บทที่ 25: ไปหาซือคงหรูหลาง
ความจริงแล้วจวินหรูเย่อยากจะสอบถามรายละเอียดจากเฟิ่งมู่ชิงตั้งแต่เมื่อวานด้วยซ้ำ แต่พอทั้งสองได้พบกันนางกลับทำเหมือนกับว่าเรื่องที่นางทำไปเมื่อคืนเป็นเรื่องปกติเสียอย่างนั้น
ชายหนุ่มไม่รู้จะตอบพระชายาตัวเองว่าอย่างไรจึงทำได้เพียงส่ายหัวเบา ๆ
เฟิ่งมู่ชิงที่เห็นเช่นนั้นก็มองดูเขาด้วยสีหน้าสับสน นางไม่เข้าใจเลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ในเมื่อท่านไม่มีอะไรแล้ว งั้นข้าขอตัวก่อน” หญิงสาวขอตัวลาแล้วเดินผ่านเขาไป
ทางด้านผู้สำเร็จราชการฯ หนุ่มก็ได้แต่ควบคุมรถเข็นของตัวเองให้หมุนตัวเฝ้าดูภรรยาสาวเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ และทันใดนั้นอารมณ์ที่อธิบายไม่ได้ก็พลุ่งพล่านอยู่ในใจของเขา
ดูเหมือนว่าตั้งแต่พบกันครั้งแรก การกระทำของนางส่งผลต่ออารมณ์ของเขามาก… ทำไมถึงเป็นเช่นนี้กัน?
…
อีกด้านหนึ่ง
ครั้งสุดท้ายที่เฟิ่งมู่ชิงเดินทางไปที่หอหงโหลว อาคารก็ถูกบูรณะจนเกือบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนพวกสาว ๆ ก็ได้เรียนรู้ทักษะจนเชี่ยวชาญมากขึ้นเช่นกัน
ทันทีที่หญิงสาวเดินห่างจากจวินหรูเย่มาระยะหนึ่งแล้ว นางก็เรียกโม่เยว่มาก่อนจะสั่งให้อีกฝ่ายไปส่งจดหมายถึงป้าหงโดยเนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า ‘หอหงโหลวจะเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 2 หลังจากเทศกาลหมื่นบุปผาจบลง’
เทศกาลหมื่นบุปผานับได้ว่าเป็นเทศกาลสำคัญที่มีเฉพาะในเป่ยอี้ ในวันนั้นไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญหรือคนธรรมดาทั่วไปต่างก็เดินทางมาร่วมงาน
เทศกาลนี้ถือเป็นเทศกาลสำหรับหนุ่มสาวในเมืองหลวงที่จะมาหาคู่ครองของตัวเอง หรือบางคนที่ต้องตาต้องใจกันอยู่แล้วก็จะชวนกันมาเที่ยวงานเทศกาลเพื่อแสดงความรู้สึกของตนเองให้อีกคนรับรู้
แต่อันที่จริงไม่ได้มีเพียงคนในเมืองหลวงเท่านั้น ผู้คนจากแว่นแคว้นอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงก็พากันหลั่งไหลมาเที่ยวชมงานเทศกาลดังกล่าวเช่นกัน
เหลือเวลาอีกเพียง 7 วันก็จะถึงเทศกาลหมื่นบุปผา ดังนั้นเฟิ่งมู่ชิงจะต้องเตรียมทุกอย่างให้พร้อม
ในอีกด้านหนึ่ง เฟิ่งหวานหว่านผุดลุกขึ้นจากเตียงอย่างตื่นตระหนก ทันทีที่นางหลับตาลง ภาพอันน่าหวาดกลัวเมื่อคืนก็ปรากฏขึ้นในหัวของนาง หากตอนนี้ผู้เป็นแม่ไม่อยู่ข้างกาย นางก็คงไม่รู้สึกเบาใจ
“หวานหว่าน บนโลกนี้ไม่มีผีอยู่จริงหรอกนะ คงจะมีใครสักคนอิจฉาเจ้าแล้ววางแผนตบตาเจ้าอยู่เป็นแน่” ฮูหยินหวังพูดพร้อมกับตบหลังปลอบบุตรสาวเบา ๆ
ถ้าผีมีอยู่บนโลกนี้จริง ๆ หลานจิ้งโหรวคงไม่มาเรียกร้องความยุติธรรมจากนางช้าแบบนี้
ยิ่งไปกว่านั้น มือของหวานหว่านไม่เคยแปดเปื้อนเลือดของใครมาก่อน แล้วจะมีผีที่ไหนมาเรียกร้องความยุติธรรมจากนางกัน?
