ตอนที่ 86 สัญลักษณ์แห่งการล่มสลาย!
ตอนที่ 86 สัญลักษณ์แห่งการล่มสลาย!
“เจ้าเป็นหลานชายของผู้อาวุโสหลิวไม่ใช่รึ? บอกข้ามาซะว่าทำไมเจ้าถึงได้ไปอยู่ข้างจวงซี่หนานแบบนั้นได้?!”
สาวกของนิกายเลือดคนนั้นเหลือบไปมองลู่ชางเฉิงแล้วพูดอย่างประหม่าว่า “ท่านผู้อาวุโส…นิกายเลือดของพวกเราจบสิ้นแล้ว ท่านผู้นำนิกายและท่านผู้อาวุโสทั้งแปดคนได้ตายไปแล้ว...”
ทันใดนั้น ใบหน้าของผู้อาวุโสและสาวกของนิกายเลือดหลายคนก็ซีดลง "เจ้าพูดว่าอะไรนะ?"
"เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!"
“ท่านผู้นำนิกายเป็นนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ แล้วใครจะฆ่าเขาได้?!”
ความโกลาหลเกิดขึ้นท่ามกลางฝูงชน ทั้งที่พวกเขาเชื่อในพลังของผู้นำนิกายที่อยู่ในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ผู้นำนิกายของพวกเขาจะตายไปแล้ว
นอกจากนี้ พวกเขาก็ไม่รู้จริงๆว่าจะมีใครในเมืองหนานหยางที่สามารถฆ่าผู้นำนิกายของพวกเขาได้
“ถ้าหากเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะส่งเจ้าไปหาเจ้าหยานเจียนเฉิงที่ปรโลกเอง”
ลู่ชางเฉิงพูดเสร็จแล้วทำการผายมือของเขาทันที หลังจากนั้นพลังฉีและเลือดที่แข็งแกร่งก็แผ่ซ่านไปทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ผ่านการแลกเปลี่ยนเลือดและแทนที่ไขกระดูกถึงสองครั้ง พลังฉีและเลือดของลู่ฉางเฉิงได้มาถึงระดับมหาศาลแล้ว แม้แต่นักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะก็ยังถูกฆ่าได้ทันทีด้วยวิชาดาบเส้นด้ายของเขา
พลังฉีและเลือดอันน่าสยดสยองกำลังล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าราวกับก้อนเมฆ
“จงพุ่งพล่าน พลังของข้า”
ลู่ชางเฉิงยกมือขึ้นแล้วสับมือลง
"บู้มมมม"
พลังฉีและเลือดที่คล้ายก้อนเมฆฉีกระจายตัวออกและเปลี่ยนเป็นดาบเส้นด้ายอย่างรวดเร็ว
ดาบเส้นด้ายนั้นพุ่งเข้าใส่สาวกและผู้อาวุโสจํานวนมากด้านจากเบื้องล่างทันีท
โดยเฉพาะผู้อาวุโสขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะที่เป็นเป้าหมายหลักของเขา
"บ้าน่า!..."
"มันจะมีพลังฉีและเลือดที่มากมายขนาดนี้ได้ยังไง?!"
“ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ นี่คือพลังของนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์แน่ๆ!...”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ภายในภูเขาอันกว้างใหญ่ของนิกายเลือดก็มีเสียงคร่ำครวญดังก้องไปทั่ว
ศพหลายสิบถึงหลายร้อยศพกองอยู่บนพื้น และบรรยากาศก็คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเลือด
สําหรับผู้อาวุโสการขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะทั้งเจ็ดคน ไม่มีใครเลยที่รอดไปได้ พวกเขาทั้งหมดถูกฆ่าตายด้วยวิชาดาบเส้นด้าย
ลู่ชางเฉิง เข้าไปค้นร่างของศพอย่างระมัดระวังทีละศพ แต่ก็ไม่พบสิ่งของมีค่าอะไร
ในตอนแรกเขาตั้งใจจะจากไป แต่เมื่อเขาจ้องไปที่ประตูภูเขาขนาดใหญ่ จู่ๆลู่ฉางเฉิงนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“นิกายเลือดเป็นนิกายศิลปะการต่อสู้ที่ก่อตั้งมาแล้วสองถึงสามร้อยปี พวกเขาต้องรวบรวมเทคนิคศิลปะการต่อสู้ต่างๆเอาไว้แน่ๆ ถ้าหากไม่มีการฝึกเทคนิคศิลปะการต่อสู้ ค่าความเข้าใจของข้าก็จะไม่เพิ่มขึ้นแน่ๆ”
“ข้าหวังว่าเทคนิคศิลปะการต่อสู้เก่าแก่หลายศตวรรษของนิกายเลือดคงจะไม่ทําให้ข้าผิดหวังนะ”
ลู่ชางเฉิงคว้าร่างของสาวกที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาแล้วถามว่าและถามว่า "นิกายเลือดเก็บเทคนิคศิลปะการต่อสู้เอาไว้ที่ไหน?
