกจากอาณาจักรนี้ไปอย่างปลอดภัย
(จบตอน)