หลังจากเฟิ่งหวานหว่านทบทวนคำพูดของมารดา นางก็สงบสติอารมณ์ลงได้ แต่นางก็ยังคงหลงเหลือความกลัวอยู่บ้าง
“จะต้องเป็นเฟิ่งมู่ชิงแน่ ต้องเป็นนางที่อิจฉาข้า!” คุณหนูรองตระกูลเฟิ่งกัดฟันพูด
หากมีใครในโลกนี้ที่อยากจะสาปแช่งให้นางต้องทุกข์ทรมานมากที่สุด คนแรกที่นางคิดถึงก็คือเฟิ่งมู่ชิง!
“แม้แต่พี่หรูหลางก็ยังหลงเสน่ห์นาง ในระหว่างงานเลี้ยงวันคล้ายวันพระราชสมภพของฮองเฮา เขาก็เอาแต่มองนางไม่วางตา” เฟิ่งหวานหว่านเริ่มรู้สึกไม่มั่นคงเมื่อนึกถึงสายตาที่ซือคงหรูหลางมองเฟิ่งมู่ชิง
ทั้ง ๆ ที่ตัวนางคอยอยู่เคียงข้างเขามาตั้งหลายปีแล้ว ทว่าเหตุใดเพียงไม่กี่ชั่วอึดใจที่นางจิ้งจอกเฟิ่งมู่ชิงปรากฏตัว นางถึงได้มาขโมยความสนใจของเขาไปเสียหมด
“ท่านแม่ ถ้าเฟิ่งมู่ชิงยังมีชีวิตอยู่แม้เพียง 1 วัน ข้าก็ไม่มีทางรู้สึกสบายใจ” หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น มันยิ่งทำให้ใบหน้าที่หม่นหมองของนางยิ่งดูทรุดโทรมลงไปอีก
“นางจิ้งจอกนั่นตอนนี้เป็นถึงพระชายาผู้สำเร็จราชการฯ แล้ว นางมีผู้สำเร็จราชการฯ คุ้มกะลาหัวอยู่ เราจำเป็นจะต้องวางแผนเรื่องนี้ให้รอบคอบเสียก่อน หวานหว่าน ระหว่างลูกกับท่านหนิงอ๋องเกิดอะไรขึ้น?” ฮูหยินหวังเอ่ยถามลูกสาว
เมื่อเฟิ่งหวานหว่านคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในที่สุดนางก็มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้า “วันนั้นพี่หรูหลางเอ่ยปากต่อหน้าท่านพ่อว่าข้าเป็นว่าที่พระชายาของเขา”
ในวันที่นางมีสติตื่นขึ้นมาหลังจากถูกโบย 30 ไม้ พ่อของนางก็เล่าให้ตนฟังถึงสิ่งที่ซือคงหรูหลางพูด
พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วเฟิ่งหวานหว่านก็รู้สึกมีความสุขในใจ
“ตอนนี้ลูกกับหนิงอ๋องกำลังอยู่ในห้วงแห่งความรัก แต่อะไรบนโลกนี้ล้วนไม่จีรัง ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากแค่ไหน ระหว่างทางนั้นก็มีอะไรเกิดขึ้นได้มากมาย เพื่อสถานะที่มั่นคงของลูก ลูกควรลงมือทำอะไรบางอย่างก่อนที่จะสายเกินการ” ฮูหยินหวังกุมมือลูกสาวพร้อมกับส่งสายตามองหน้าท้องแบนราบของเฟิ่งหวานหว่าน
ตราบใดที่หวานหว่านตั้งท้องทายาทของหนิงอ๋อง ตำแหน่งพระชายาหนิงอ๋องก็ไม่มีทางมีใครมาแทนที่ได้แน่นอน!
คุณหนูรองเฟิ่งเข้าใจเจตนาที่แม่ของตนต้องการจะบอกในทันที พลันใบหน้าของนางก็เห่อร้อนขึ้นเพราะรู้สึกเขินอาย
ทว่าเวลาไม่เคยคอยใคร หญิงสาวกังวลว่าหากมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ ดังนั้นนางจึงตัดสินใจแอบเดินทางออกจากจวนมหาเสนาบดีไปในคืนนั้น
…
ในค่ำคืนอันมืดมิด มีเพียงแสงจันทร์คอยทำหน้าที่เป็นดั่งโคมไฟส่องสว่างในจวนหนิงอ๋องที่ตั้งตระหง่านมั่นคงสมกับตำแหน่งของผู้เป็นเจ้าของ
ยามนี้เฟิ่งหวานหว่านมองไปที่จวนตรงหน้าของตัวเองพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ในจวนแห่งนี้พุ่งสูงขึ้น
จากนั้นหญิงสาวก็แอบมาที่ประตูด้านหลังก่อนจะเคาะเรียกคนที่อยู่ด้านในด้วยความเคยชิน แล้วคนที่ออกมาต้อนรับของนางก็คือ ‘ชุยอวี้’ คนรับใช้ส่วนตัวของซือคงหรูหลาง
“คุณหนูรองเฟิ่ง?!” ชุยอวี้รู้สึกประหลาดใจที่เห็นผู้มาเยือน
พอเฟิ่งหวานหว่านได้เห็นท่าทางประหลาดใจของอีกฝ่าย นางก็รู้สึกหงุดหงิดในใจ
“เจ้าจะยืนบื้ออยู่อีกนานไหม รีบพาข้าไปพบพี่หรูหลางเร็วเข้า!”