ถ้าเจ้ารู้จงพาข้าไปที่นั่นซะ!”
"ดะ..ได้ครับท่าน"
สาวกคนนั้นไม่กล้าปฏิเสธและพาลู่ชางเฉิงไปที่เก็บศิลปะการต่อสู้ ซึ่งภายในห้องนั้นมีชั้นหนังสือเรียงเป็นแถวๆที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมาย ลู่ชางเฉิงไม่ได้คิดที่จะค้นหาทีละเล่ม แต่ทำการกวาดรวมเทคนิคศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดไปสามชุดใหญ่ทันที
นอกจากนี้เขายังพบกับเทคนิคลับในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ด้วย
มันคือเทคนิคลับในขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียวในนิกายเลือด ชื่อของมันคือ “เทคนิคลับผลึกโลหิต” ซึ่งจะสามารถฝึกฝนได้โดยใช้สมบัติพิเศษที่เรียกว่าผลึกโลหิต ซึ่งจะเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นสิบเก๋า”
ในตอนนี้ลู่ชางเฉิงกำลังนึกถึงหยานเจียนเฉิง
การที่หยานเจียนเฉิงมีความแข็งแกร่งถึง 20 เก๋าได้นั้น มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาได้ผ่านการฝึกเทคนิคลับผลึกโลหิตมาก่อนหน้านี้
เมื่อคิดได้แบบนี้ ลู่ชางเฉิงจึงคว้าร่างของสาวกนิกายเลือดคนนั้นและถามว่า "เจ้ารู้ไหมว่าหยานเจียนเฉิง เก็บผลึกโลหิตเอาไว้ที่ไหนเพื่อฝึกเทคนิคลับนี้?"
“ผะ..ผลึกโลหิตรึ? นั่นเป็นสมบัติลับในนิกายเลือดของพวกเรา ท่านผู้นำจึงเก็บเอาไว้ในห้องลับของนิกาย”
ห้องลับนั้นอยู่ติดกับห้องเก็บศิลปะการต่อสู้ ซึ่งหลังจากลู่ชางเฉิงเข้าไปในห้องลับจึงพบกับผลึกโลหิตห้าชิ้นได้อย่างง่ายดาย
แน่นอนว่าเทคนิคลับผลึกโลหิตนั้นสามารถจะใช้ผลึกโลหิตได้เพียงครั้งละหนึ่งชิ้น และไม่ว่าจะใช้ครั้งละสองถึงสามชิ้นผลของมันก็จะไม่ต่างไปจากเดิม
ซึ่งนี่คือมรดกสืบทอดของนิกายแห่งนี้ที่ทำให้ผู้นำนิกายแข็งแกร่ง
เมื่อเข้าสู่ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกเขาจึงทำการใช้ผลึกโลหิตและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กลายเป็น 20 เก๋า
แต่ตอนนี้ ลู่ชางเฉิงได้ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ในครั้งนี้และชิงผลึกโลหิตไปถึงห้าชิ้น
หลังจากนั้น ลู่ชางเฉิงจึงกลับมาที่ห้องโถงหลักของนิกายพร้อมกับของที่เขาได้มา
สาวกของนิกายเลือดหลายคนต่างเฝ้าดูเขาด้วยความประหม่า
พวกเขาไม่รู้ว่าลู่ฉางเฉิงจะจากไปเฉยๆ หรือว่าจะฆ่าพวกเขาทุกคนก่อนที่จะจากไป
แต่ความตั้งใจเดิมของลู่ชางเฉิงคือเขาไม่ได้คิดที่จะฆ่าทุกคนในนิกายเลือด
