ตอนที่แล้วบทที่ 27: บุตรสาวคนเดียวของแม่ทัพเจิ้นหนาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 29: นี่พวกเราอยู่ในสนามรบกันอยู่หรือไง!

บทที่ 28: ท่านมาสถานที่แบบนี้ด้วยหรือ?


เฟิ่งมู่ชิงเหลือบมองมู่หรงผิงถิงด้วยสายตาขอบคุณ จากนั้นก็เดินตามจวินหรูเย่ออกจากลานประลองหมื่นบุปผาไป

วันนี้นับได้ว่านางบรรลุเป้าหมายที่ตั้งใจเอาไว้แล้ว นางจึงไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป แต่ถึงกระนั้น บุตรสาวของแม่ทัพเจิ้นหนานคนนี้ก็น่าสนใจมาก

ในระหว่างการประลองที่ลานประลองหมื่นบุปผา ชื่อของเฟิ่งมู่ชิงได้ถูกผู้คนพูดถึงกันทั่วท้องถนนอีกครั้ง ทว่าคราวนี้เป็นการพูดถึงความทรงพลังของนางแทน

สำหรับคนธรรมดาอย่างเช่นพวกเขา การที่จะไปผูกสัมพันธ์กับเฟิ่งหวานหว่านนั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากอยู่แล้ว เพราะถึงอย่างไรเฟิ่งหวานหว่านก็เป็นอัจฉริยะและมีชื่อเสียงในเป่ยอี้ ในทุก ๆ ปีนางได้สร้างผลงานมากมายที่ลานประลองหมื่นบุปผาให้เป็นที่กล่าวขานไปทั่ว

ตัวเฟิ่งมู่ชิงเองก็ไม่ได้คาดคิดว่าชื่อเสียงของตนจะพลิกกลับมาดีได้หลังจากเหตุการณ์นี้

ในตอนรุ่งเช้า แสงอรุโณทัยค่อย ๆ โผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาจากทิศตะวันออก น้ำค้างบนใบไม้ในเวลาเช้าตรู่ค่อย ๆ หยดลงบนพื้นพร้อมกับส่งกลิ่นหอมสดชื่น

วันนี้เทศกาลหมื่นบุปผาได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่ผู้คนจากทั่วทุกมุมโลกก็ยังไม่ได้เดินทางออกจากเมืองหลวงทันที และก่อนหน้านี้เฟิ่งมู่ชิงได้หาจ้างนักเล่านิทานที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวงเตรียมเอาไว้เป็นที่เรียบร้อย

เพื่อให้พวกเขาพูดถึงหอหงโหลว หญิงสาวใจกว้างมอบเงิน 100 ตำลึงให้กับนักเล่าเรื่องโดยบอกให้เขาไปหาคนที่น่าเชื่อถือเพิ่มอีกสัก 2-3 คนแล้วไปนั่งพูดคุยกันเกี่ยวกับหอหงโหลวในโรงเตี๊ยมรวมถึงร้านอาหารต่าง ๆ ทั่วเมืองหลวง

แผนการที่กล่าวมาข้างต้นมีไว้กระตุ้นความสนใจของทุกคนนั่นเอง

ในยามอู่*ซึ่งเป็นเวลาที่โรงเตี๊ยมและร้านอาหารกำลังเฟื่องฟู เฟิ่งมู่ชิงได้เดินไปที่ชั้น 2 ของหอจี้ฝู ก่อนจะเปิดหน้าต่างเพื่อรอดูปฏิกิริยาของแขกในห้องโถง

*ยามอู่ คือ เวลา 11.00-12.59 น.

ที่แห่งนี้คือสถานที่ที่ค่อนข้างมีระดับแม้จะไม่ได้พลุกพล่านวุ่นวายเหมือนสถานที่อื่นก็ตาม แต่ที่นี่เป็นศูนย์รวมของพวกชนชั้นสูงในเมืองหลวง

ปัง ๆ!