สาวรับใช้คนสนิทของหนิงอ๋องรีบเรียกสติตัวเองกลับมาก่อนจะพาคุณหนูรองสกุลเฟิ่งไปยังห้องทรงงานของซือคงหรูหลางแบบลับ ๆ ล่อ ๆ เหมือนโจรมาขโมยของ
นี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่เฟิ่งหวานหว่านได้เข้ามาด้านในจวนหนิงอ๋อง และท่าทีราวกับกลัวมีคนอื่นมาเห็นของชุยอวี้มันทำให้นางรู้สึกไม่พอใจ
ในตอนที่ซือคงหรูหลางเห็นว่าใครเดินทางมาหาเขาในยามวิกาลนั้น เขาก็ตกใจมาก ท่าทางของเขาที่แสดงออกมามีทั้งประหลาดใจแต่ก็แฝงไปด้วยความหวาดกลัวอะไรบางอย่าง
“ชุยอวี้ เจ้าออกไปเฝ้าด้านนอกเอาไว้อย่าให้ใครรู้เรื่องนี้” หลังจากที่ซือคงหรูหลางออกคำสั่งคนของตัวเองแล้ว เขาก็ดึงเฟิ่งหวานหว่านเข้ามาในห้อง
“ทำไมจู่ ๆ เจ้าถึงมาที่จวนของพี่โดยไม่บอกไม่กล่าวเช่นนี้?”
“อะไรกัน ข้ามาขัดความสำราญของพี่หรูหลางหรือไง?” หญิงสาวจ้องตาคนตรงหน้าด้วยสายตาเคลือบแคลงสงสัย จากนั้นความรู้สึกหวาดกลัวว่าจะไม่สามารถจับเขาไว้ในมือได้ก็พุ่งสูงขึ้น
ถ้าเฟิ่งมู่ชิงไม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน ใจของนางคงไม่สั่นคลอนแบบนี้
ทันทีที่ชายหนุ่มได้เห็นความไม่สบายใจในคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า เขาก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะดึงนางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับพูดปลอบนางเบา ๆ ว่า “จะเป็นไปได้อย่างไร เจ้าก็รู้ว่าพี่มีเจ้าเพียงคนเดียว”
พอเฟิ่งหวานหว่านได้สัมผัสถึงความอบอุ่นและหัวใจที่เต้นแรงระหว่างที่อยู่ในอ้อมอกของชายผู้เป็นที่รัก นางก็รู้สึกสบายใจมากขึ้น
“ว่าแต่ที่หวานหว่านมาหาพี่กลางดึกแบบนี้มีเรื่องสำคัญอะไรหรือไม่?”