และในเมื่อนิกายเลือดไม่มีนักศิลปะการต่อสู้ขอบเขตการปรับแต่งอวัยวะอีกต่อไป เขาจึงไม่จำเป็นต้องฆ่าใครอีกต่อไป
และถึงแม้ว่าลู่ชางเฉิงจะไม่ทําอะไร แต่หลังจากนี้นิกายเลือดจะกลายเป็นนิกายที่ไร้ซึ่งพลังและอาจลงเอยด้วยการยุบนิกาย
ลู่ชางเฉิงจ้องมองไปที่ห้องโถงใหญ่ของนิกายเลือดอันตระหง่าน
ซึ่งมันคือสัญลักษณ์ของนิกายเลือดที่ยาวนานมากว่าสามร้อยปี
ลู่ชางเฉิงสูดหายใจเข้าลึกๆและเดินทีละก้าวออกไปที่ด้านนอกของห้องโถงใหญ่
หลังจากนั้นแววตาของเขาก็เปลี่ยนไป และเขาก็ใช้เทคนิคการเปลี่ยนแปลงเทพเจ้าแห่งมังกรเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพทั้งหมดเพื่อให้เข้าไปรวมกันในแขนของเขา
ลู่ชางเฉิงยกมือขึ้นและต่อยลงกับพื้นอย่างรุนแรง
"ตู้ม!!!"
ด้วยพลังอันน่าสะพรึงกลัว 26 เก๋า เขาได้สร้างคลื่นกระแทกขนาดใหญ่ราวกับว่ามันเป็นการระเบิดครั้งใหญ่ของภูเขาไฟ
ในขณะเดียวกัน พื้นดินก็เริ่มแตกออกและเริ่มแตกเป็นรอยแยกคล้ายกับใยแมงมุมที่ค่อยๆขยายเข้าไปในห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว
"ครืนนน"
วินาทีต่อมา ห้องโถงใหญ่ของนิกายเลือดอันยิ่งใหญ่และงดงามก็เริ่มสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง จากนั้นมันก็พังทลายลงพร้อมกับเสียงโครมครามที่ดังอึกทึก
สาวกของนิกายเลือดที่เห็นฉากนี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดขีด
นี่แหละพลังศักดิ์สิทธิ์!
นี่คือพลังศักดิ์สิทธิ์อย่างแท้จริง!
ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว เขาสามารถทำให้ผืนดินและท้องฟ้าสั่นสะท้านได้และทำลายห้องโถงใหญ่ได้ในพริบตา
ห้องโถงใหญ่ที่เปรียบเหมือนสัญลักษณ์และเป็นตัวแทนของนิกายเลือด ตอนนี้มันถูกทำลายลงด้วยการโจมตีจากพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังโดย "จวงซี่หนาน"
หลังจากการล่มสลายของห้องโถงใหญ่นั้น ทำให้สาวกของนิกายเลือดยืนอึ้ง
เมื่อห้องโถงใหญ่ล่มสลายลง มันก็เปรียบเหมือนกับนิกายของพวกเขาล่มสลายลงไปด้วย
ลู่ชางเฉิงรู้สึกพอใจอย่างมากที่ได้เห็นแบบนี้
ด้วยพลังของเขาเพียงคนเดียว ตอนนี้เขาสามารถทำลายล้างนิกายได้แล้ว!
ขอบเขตพลังศักดิ์สิทธิ์นั้นแข็งแกร่งสมกับชื่อ "พลังศักดิ์สิทธิ์" อย่างแท้จริง
“เอาล่ะ ข้าเองก็ต้องรีบกลับแล้วเช่นกัน”
ลู่ชางเฉิงหยิบของที่เขารวบรวมไว้ยกขึ้นมาข้างๆและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในความมืด...