Chapter 2: แทงหลัง
กระเป๋าสะพายหลังในมือฉินหรานใบไม่ได้ใหญ่มากไม่อย่างนั้นมันคงไม่สามารถวางแอบอยู่หลังลำตัวของศพได้อย่างมิดชิดอย่างนี้ กระเป๋ามีขนาดแค่เท่า ๆ กับกระเป๋านักเรียนทั่วไป มีช่องซิปล็อก 2 ช่อง และช่องกระเป๋าแบบสอดสองช่องแบ่งเป็นด้านหน้าและด้านหลัง
ฉินหรานรูดซิปทั้งสองเปิดออกอย่างอดใจรอไม่ไหว ของที่อยู่ด้านในไม่ทำให้ผิดหวัง อาหารกระป๋อง 3 กระป๋อง น้ำดื่ม 1 ขวด และสมุดเก่า ๆ เล่มหนึ่ง นี่ย่อมไม่เท่ากับที่ฉินหรานคาดหวังเอาไว้ถึงเงินและอุปกรณ์ภายในเกม แต่เพราะอย่างนี้เขาถึงได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง แม้ว่าเขาจะอยู่ในเกมใต้ดินที่มีความเหมือนจริงหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มันก็ยังมีกฎกติกาบางอย่างอยู่ และตอนนี้เขาอยู่ในดันเจี้ยนแรก ซึ่งตามหลักเกณฑ์ของเกมทั่วไปนั้นหมายความว่าเขาอยู่ในหมู่บ้านมือใหม่ เห็นได้ชัดเจนว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะได้อุปกรณ์ดี ๆ จากหมู่บ้านมือใหม่ เขาผ่อนลมหายใจออกและตรวจดูสิ่งที่ได้มา
[ชื่อ: อาหารกระป๋อง]
[ชนิด: อาหาร]
[สภาพ: ปกติ]
[คุณสมบัติ: ฟื้นฟูพลังชีวิต 25 หน่วย และฟื้นฟูกำลังกาย 50 หน่วย ภายใน 1 นาที]
[การเสริมสถานะพิเศษ: ไม่มี]
[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]
[หมายเหตุ: มันช่วยให้คุณไม่อดตาย รสชาติจะดีขึ้นถ้ากินร้อน ๆ!]
….
[ชื่อ: น้ำสะอาด]
[ชนิด: อาหาร]
[สภาพ: ปกติ]
[คุณสมบัติ: ฟื้นฟูพลังชีวิต 10 หน่วย ฟื้นฟูกำลังกาย 20 หน่วย ภายใน 1 นาที]
[การเสริมสถานะพิเศษ: ไม่มี]
[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]
[หมายเหตุ: มันมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด]
พอปลายนิ้วของฉินหรานแตะถูกกระป๋องและขวดน้ำ ข้อมูลเหล่านี้ก็ปรากฏขึ้นมาในครรลองสายตา นี่ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไรเพราะส่วนใหญ่เขาก็รู้มาก่อนแล้ว
เขาหันกลับไปให้ความสนใจกับสมุดเก่า ๆ เล่มนั้น
เมื่อเขาแตะสมุดก็มีหน้าต่างข้อความปรากฏขึ้น
[ชื่อ: สมุดบันทึกประจำวันของเดล]
[ชนิด: หนังสือ]
[สภาพ: เสียหาย]
[คุณสมบัติ: ไม่มี]
[การเสริมสถานะพิเศษ: ไม่มี]
[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]
[หมายเหตุ: จริง ๆ เลยนะ เจ้านี่น่ะจดบันทึกไว้แค่บางวันเอง! แต่ยังไงคุณก็ต้องอ่านให้หมดนะ!]
ฉินหรานพลิกเปิดสมุดเก่าเล่มนี้ตามจิตใต้สำนึก ลายมือหวัดและอ่านยาก และหลายหน้าก็เปรอะเปื้อนจนแทบอ่านไม่ได้ ดังนั้น เนื้อหาทั้งหมดของบันทึกนี้จึงยากที่จะเข้าใจ
21 ตุลาคม, ฟ้าครึ้ม
สงครามดำเนินมาสี่เดือนแล้ว อาหาร น้ำ และยากำลังจะหมด ยังมีเสียงปืนดังเป็นครั้งคราว โชคดี กลุ่มกบฏหยุดทำการค้นหาทั้งวันทั้งคืนแล้ว ตอนนี้พวกมันแค่ลาดตระเวนในช่วงกลางวันแล้วก็กลับไปที่ฐานของตัวเอง ที่แย่กว่าคือพวกโจรที่เข้าปล้นตอนกลางคืน พวกนี้จะกรูเข้ามายังกับฝูงตั๊กแตน แล้วก็หยิบฉวยทุกสิ่งที่อยู่ในสายตา
27 ตุลาคม, ฟ้าใส
ให้ตายสิ ฉันถูกปล้น อาหารกับน้ำที่เหลืออยู่ก็ถูกเจ้าพวกชั่วเอาไปหมด แล้วตอนนี้ฉันจะทำยังไงดี?