ทันทีที่นักเล่าเรื่องใช้ค้อนเคาะส่งสัญญาณ ผู้คนในห้องโถงก็พากันเงียบเสียงลงพร้อมกับที่สายตาหลายคู่จับจ้องไปยังนักเล่าเรื่องบนเวที

“ว่ากันว่าหอคณิกาที่ถนนบุปผามีเสียงรื่นเริงขับขานเพลงเพราะอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ความสดใสท่ามกลางความมืดมิดนั้นได้ดึงดูดให้เหล่าภมรมากมายแห่แหนกันไปตอมดอกไม้ เรียกได้ว่าเป็นบ่อขุมทรัพย์สำหรับนักเดินทาง…”

“หอหงโหลวที่เสื่อมโทรมลงมานานกว่า 1 ปีได้พลิกฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ว่ากันว่าตอนนี้สถานที่แห่งนั้นถูกเปลี่ยนแปลงไปราวกับพลิกฝ่ามือ มันได้กลายเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การผ่อนคลาย อีกทั้งยังดึงดูดความปรารถนาของเหล่าชนชั้นสูงและบุคคลสำคัญของแว่นแคว้นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ต้องการค้นหาความลับการฟื้นคืนชีพของหอหงโหลว แล้วทุกคนจะรอช้าอยู่ไย! ทำไมไม่ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองดูล่ะ! เรื่องก็มีประการฉะนี้ ไว้ทุกท่านค่อยมาฟังรายละเอียดครั้งต่อไปกัน”

สิ้นเสียงเตือนดังขึ้น นักเล่าเรื่องก็ลูบเคราของตัวเองแล้วเดินจากไปด้วยท่าทางสง่างาม

จากนั้นเฟิ่งมู่ชิงก็นั่งอยู่ในหอจี้ฝูเป็นเวลากว่า 2 เค่อ* ในขณะที่นักเล่าเรื่องบนเวทีก็พูดคุยเล่าเรื่องต่อไปเพื่อให้ผู้คนรู้สึกสนใจหอหงโหลว ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้มันทำให้หญิงสาวพิสูจน์ความจริงได้ว่าเงินสามารถบันดาลทุกอย่างได้จริง ๆ

*1 เค่อ = 15 นาที

นักเล่าเรื่องพวกนี้ได้เล่าถึงสิ่งอัศจรรย์มากมายเกี่ยวกับหอหงโหลว ถ้านางไม่ได้เป็นเจ้าของสถานที่แห่งนั้น นางคงจะเผลอเชื่อน้ำคำของอีกฝ่ายไปแล้ว

แต่แน่นอนว่ามันทำให้เฟิ่งมู่ชิงรู้สึกพวกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มาก ดูเหมือนว่าคืนนี้กิจการของนางจะรุ่งเรืองเป็นแน่แท้

ในเวลาพลบค่ำ แสงไฟจากอาคารหลายหลังทำให้ถนนบุปผาสว่างไสวตัดกับพื้นที่อื่น ๆ ที่มืดมิด ซึ่งมันไม่ต่างจากกองไฟที่ล่อแมลงให้มาติดกับ

หอคณิกาที่ตั้งเรียงรายได้เปิดทำการทีละแห่งโดยมีสาวงามมากมายยืนอยู่ด้านหน้าประตูเพื่อแกว่งผ้าไหมผืนเล็กในมือเป็นการเชื้อเชิญแขกให้เข้ามาใช้บริการ

“อุ๊ย คุณชาย เชิญเข้ามานั่งด้านในก่อนสิเจ้าคะ~”

“คุณชายจาง ท่านไม่ได้มาที่นี่ตั้งนานแล้ว หงอิงคิดถึงท่านมากเลย~”

เฟิ่งมู่ชิงแค่ได้ยินคำทักทายเสียงหวานจากสาวงามหลายต่อหลายครั้งมันก็ทำให้นางขนลุกขนพองจนตัวสั่นไปทั้งร่าง

