บทที่ 337 : พลังของนักท่องอวกาศระดับหนึ่งดาว
บทที่ 337 : พลังของนักท่องอวกาศระดับหนึ่งดาว
ร่างของชายตาเดียวและมีสี่แขนโผล่ขึ้นเหนือท้องฟ้าของคฤหาสน์เจ้าเมือง
ออร่าของนักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขตพุ่งไปทุกทิศราวกับพายุคลั่ง สร้างแรงกดดันให้กับทุกคนจนยากที่จะหายใจ
"นิกริช...ไม่คิดเลยว่าเเกจะถึงกับเชิญนักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขตมาได้" อัลเมอร์สมองไปที่ชายตาเดียวและมีสี่แขนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
"ฮาฮาฮา!" นิกริชขำออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"แกว่าฉันจะกลับมาที่ดาวเบต้าโดยไม่เตรียมการอะไรเลยงั้นหรอ? "
"มาสเตอร์บรุ๊ค….ได้โปรดลงมือฆ่าอัลเมอร์ด้วยเถอะ!"
เขากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสุภาพต่อชายตาเดียวที่ลอยอยู่เหนือทุกคน
ตาสีม่วงข้างเดียวของบรุ๊คมองลงมาที่อัลเมอร์ส ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า
"ฆ่าตัวตายซะ!"
เมื่ออัลเมอร์สสบตาเข้าดวงตาที่เยือกเย็นของบรุ๊ค เขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาลที่แทบจะทำให้เขาขาดสติ
"นี่คือ... พลังของนักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขตงั้นหรอ? ขนาดว่าเราขาดเพียงแค่ครึ่งก้าวก่อนที่เราจะก้าวขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์อาณาเขต... แต่ความต่างพลังกลับห่างกลับคนละโลก"
อัลเมอร์สเงียบลงครู่นึงก่อนที่จะทำสิ่งทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
เขาก้มหัวลงและหันไปทางคฤหาสน์เจ้าเมืองก่อนจะพูดขึ้นอย่างสุภาพว่า
"มาสเตอร์เฮอิเลได้โปรดลงมือด้วย!"
แทบจะทันทีที่อัลเมอร์สพูดจบ ภาพเงาร่างได้ปรากฏขึ้นในส่วนลึกของคฤหาสน์เจ้าเมือง ก่อนที่จะโผล่ออกมาต่อหน้าทุกคนในชั่วพริบตา
ร่างของมนุษย์ต่างดาวที่สูงราวสามเมตร ชายคนนี้นั้นแลดูเหมือนกับมนุษย์โลกทั่วๆไป…..หากไม่นับลายสีเลือดที่อยู่ที่แก้มของทั้งสองด้าน
ในมือของเขานั้นกำลังถือดาบสีดำเล่มหนาอยู่
แต่สิ่งที่ดึงดูความสนใจของทุกคนมากที่สุดก็คือเข็มกลัดสีเลือดที่อกของเขา
"นั่นมัน!"
เมื่อชูโจวเห็นร่างของมาสเตอร์เฮอิเล เขาก็รู้ทันทีว่านี่คือนักท่องอวกาศระดับหนึ่งดาวที่เขาเจอก่อนหน้านี้ในอวกาศ
"นี่มัน….นักท่องอวกาศระดับหนึ่งดาว!"