29 ตุลาคม, ฟ้าครึ้ม
ไม่ ฉันไม่สามารถนั่งรอปาฏิหาริย์อยู่แบบนี้ต่อไปได้ ฉันต้องทำอะไรสักอย่างในตอนที่ยังมีแรง!
1 กันยายน, ฟ้าใส
ฮะฮะฮ่า โชคเข้าข้างฉันแฮะ! แจ็คพอตแตกเลย! ไม่ใช่แค่อาหาร แต่ว่าฉันได้อาวุธด้วย! ตั้งแต่นี้ต่อไปจงเรียกฉันว่าเดลคนดวงดี!
11 กันยายน, ฟ้าใส
เดลคนดวงดีมาอีกแล้วจ้า! คราวนี้เหมือนว่าจะเก็บเกี่ยวได้เหลือเฟืออีกแล้ว!
…
บันทึกจู่ ๆ ก็จบลงแค่นี้ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้โชคดีอย่างที่ตัวเขาเองคิด ฉินหรานมองไปที่ศพอีกครั้ง แม้ว่ามันจะยังไม่น่ามองแต่ว่าเขาก็ไม่เบนหน้าหนีแล้ว
บันทึกเลอะ ๆ เล่มนี้นอกจากให้ข้อมูลทั่วไปแก่ฉินหรานแล้ว มันยังมีคำใบ้อย่างหนึ่ง: น่าจะมีอาวุธสักชิ้นอยู่บนตัวคนที่นอนอยู่ตรงหน้านี้
สำหรับคนมือเปล่าแบบฉินหรานแล้ว อาวุธสักชิ้นเป็นสิ่งจำเป็นต้องมีเพื่อเอาชีวิตรอด อย่างน้อยที่สุดการมีอาวุธก็ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต จากสิ่งที่เขาได้อ่านในบันทึก แถวนี้ไม่ใช่เขตปลอดภัยเพราะงั้นมันคงไม่ง่ายที่จะมีชีวิตรอดถึง 7 วัน
"ยังมีหวัง!"
เพราะคิดเช่นนี้อยู่ในหัว เขาจึงเอื้อมมือออกไปอีกครั้ง ค้นไปทั่วซากศพอีกรอบ คราวนี้เขาค้นอย่างละเอียดและถ้วนทั่วกว่าครั้งก่อน เลือดแห้งเหนียวเปื้อนทั่วมือของเขา มันทำให้ฉินหรานรู้สึกคลื่นไส้ แต่หากเขาสามารถค้นเจออะไรสักอย่าง มันก็คุ้ม
[ชื่อ: กริช (มีดสั้นสองคม)]
[ชนิด: อาวุธมีคม]
[สภาพ: เสียหาย]
[พลังโจมตี: เบา]
[คุณสมบัติ: ไม่มี]
[การเสริมสถานะพิเศษ: ไม่มี]
[การนำออกจากดันเจี้ยน: ได้]
[หมายเหตุ: ขาดการดูแลรักษา ถ้าเป็นไปได้ ควรขัดทำความสะอาดและลับคม]
…
[ชื่อ: ไฟแช็ก]
[ชนิด: อื่น ๆ]
[สภาพ: เสียหาย]
[การเสริมสถานะพิเศษ: ไม่มี]
[หมายเหตุ: ต้องให้บอกข้อมูลเพิ่มจริง ๆ เหรอ?]
…
กริชถูกซ่อนไว้อย่างดีบริเวณช่วงเอว ปิดทับด้วยเสื้อเชิ้ตของศพ และคงหาไม่เจอหากฉินหรานไม่ค้นอย่างละเอียด ส่วนไฟแช็กนั้นพบในกระเป๋ากางเกง ฉินหรานถือกริชขึ้นสนิมเอาไว้ขณะกดไฟแช็กดู หลังจากกดอยู่หลายรอบถึงได้มีประกายไฟติดขึ้นมา ภายใต้แสงจากไฟแช็ก ฉินหรานก็เห็นอย่างชัดเจนว่าคราบบนกริชนั้นคืออะไร มันไม่ใช่สนิม แต่ว่ามันเคลือบเอาไว้ด้วยสารสีแดง
มันคืออะไรน่ะเหรอ?
พออ่านบันทึกแล้วฉินหรานก็รู้ได้อย่างชัดเจนว่ามันคืออะไร
ชาวเมืองที่ถูกกักไว้ในเมืองต้องประสบกับความอดอยาก ไร้การบังคับใช้กฎระเบียบ และตกอยู่ในอันตราย เมื่อเจอเข้ากับกลุ่มกบฏ พวกเขาชาวเมืองธรรมดาย่อมสู้ไม่ได้ แต่เมื่อเผชิญกับชาวเมืองด้วยกัน พวกเขากลายเป็นอันธพาลและโจร เช่นเดียวกับศพที่อยู่ตรงหน้าฉินหราน เขามองไปที่ศพอีกครั้ง แล้วเก็บอาหารกระป๋องกับขวดน้ำลงในกระเป๋าสะพายหลังก่อนจะสะพายกระเป๋าขึ้นหลัง เขาเก็บไฟแช็กไว้ในกระเป๋าเสื้อ ก่อนที่จะเข้าสู่ดันเจี้ยนนี้ เสื้อผ้าของเขาได้ถูกเปลี่ยนให้คล้ายคลึงกับของชาวบ้านที่อาศัยในเมือง สกปรก แต่โชคดีที่ไม่ได้ฉีกขาดเสียหาย
ฉินหรานถือกริชไว้ในมือ เตรียมตัวที่จะจากไป ห้องว่างเปล่านี้ไม่มีเหตุผลอะไรให้เขาต้องอยู่ต่อแล้ว จากร่องของหน้าต่างที่ถูกปิดไว้แน่นหนา แสงสว่างที่ทะลุเข้ามาค่อย ๆ สลัวลงทำให้ฉินหรานต้องออกไปจากที่นี่เร็วขึ้นเพราะพอตกกลางคืนพวกโจรจะออกมา ฉินหรานไม่ได้วางแผนที่จะสู้กับพวกโจร ดังนั้นเขาไม่ควรอยู่ในห้องนี้ต่อแล้วต้องมอบสิ่งของที่เพิ่งได้มาออกไป บ้านหลังไหน ๆ สุดท้ายก็ล้วนเป็นเป้าหมายของพวกโจรทั้งนั้น
"ตามท่อน้ำหรือท่อระบายน่าจะเป็นที่ซ่อนที่ดีกว่า" ฉินหรานกำลังคิดว่าเขาควรไปที่ไหน ไม่ต้องสะดวกสบาย แค่ใหญ่พอให้ซ่อนตัวได้ก็พอ ชั้นใต้ดินน่าจะให้เขาหลบจากสายตาของชาวเมืองคนอื่นได้ ดังนั้นนี่น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
แน่นอนว่าคงจะมีบางคนซ่อนตัวอยู่ในนั้นก่อนแล้ว แต่ว่า เทียบกับพวกโจรที่ตระเวนอยู่ทางด้านนอก ฉินหรานคิดว่าชาวเมืองที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินย่อมไม่อันตรายเท่า
ฉินหรานผลักประตูเปิดออก เขาพบทางเดินยาว และอีกด้านของทางเดินเป็นอีกห้องว่างอีกห้องที่เปิดทิ้งไว้ คงมีใครเข้ามาเอาของด้านในออกไปหมดแล้ว เขาเดินผ่านห้องว่างนั้นเตรียมออกไปนอกบ้าน ตอนที่ฉินหรานกำลังจะก้าวเท้าออกไปนั้น...
ปัง!
ประตูที่เปิดสู่ด้านนอกถูกผลักเปิดอย่างแรง มีร่างหนึ่งล้มลงบนพื้นและอีกร่างพรวดพราดตามเข้ามาพร้อมหัวเราะเสียงในคอ ตอนที่ประตูถูกผลักเปิดออก ฉินหรานได้ถอยกลับเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว กระชับกริชในมือแน่นและแอบฟังอย่างระมัดระวัง
"ฮ่าฮ่า ดูสิ! ใครจะคิดว่านี่จะเป็นผู้หญิง!" น้ำเสียงตื่นเต้นมาพร้อมกับเสียงหัวเราะชั่วร้าย
"ไปตายซะ!"
มีเสียงสบถหยาบคาย ตามด้วยเสียงกระแทก
ฉินหรานมองเห็นเงาร่างที่ล้มอยู่นั้นใช้แขนทั้งสองข้างและลำตัวกลิ้งไปบนพื้นหลบจากการทำร้ายนั้น ทันใดนั้น สีหน้าของฉินหรานก็เปลี่ยนไป เสียงพวกนั้นชัดขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าเงาร่างทั้งสองนั้นทุ่มเถียงกันพลางเข้ามาใกล้เขามากขึ้น ที่ปลายสุดทางเดิน มีห้องที่สองอยู่ตรงข้ามห้องที่ฉินหรานแอบอยู่ เมื่อพวกนั้นมาถึงตรงนี้พวกเขาก็คงเข้ามาในห้องใดห้องหนึ่ง ถ้าไม่เข้าไปในห้องว่างที่อีกด้านนั้น ก็คงเป็นห้องที่เขาซ่อนตัวอยู่นี้
เป็นความเสี่ยงครึ่งต่อครึ่ง
ฉินหรานกำกริชในมือแน่น เหงื่อเริ่มผุดออกมา
คนพวกนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
ใกล้เข้ามาอีก
ฉินหรานข่มความกระวนกระวายลงไป ความกระสับกระส่ายของเขาไม่ช่วยเปลี่ยนความจริงตรงหน้าเขา พอร่างที่ล้มบนพื้นกระถดหนีมาถึงห้องที่ฉินหรานแอบอยู่ เขาถึงกับหายใจสะดุด ร่างนั้นที่กำลังใช้สองมือพาตัวถอยหนีก็ดูจะอึ้งไปเหมือนกัน ใครเลยจะคิดว่าจะมีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย? แต่อึดใจถัดมา ร่างนั้นก็ได้สติ
ในขณะที่กำลังถอยหนีนั้น สายตาของคนผู้นั้นไม่ได้อ้อยอิ่งอยู่บนตัวฉินหราน อย่าว่าแต่ขอความช่วยเหลือ นั่นทำให้ฉินหรานงงไปครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา ฉินหรานรีบรวบรวมสมาธิ คนที่อยู่ตรงหน้าเขาอาจจะไม่อันตราย แต่คนที่กำลังตามเข้ามาเป็นตัวอันตรายแน่ ๆ หากคนผู้นั้นพบเห็นเขา ก็คงจบลงด้วยการต่อสู้กันและการต่อสู้อย่างนี้สุดท้ายต้องจบลงด้วยการเข่นฆ่า
ฉินหรานรู้ดีมาก ๆ ว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหน เขาไม่แข็งแกร่งพอ และเขายังไม่มีทักษะในการต่อสู้เมื่อเทียบกับโจรที่อยู่รอดมาในสงครามได้นานถึง 4 เดือน แต่ยังมีโอกาส
ฉินหรานมองไปที่ผู้หญิงบนพื้นที่กำลังยันตัวขึ้น เธอดูใจเย็นแต่ว่าในดวงตาของเธอนั้นมีความตั้งมั่นแรงกล้าแบบที่ฉินหรานเข้าใจได้ เขากลั้นหายใจและกระถดตัวลึกเข้าไปในเงา รองเท้าหนังกระทบกับพื้นเกิดเป็นเสียงดังชัดเจน ราวกับสัตว์ป่าตัวหนึ่งกำลังล่าเหยื่อในขณะเดียวกันก็พยายามแสดงอำนาจของมัน
"อย่าเข้ามาใกล้นะ!" ผู้หญิงบนพื้นกระถดตัวถอยไปที่มุมห้อง เสียงแหบแห้งของเธอแฝงไปด้วยความสิ้นหวัง นั่นทำให้ฝั่งผู้ล่าดูตื่นเต้นขึ้นไปอีก สายตาของมันจับจ้องไปที่ผู้หญิง จนไม่ทันสังเกตเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ในห้องด้วย
ในขณะที่ผู้ล่าจ้องตรงไปที่เหยื่อของมัน แผ่นหลังของมันก็เปิดโล่งให้ฉินหราน ฉินหรานผ่อนลมหายใจที่กลั้นหายใจไว้ตอนที่ผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามา เขาไม่มัวลังเลและค่อย ๆ ยกกริชขึ้นช้า ๆ แล้วแทงหลังผู้ชายคนนั้นอย่างแรง
.
.
.
.