เฟิ่งหวานหว่านส่ายหัวเป็นคำตอบ
ซึ่งคำตอบนั้นทำให้ซือคงหรูหลางรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “นี่!…” ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากดุอีกฝ่าย เขาก็สัมผัสได้ว่าคนที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาสะดุ้งน้อย ๆ มันจึงทำให้คำพูดที่กำลังจะหลุดออกจากปากหยุดลงกะทันหัน
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมพี่ไม่เคยพาเจ้ามาที่จวนของพี่?” หลังจากที่ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความกลัวของเฟิ่งหวานหว่าน เขาจึงข่มอารมณ์และอธิบายให้หญิงสาวฟังอย่างใจเย็น
เฟิ่งหวานหว่านส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “หวานหว่านไม่รู้”
นับตั้งแต่ที่นางคบหากับพี่หรูหลางมานางก็รู้สึกไม่เข้าใจเรื่องนี้มาโดยตลอด หากนางไม่เคยแอบสืบหาข้อมูลอยู่หลายครั้ง นางคงจะเผลอคิดไปจริง ๆ ว่าพี่หรูหลางแอบซ่อนใครบางคนเอาไว้ในจวน
“นั่นเป็นเพราะพี่ไม่รู้ว่าหูตาของจวินหรูเย่นั้นสอดส่องมาที่จวนหนิงอ๋องของพี่เท่าไหร่ เขาคอยหาโอกาสที่จะเล่นงานพี่อยู่ตลอดเวลา หวานหว่าน พี่หวังว่าเจ้าจะเข้าใจความลำบากของพี่”
เมื่อเฟิ่งหวานหว่านได้ยินคำพูดของชายหนุ่ม ความหดหู่ในใจของนางก็พลันมลายหายไปในพริบตา
อันที่จริงแล้วสิ่งที่นางให้ความสำคัญไม่ใช่เพียงแค่ความรู้สึกระหว่างตนกับซือคงหรูหลาง แต่นางยังให้ความสำคัญถึงตำแหน่งของเขามากด้วย หากมีใครมาลดทอนอำนาจของเขาไป แผนการทั้งหมดที่นางเพียรทำมาก็จะสูญเปล่า
“หวานหว่านเข้าใจ แต่ว่าวันนี้หวานหว่านคิดถึงพี่หรูหลางมากจนยั้งใจเอาไว้ไม่ได้ มันเป็นความผิดของหวานหว่านเองที่ไม่คำนึงถึงความลำบากของพี่หรูหลาง”
คำพูดหวานหูสั่นคลอนอารมณ์ของซือคงหรูหลางได้เป็นอย่างดี ขณะนี้ชายหญิงทั้งสองจ้องตากันพร้อมกับความเสน่หาที่ท่วมท้นออกมาผ่านดวงตา
พลันเฟิ่งหวานหว่านเอื้อมมือออกไปคล้องคอคนตัวสูงกว่า ใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาววัยแรกแย้มค่อย ๆ ขยับเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม ไม่นานริมฝีปากอิ่มก็สัมผัสกับริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างขัดเขิน
การกระทำของหญิงสาวทำให้ซือคงหรูหลางตกตะลึงงัน เขาไม่คาดคิดเลยว่านางจะกล้าเป็นฝ่ายเริ่มก่อนเช่นนี้ แต่นั่นมันก็ทำให้เขารู้สึกปลาบปลื้มมาก
เนื่องจากก่อนหน้านี้มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ทั้งคู่เลยไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้ว วันนี้เขาจึงรู้สึกอ่อนไหวมากเป็นพิเศษ
ในยามที่ความรักเบ่งบาน ความเสน่หาที่ซ่อนอยู่เบื้องลึกของจิตใจก็พุ่งสูงขึ้นตามธรรมชาติ ชายหญิงทั้งสองที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันก็โรมรันพันตูเปลี่ยนห้องเย็นชืดให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น แม้แต่ดวงจันทร์ที่คอยส่องแสงอยู่ด้านนอกหน้าต่างก็ยังแอบซ่อนตัวอยู่หลังม่านเมฆอย่างเขินอาย
…
วันต่อมา
เฟิ่งหวานหว่านกลับไปที่จวนมหาเสนาบดีแบบเงียบ ๆ ดังเดิม พอนางเปิดประตูห้องของตัวเองเข้าไป นางก็พบผู้เป็นแม่นั่งรออยู่ข้างใน นั่นทำให้นางสะดุ้งตัวโยนก่อนจะรีบปิดประตูลงอย่างรวดเร็ว
“ท่านแม่ ทำไมท่านถึงมาอยู่ในห้องของข้าล่ะ?”
“สำเร็จแล้วหรือ?” นางหวังไม่สนใจตอบคำถามของลูกสาว นางรีบถามคำถามที่นางอยากจะรู้ทันที
เมื่อคิดถึงความสุขสมที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ใบหน้าของคุณหนูรองเฟิ่งก็เห่อร้อนขึ้นมา ก่อนที่นางจะพยักหน้าแล้วตอบว่า “เจ้าค่ะ”
“ดีมาก!” ฮูหยินหวังดีใจจนเนื้อเต้น “หวานหว่าน ลูกเตรียมตัวเอาไว้เลย อีกไม่นานเราก็จะมีข่าวดี”
เฟิ่งหวานหว่านรู้สึกเขินอายมากที่ได้ยินมารดากล่าวเช่นนั้น ต่อมานางก็ใช้มือแตะไปที่หน้าท้องส่วนล่างของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจราวกับว่ามีอีกชีวิตหนึ่งอยู่ในนั้นแล้ว
เฟิ่งมู่ชิง รอก่อนเถอะ สักวันหนึ่งข้าจะต้องเหยียบย่ำเจ้าเอาไว้ใต้เท้าของข้าอีกครั้ง!