ในเงามืดเหล่านักรบที่เฝ้ามองดูสถานการณ์ต่างพากันตกตะลึงอีกครั้ง
และครั้งนี้พวกเขาตะลึงมากกว่าตอนที่เห็นบรุ๊คเสียอีก
"อัลเมอร์สนายจ้างนักท่องอวกาศมาเลยงั้นหรอ!" นิกริชทั้งตกตะลึงและโกธรไปพร้อมกัน
ในจักรวาลนี้….นักท่องอวกาศนับเป็นหนึ่งในอาชีพที่โหดร้ายและแข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์ แต่ละคนถือว่าเป็นจุดสูงสุดของเหล่ามนุษย์ทั้งหมด
และในเวลาเดียวกันค่าจ้างของนักท่องอวกาศนั้นสูงอย่างที่ยากจะจินตนาการ
แม้แต่คนที่รวยที่สุดในดาวเคราะห์ทั่วไปของจักรวรรดิกาแลกติกยังไม่สามารถจ้างนักท่องอวกาศได้
แรกเริ่มนั้นนิกริชคิดว่าการที่เขาสามารถเชิญนักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขตนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจอย่างมากเเล้วในสายคนทั่วไป
แต่เขาไม่เคยคิดเลยว่าอัลเมอร์สจะทำเรื่องที่น่าตกใจกว่า…เพราะเขาถึงกับจ้างได้แม้กระทั่งนักท่องอวกาศ
อีกด้าน
ดวงตาบรุ๊คพรันหรี่ลงหลังจากที่เขาเห็นมาสเตอร์เฮอิเลปรากฏตัวออกมา
"เรียนท่านนักท่องอวกาศที่น่าเคารพ อาจารย์ของข้าคือแทลอนจากจักรวรรดิกาแลกติก….ถ้าอยากขอให้ท่านยกเลิกภารกิจนี้โดยเห็นแก่หน้าของอาจารย์ข้าได้หรือไม่?"
"และในส่วนค่าเสียเวลาทั้งหมดตระกูลแทลอนจะเป็นคนแบกรับเอง" บรุ๊คกล่าวขึ้น
"แทลอน? ฉันเคยยินชื่อนี้นะ แต่จะยกเลิกภารกิจเพียงเพราะชื่อนั้นฝันไปเถอะ!" มาสเตอร์เฮอิเลกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์ก่อนที่จะลงมือโจมตีทันที
ดาบสีดำในมือเขาส่องประกายไปด้วยสายฟ้าคลั่ง
ในเวลาเดียวกันนั้นเองบริเวณรอบๆ ก็ดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยกฏของโลหะ
ประกายแสงจากดาบสีดำพุ่งตัดผ่านอากาศ
รูปร่างของมันราวกับพระจันทร์เสี้ยวที่โผล่ขึ้นจากเส้นขอบฟ้า พร้อมปล่อยคลื่นพลังงานที่รุนแรงออกมา
นอกจากนั้น, มันยังมีออร่าที่แหลมคมจนเหมือนจะสามารถตัดได้ทุกสิ่งเเผ่ออกมาด้วย
ในเสี้ยววินาทีนั้นไม่ว่าจะเป็น สตาร์การ์ด กลุ่มโจรสลัดอวกาศ ชูโจว หรือคนอื่น ๆ ต่างมีภาพลวงตาว่าทั้งร่างกาย และวิญญาณของพวกเขาถูกผ่าครึ่งออกด้วยประกายแสงจากดาบสีดำ
เมื่อเห็นประกายแสงจากดาบสีดำพุ่งเข้ามา….สีหน้าของบรุ๊คเปลี่ยนไปในทันที
"เขี้ยวโลหิต!"
เขาคำรามออกมาด้วยความโกธร…..ก่อนจะเทพลังงานทั้งหมดลงไปที่ดาบสีเลือดในมือของเขา เเละใช้ท่าไม้ตายที่เขาฝึกมาหลายปี [เขี้ยวโลหิต]
ในตอนนั้นเองสายฟ้าสีเลือด
ก็พุ่งออกมาจากดาบสีเลือดของเขาด้วยความเร็วนับหมื่นเท่าของความเร็วเสียง
แต่เมื่อสายฟ้าสีเลือดพุ่งปะทะเข้ากับประกายเเสงสีดำมันกลับสลายออกไปทันที
แทบจะในเวลาเดียวกันร่างของบรุ๊คถูกผ่าครึ่งจากประกายแสงจากดาบสีดำ
ยิ่งไปกว่านั้นร่างของบรุ๊คที่ถูกผ่าครึ่งยังถูกตัดลงเป็นชิ้นๆ ราวกับมีมีดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ตัดร่างของเขาออกเป็นส่วน ๆ
"ตูม——"
ทันใดนั้นเองกลุ่มดาวขนาดราวหนึ่งเอเคอร์ได้โผล่ขึ้นมาและรวบร่วมเศษร่างของบรุ๊คเข้าด้วยกัน ก่อนที่จะพุ่งออกจากเมืองเบต้าและพุ่งตรงไปยังอวกาศ
มาสเตอร์เฮอิเลมองไปกลุ่มดาวที่กำลังห่างออกไปเรื่อยๆ ด้วยสายตาเฉยเมยและแกว่งดาบของเค้าอีกครั้งอย่างรุนแรง
ประกายแสงจากดาบสีดำอีกอันพุ่งเข้าไปทำลายกลุ่มดาวที่กำลังพุ่งไกลออกไปโดยตรง
"อะไรกัน--"
เสียงกรีดร้องที่น่าสังเวชอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ดังออกมาจากกลุ่มดาว
ตอนนี้, กลุ่มดาวค่อยๆ สั่นสะท้านราวกับจะพังทลายได้ทุกเมื่อ…แต่ท้ายที่สุดกลุ่มดาวนั้นก็ไม่ได้พังลง เเละพุ่งหายไปจากท้องฟ้าโดยสิ้นเชิง
"มาสเตอร์บรุ๊ค... แพ้แล้วงั้นหรอ"
เมื่อนิกริชเห็นบรุ๊คพ่ายแพ้และหนีไปเเล้ว….เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองตามไปด้วยความงุนงง
หลังจากที่เวลาผ่านไปครู่นึง
เขาก็หันหลังและวิ่งหนีออกจากเมืองเบต้า
แต่ในขณะที่นิกริชกำลังหนีอยู่นั้นร่างของกลับถูกฟันด้วยประกายแสงจากดาบสีดำ
เขากลายไปศพและตกลงหน้าบริเวณคฤหาสน์เจ้าเมือง
"ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่นายจะจัดการ!"
มาสเตอร์เฮอิเลพูดใส่อัลเมอร์สอย่างสงบนิ่ง
ชั่ววินาทีเดียวกันเขาก็นำยานอวกาศรูปมังกรสีทองออกมาจากแหวนมิติของเขา ก่อนที่จะพุ่งออกจากดวงดาวเบต้าในทันที
"ต้องขุบคุณมาสเตอร์เฮอิเลอย่างยิ่ง!"
อัลเมอร์สยืนส่งมาสเตอร์เฮอิเลอด้วยความเคารพจนเงาของยานอวกาศรูปมังกรสีทองหาออกไปจากสายตาของทุกคน
"ตามที่คาดการณ์ไว้, นักท่องอวกาศทุกล้วนแต่อยู่ในจุดสูงสุดของเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ละคนแข็งแกร่งกว่านักรบในระดับเดียวกันลิบลับ"
"บรุ๊คเองก็เป็นนักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขตที่แข็งแกร่ง แต่ถึงยังนั้นเขากลับไม่สามารถรับได้แม้แต่ดาบของมาสเตอร์เฮอิเล!"
ชูโจวเองก็กำลังมองมาสเตอร์เฮอิเลที่กำลังบินออกไปเช่นกัน, เเละเมื่อนึกถึงดาบที่ทั้งทรงพลังและยากที่เข้าใจเมื่อกี้นั้น เขาก็อดไม่ที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้น
หากเขาต้องเผชิญหน้ากับดาบแบบนั้น….เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
"หลังจากที่ก้าวขึ้นสู่นักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขต เราต้องรีบสมัครการทดสอบของนักท่องอวกาศให้ไวที่สุด..." ชูโจวตัดสินขึ้นมาในใจ
……..
เหนือท้องฟ้าของคฤหาสน์เจ้าเมือง
มีโจรสลัดอวกาศอย่างน้อย 1,600 คนที่กำลังสู้อยู่กับสตาร์การ์ด
เเต่เมื่อพวกเขาเห็นบรุ๊คที่วิ่งหนีไป และนิกริชที่ถูกฆ่าตาย
โจรสลัดอวกาศบางคนก็เริ่มสัมผัสได้ว่าสถานการณ์เริ่มผิดปกติ….เเละรีบตัดสินใจหนีออกจากเมืองเบต้าราวกับกลุ่มนกแตกฝูง
"นิกริชดูเหมือนว่าคนที่ชนะจะเป็นฉันนะ!"
อัลเมอร์สมองลงไปที่ร่างของนิกริชและยิ้มเยาะออกมา
หลังจากนั้นเขามองไปรอบๆ เฝ้าดูกลุ่มลูกน้องของเขามากมายที่อยู่ในอาการบาดเจ็บหนัก และยิ่งแย่ไปกว่านั้นลูกน้องระดับเก้าดวงดาวของเขาได้ตายไปถึงแปดคน
สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเค้าคำรามออกด้วยความโกธรเกี้ยว
และเมื่อคิดขึ้นราคาแสนแพงในการจ้างมาสเตอร์เฮอิเล หัวใจของเค้าก็ยิ่งโกธรมากขึ้นไปอีก
"สตาร์การ์ดทุกคน….รับคำสั่งจากเจ้าเมืองและทำลายกลุ่มโจรสลัดอวกาศพวกนี้ให้หมด" เขาตะโกนก้องออกมา
"ทุกคนพวกกลุ่มโจรสลัดอวกาศนี้นั้น เป็นอาชญากรชั่วร้ายที่ก่ออาชญกรรมต่างๆมามากมาย....เพราะงั้นข้าขอความร่วมมือจากทุกคนในการกำจัดภาระสังคมพวกนนี้ด้วย"
"ข้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ท่านเจ้าเมืองพูดอย่างยิ่ง….พวกข้าจะจัดการพวกโจรสลัดอวกาศสารเลวนี่เอง"
หลังจากที่ศึก "แย่งอำนาจ" ของพี่น้องอัลเมอร์สและนิกริชจบลง……ครอบครัวใหญ่เเละกองกำลังต่างๆ ในดาวเบต้าต่างก็พร้อมที่จะอยู่ข้างอัลเมอร์ส
หลังจากนั้นพวกเขาพากันเข้าโจมตี และไล่ล่ากลุ่มโจรสลัดอวกาศที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาหลบหนี
โดยชูโจว….เขาตั้งหน้าตั้งตาไล่ล่ามากกว่าคนอื่น
เพราะในสายตาของเขา….กลุ่มโจรสลัดอวกาศพวกนี้ไม่ต่างอะไรไปจากคะเเนนคุณสมบัติเดินได้, เเล้วเขาจะพลาดโอกาศในการเก็บเกี่ยวคะเเนนคุณสมบัติดีๆแบบนี้ไปได้ยังไงกัน?
ร่างของชูโจวได้กลายเป็นภาพติดตาด้วยความเร็วสูง….ไล่จัดการโจรสลัดอวกาศทีละคนทีละคน
พลังของเขาตอนนี้เหนือกว่านักรบเก้าดวงดาวทั่วๆไปมากแล้ว
เพราะแบบนั้นกลุ่มโจรสลัดอวกาศพวกนี้จึงไม่ใช่คู่มือเขาเลยแม้แต่น้อย
ถ้าพูดกันง่ายๆ, เมื่อเขาจับใครได้ คนๆนั้นก็จะตายลงทันที
หลังจากที่ร่างกายชูโจวเปลี่ยนแปลงไปนับครั้งไม่ถ้วนโดยกฏเเห่งอวกาศ….เขาก็สามารถควบคุมพลังมิติได้ง่ายขึ้นมาก
และถึงแม้เวลาที่เขาไม่ได้ใช้ศาสตร์ลึกลับข้ามมิติแต่ความเร็วของเขานั้นก็เร็วกว่านักรบระดับเก้าดวงดาวทั่วๆไปเป็นสิบเท่า
เพราะงั้นภาพเงาของเขาจึงโผล่ขึ้นมาทั่วเมืองเบต้า และจากมากกว่า1,600 โจรสลัดอวกาศที่กำลังหลบนี้อยู่นั้น, มันก็มีมากกว่า 1,000 คนที่ถูกจัดการโดยชูโจว
ความเร็วในการจัดการศัตรูของเขานั้นสูงกว่าเจ้าเมืองอย่างอัลเมอร์สและนักรบระดับเก้าดวงดาวคนอื่นๆของเมืองเบต้าอย่างมาก
เเละสิ่งนี้ทำให้ทั้งอัลเมอร์สเเละนักรบระดับเก้าดวงดาวคนอื่นๆของเมืองเบต้าตกตะลึงเป็นอย่างมาก
"เฮ้ย เจ้าหมอนั่นเป็นใครกัน? เมืองเบต้าของเรามีนักรบระดับเก้าดวงดาวที่น่ากลัวแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?"