มันคงจะเป็นภาพชินตาของทุกคนที่หากเดินทางผ่านถนนฮวาเจียจะพบเหล่านางคณิกาที่สวมเสื้อผ้าสีสดงดงามดั่งเทพธิดาออกมาเชื้อเชิญแขกให้เข้าไปใช้บริการจนทำให้ผู้ชายที่ได้เห็นต่างก็พากันน้ำลายไหลถึงขั้นอยากจะเข้าไปปลดปล่อยอารมณ์สนองตัณหาของตัวเอง

แต่สำหรับหอหงโหลวในปัจจุบันไม่จำเป็นจะต้องให้สาวงามออกมายืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน เพราะทุกวันนี้มีกลุ่มคนที่หลงเชื่อน้ำคำของคนเล่าเรื่องได้พากันตั้งตารอเข้ามาเปิดหูเปิดตาในหอหงโหลวที่ถูกฟื้นฟูกิจการขึ้นมาด้วยตัวเอง

นอกจากนั้นยังต้องขอบคุณสายสัมพันธ์ของป้าหงที่สั่งสมในเมืองหลวงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่นี้จึงทำให้ผู้คนจำนวนมากพากันกล่าวถึงและถือว่าเป็นการกระจายข่าวทางอ้อมอีกด้วย

ประกอบกับช่างฝีมือที่มีชื่อเสียงที่หอหงโหลวจ้างมาทำการปรับปรุงนั้นล้วนมีฝีมือยอดเยี่ยม ข่าวนี้จึงได้แพร่กระจายไปถึงหูของเหล่าชนชั้นสูงในเมืองหลวงเป็นจำนวนมาก

แต่แค่นี้มันยังไม่พอ!

หลายวันที่ผ่านมาในเมืองหลวงมีแขกต่างบ้านต่างเมืองมาร่วมเทศกาลหมื่นบุปผามากมาย ในระหว่างที่ผู้คนเตรียมตัวเดินทางกลับ พวกเขาก็อยากจะหาสถานที่พักผ่อนหย่อนใจก่อนจะจากไปอยู่แล้ว ดังนั้นข่าวหอหงโหลวโฉมใหม่จึงดึงดูดพวกเขาได้เป็นอย่างดี

นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หอหงโหลวก็เป็นที่สนใจของผู้คนจำนวนมาก พวกเขาแอบรู้สึกตั้งตารอให้กิจการนี้เปิดให้บริการเร็ว ๆ

โอ้โห! แค่เปิดวันแรกคนก็พลุกพล่านขนาดนี้แล้ว 

เฟิ่งมู่ชิงที่ยืนสังเกตสถานการณ์อยู่บนชั้น 2 แย้มยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ

นับได้ว่าการลงทุนลงแรงที่นางใช้ไปนั้นไม่สูญเปล่าเลย

หอหงโหลว ณ ปัจจุบันนั้นไม่เหลือเค้าเดิมแม้แต่น้อย ทางเดินตั้งแต่หน้าร้านไปจนถึงห้องโถงถูกตกแต่งด้วยผ้าไหมสีแดงสดที่ทอขึ้นมาอย่างประณีต ส่วนตรงกลางของห้องโถงมีระเบียงสูงประมาณ 2 ฉื่อ*เป็นรูปครึ่งวงกลม โดยตรงกลางมีแอ่งน้ำไหลที่มีดอกบัวลอยอยู่เหนือน้ำ

*1 ฉื่อ ประมาณ 30 เซนติเมตร

หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าดอกบัวที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำไม่ใช่ของจริง มันถูกทำขึ้นมาอย่างวิจิตรบรรจงจนดูเหมือนดอกบัวจริง ๆ

ในตอนแรกที่เหล่าคณิกาได้เข้ามาที่นี่ครั้งแรกหลังจากปิดบูรณะทุกคนก็ได้แต่ถอนหายใจพลางคิดว่าเถ้าแก่ใช้เงินได้ฟุ่มเฟือยมากจริง ๆ แม้แต่เครื่องประดับตกแต่งก็ยังทำด้วยเครื่องเงิน มันทำให้พวกนางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาไปรวยมาจากไหนกัน

แต่ก็ไม่มีใครตำหนิอะไรได้เพราะการตกแต่งของหอหงโหลวแบบใหม่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูสดชื่น มันสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ในทันที ขณะนี้แขกเหรื่อที่มาเยี่ยมชมก็ไปนั่งรออยู่ที่ห้องโถงเพื่อรอชมการแสดง

เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วก็มีสตรีกลุ่มหนึ่งสวมชุดนางรำเรียงแถวเข้ามา จากนั้นดนตรีก็เริ่มบรรเลง และการร่ายรำที่ชดช้อยก็เคลื่อนไหวไปพร้อมกับเสียงดนตรี

การแสดงที่แปลกใหม่ทำให้ผู้ชมพากันตกตะลึง

นี่มันเพลงอะไรกัน? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ยินมันมาก่อน!

เพลงที่บรรเลงนั้นไม่ได้น่าตื่นเต้นเร้าใจประเดี๋ยวประด๋าวเหมือนดอกไม้ไฟ และมันก็ไม่ซ้ำกับเพลงที่หอคณิกาอื่น ๆ มักจะใช้บรรเลงให้แขกฟัง ซึ่งถือได้ว่านี่เป็นดนตรีที่แปลกหู

สดใหม่มาก! ถึงเพลงจะไม่ค่อยคุ้นหู แต่ก็เป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

แม้แต่ท่าร่ายรำก็ช่างดูชดช้อยเหลือเกิน

พอเฟิ่งมู่ชิงได้เห็นปฏิกิริยาของทุกคนที่มีต่อการแสดง นางก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจอีกครั้ง

นี่เป็นบทเพลงและการร่ายรำที่โด่งดังจากอีกโลกหนึ่ง มันโดดเด่นมากจนเป็นที่กล่าวขานไปในวงกว้าง แล้วแบบนี้มันจะไม่ได้รับความนิยมในดินแดนซิงหยุนได้อย่างไร ยิ่งกับสิ่งที่หายากและมีคุณค่าแบบนี้ยิ่งการันตีได้เลยว่าต้องถูกใจผู้ชมแน่นอน

ทันใดนั้นก็มีบุคคลที่คุ้นหน้าคุ้นตาปรากฏตัวขึ้นในห้องโถง ซึ่งคนคนนั้นทำให้หญิงสาวต้องประหลาดใจ นางไม่คิดว่าจะได้พบเจออีกฝ่ายที่นี่

ในเวลาเดียวกัน เหล่าแขกที่นั่งอยู่ในห้องโถงต่างก็ตกตะลึงกับผู้มาใหม่ นี่คือลูกสาวคนเดียวของแม่ทัพเจิ้นหนานไม่ใช่หรือ นางมาทำอะไรอยู่ในสถานที่แบบนี้กัน?

ทางด้านมู่หรงผิงถิง นางไม่ได้สนใจปฏิกิริยาของคนอื่นเลยสักนิด ตั้งแต่ที่เข้ามานางก็รู้สึกถึงสายตาหนึ่งที่จ้องมองมาที่ตน นางจึงเงยหน้าขึ้นก่อนจะสบเข้ากับดวงตาคู่หนึ่งอยู่ชั่วครู่

ขณะนั้นเฟิ่งมู่ชิงยิ้มจาง ๆ พลางเปิดปากพูดแบบไม่มีเสียง ซึ่งคนที่รับสารอย่างมู่หรงผิงถิงเข้าใจในทันที ต่อมานางก็เดินมุ่งหน้าขึ้นไปบนชั้น 2 แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้าง ๆ คนที่เรียกให้ตนขึ้นมาด้านบน