"น่ากลัวจริงๆ หมอนั่นอยู่ในระดับเดียวกับเจ้าเมืองเลย….หากฉันไปสู้กับเขา, ฉันคงโดนเขาฆ่าด้วยกระบวนท่าเดียวแน่ๆ "
"ไม่ใช่แล้ว การที่คนแบบนี้มาที่เมืองเบต้า……พวกเราก็ต้องรู้หรือได้ยินชื่อมาบ้างสิ!"
นักรบระดับเก้าดวงดาวของเมืองเบต้ามองภาพเงาร่างของชูโจวด้วยความตกตะลึง
ยิ่งมองเท่าไหร่พวกเขายังสงสัยมาขึ้นเท่านั้น
กลุ่มสังคมของนักรบเก้าดวงดาวของเมืองเบต้านั้นไม่ได้กว้างขว้างขนาดนั้น
ปกติมีนักรบระดับเก้าดวงดาวเเค่หนึ่งร้อยห้าสิบถึงหนึ่งร้อยหกสิบคนเท่านั้นในเมืองเบต้า และแต่ละคนต่างรู้จักกันทั้งหมด
แต่กลับไม่มีใครเคยเห็นชูโจวเลย
"นั่นมัน... ชูโจวไม่ใช่หรอ?" อัลเมอร์สนั้นจำชูโจวได้
และเขาก็ตกใจมากเช่นกัน
เขารู้ว่าชูโจวในฐานะ "พรสวรรค์ขั้นสูงสุด" ชุโจวย่อมไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
แต่เขาไม่คิดว่าชูโจวนั้นจะน่ากลัวขนาดนี้
โดยไม่ต้องสงสัยพลังของชูโจวสูงกว่านักรบระดับเก้าดวงดาวทั่วๆไปมากจนยากจะจินตนาการ
อัลเมอร์สที่เข้าไปสู่ครึ่งเก้านักรบระดับปรมาจารย์อาณาเขตนั้นก็มีพลังสูงกว่านักรบระดับเก้าดวงดาวทั่วๆไปมากจนยากจะจินตนาการเช่นกัน
เพียงแต่เขายังไม่เคยสู้กับชูโจว, มันจึงยากที่จะบอกได้ว่าระหว่างเขากับชูโจวนั้น…..ใครแข็งแกร่งกว่ากัน
แต่สิ่งนึงที่ชัดเจนคือความเร็วที่น่ากลัวของชูโจว….หากต้องสู้เขาอาจจะไม่สามารถแตะตัวชูโจวได้ด้วยซ้ำ
หรือพูดอีกนัยคือชูโจวนั้นอาจจะชนะก่อนที่จะเริ่มสู้ด้วยซ้ำ
"ถึงแม้ราคาที่เราจ่ายไปในการเอาชนะศึกนี้จะสูง... แต่หากเราผูกมิตรกับสัตว์ประหลาดอย่างชูโจวได้มันก็ไม่ถือว่าขาดทุน!"
เมื่อคิดได้เช่นนั้นอัลเมอร์สก็บินออกไปหาชูโจวด้วยรอยยิ้มบนหน้าของเขา
……………..