“พระชายาผู้สำเร็จราชการฯ ท่านก็มาที่นี่เพื่อหาความสำราญเช่นกันหรือ?” มู่หรงผิงถิงโพล่งออกมาเมื่อเห็นอีกฝ่ายแต่งกายเป็นชาย

บนเวทีการประลองที่เทศกาลหมื่นบุปผา นางรู้สึกประทับใจกับความหยิ่งในศักดิ์ศรีและความมั่นใจของพระชายาผู้สำเร็จราชการฯ ทั้งที่อีกฝ่ายรู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิ่งหวานหว่าน แต่นางก็ยังกล้าเผชิญหน้าไม่หวาดหวั่น

การกระทำของสตรีผู้นี้ถ้าไม่ใช่เป็นคนบ้าบิ่นโดยเนื้อแท้แล้ว นางก็คงจะมีแผนการอะไรบางอย่างในใจ

โดยส่วนตัวนางไม่ค่อยชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์สักเท่าไหร่ แต่ก็น่าแปลกใจที่ครั้งนี้นางรู้สึกชื่นชมแผนการของเฟิ่งมู่ชิงเสียอย่างนั้น

“ข้าไม่คิดว่าท่านจะมาสถานที่แบบนี้” เฟิ่งมู่ชิงกล่าว

ท้ายที่สุดแล้วบุตรสาวของแม่ทัพเจิ้นหนานดูไม่เหมือนคนที่จะมาสถานที่ที่ฉาบฉวยแบบนี้ เพราะนางดูเป็นคนดีเกินไป

ทางด้านมู่หรงผิงถิงไม่ได้ตอบคำถามในทันที ในขณะที่นางหยิบสุรามารินให้ตัวเอง 1 จอก

ตามปกติแล้วนางมักจะรู้สึกรังเกียจสถานที่เริงรมย์แบบนี้ แต่วันนี้มันแตกต่างออกไปเพราะสิ่งเดียวที่นางได้ยินคนพูดถึงก็คือหอหงโหลว

โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ยินว่าผู้หญิงก็สามารถมาหาความสำราญที่นี่ได้ มันก็ยิ่งทำให้นางรู้สึกสนใจมากขึ้น อีกทั้งใครจะไปคาดคิดว่าพอมาถึงจะได้พบกับพระชายาผู้สำเร็จราชการฯ ด้วย

ด้วยธรรมเนียมพื้นถิ่นของทางใต้นั้นค่อนข้างเปิดกว้าง ซึ่งที่นั่นแตกต่างจากในเมืองหลวงราวฟ้ากับเหว ตัวนางเองเติบโตมาจากดินแดนทางใต้จึงค่อนข้างจะเคยชินกับประเพณีทางโน้นมากกว่า

นอกจากนี้ต้องขอบคุณความสามารถและกระดูกแข็ง ๆ ของตัวเอง นางจึงสามารถเข้าศึกษาในสำนักเทียนฟูได้ตั้งแต่ยังเล็กและได้กลายเป็นอย่างที่นางเป็นในทุกวันนี้

“ข้ามาที่นี่เพราะอยากจะเห็นกับตาว่าเจ้าของหอหงโหลวแห่งนี้มีไหวพริบปฏิภาณมากแค่ไหน”

เฟิ่งมู่ชิงได้ยินดังนั้นก็ริมฝีปากกระตุก นางรู้สึกว่ามันช่างแปลกประหลาดจริง ๆ ที่ได้ยินคนอื่นยกย่องตัวเองกับหูแบบนี้

ถัดมา หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ห้องโถงแล้วก็พบกับบุคคลที่น่าสนใจมากมาย พวกเขาเป็นลูกหลานของขุนนางที่ตนได้พบในงานเลี้ยงวันพระราชสมภพของฮองเฮา

ดูเหมือนว่าหอหงโหลวจะมาถูกทางแล้ว นางเชื่อว่าอีกไม่นานกิจการแห่งนี้จะพุ่งทะยานขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ของหอคณิกา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด