บทที่ 252 : สวรรค์สีดำ (2)
บทที่ 252 : สวรรค์สีดำ (2)
ตราบเท่าที่อาวุธหรือยุทโธปกรณ์ถูกจัดเก็บไว้ในสถานที่ที่กำหนดในโกดัง ทุกอย่างสามารถนำออกมาใช้ได้ตามต้องการ
'แต่ตอนนี้มันไร้ประโยชน์ถ้าไม่มีนายท่าน'
เพราะมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ แต่มีอย่างหนึ่งที่เห็นได้คือความสามารถนี้ทำให้การต่อสู้มีข้อได้เปรียบมากขึ้น
“เวทย์มนตร์นี้เป็นคาถาระดับสูงที่ค่อนข้างจะ…”
ออลก้ากลืนน้ำลายลงคอแรง ๆ
ฉันหันหน้าไปมองคาทีโอแล้วพูดว่า
“นายปิดมันเลย ตอนนี้มันไม่มีประโยชน์อยู่แล้ว”
“กร้าก เสียงดัง! พวกมนุษย์! พวกแกต้องตาย!”
[มนุษย์กิ้งก่า Lv.27 X 31]
[นักเวทย์มนุษย์กิ้งก่า Lv.29 X 2]
พวกมนุษย์กิ้งก่าหลั่งไหลออกมาจากถ้ำแล้วล้อมรอบพวกเรา
พวกมันกวัดแกว่งอาวุธของพวกมันและจ้องมองมาที่เราด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด
“กร๊าก!”
มนุษย์กิ้งก่าร่างเล็กที่ดูแล้วน่าจะเป็นผู้นำพุ่งเข้ามาหาเราพร้อมกับจับหอกไว้ในมือ
ฉันก้าวไปข้างหน้าและเหวี่ยงดาบออกไป แขนของของมันถูกตัดขาดทันทีเลือดสีแดงกระจายอยู่ในอากาศ
มันกรีดร้องจนเสียงโหยหวนและทรุดตัวลงไปกองกับพื้น
“แค่ทำสิ่งที่เราทำประจำ”
"ได้"
“ไปกันเถอะ”
ฉัน เวคิส และเจนน่าเริ่มการต่อสู้ด้วยสีหน้าที่ไร้ความตึงเครียด
เราสร้างรูปแบบสามเหลี่ยมรอบ ๆ ออลก้าและคาทีโอเพื่อขับไล่ศัตรู ออลก้าหลับตาแล้วเริ่มร่ายเวทย์มนตร์
“ให้ตายเหอะ...ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตจะต้องมาทำอะไรแบบนี้”
คาทีโอพึมพำอย่างขมขื่นและดึงหินหกเหลี่ยมเล็ก ๆ ออกมาจากกระเป๋าของเขา
ตอนนี้เขาถูกปกคลุมไปด้วยแสงออร่าสีน้ำเงิน มันดูเหมือนเป็นหินวิเศษอะไรสักอย่าง
【การเพิ่มประสิทธิภาพคุณสมบัติถูกเปิดใช้งาน】
คาทีโอขว้างหินเวทย์มนตร์ออกไป
หินและทรายที่อยู่ทั่วนั้นหมุนวนรอบ ๆ หินเวทย์มนตร์และก่อตัวรวมกันจนกลายเป็นบางสิ่งที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ขนาดใหญ่
'โกเลมงั้นเหรอ?'
โกเลมที่สูง 3 เมตรส่งเสียงแปลก ๆ ออกมาและเหวี่ยงแขนของมันออกมาทุบพวกมนุษย์กิ้งก่าที่อยู่ข้างหน้า
ใบหน้าของมนุษย์กิ้งก่าที่ถูกทุบจนแบนเหมือนแพนเค้ก
【การเสริมคุณสมบัติ การบุกทะลวง】
คาทีโอหยิบหินเวทมนตร์ก้อนที่สองออกมา
[ 'คาทีโอ (★★★★)' ใช้คุณสมบัติกับ 'ปาร์ตี้ที่ 1' ทั้งหมด!]
[ไอเทม – หินเวทย์มนตร์เสริมความแข็งแกร่ง (ระดับต่ำ)]
[ความแข็งแกร่งของทั้งปาร์ตี้เพิ่มขึ้น]
ฉันตรวจสอบสถานะของฉันอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ความแข็งแกร่งของฉันเพิ่มขึ้นมาประมาณ 5 ระดับ
'หินเสริมความแข็งแกร่ง'
แต่ละครั้งที่หินเวทย์มนตร์แตกในมือของคาทีโอ แสงสว่างก็ส่องเข้าไปในร่างกายของสมาชิกปาร์ตี้
ความสามารถทั้งหมดเพิ่มขึ้น มันเป็นบัฟที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพพอควร ฉันคิดขณะหันมองไปที่คาทีโอ
'การเคลื่อนย้ายระยะไกล'
โกเลมที่ปกคลุมไปด้วยแสงปรากฏขึ้นและมันก็พุ่งกระโดดไปไกล 10 เมตร
'เทเลคิเนซิสงั้นเหรอ?'
พลังของคาทีโอน่าจะสูงกว่าของออลก้าหลายระดับ
มันแข็งแกร่งพอที่จะทำให้ทรายเม็ดเล็ก ๆ กลายเป็นกำแพงสูงชันได้
'เปรี้ยะ'
มนุษย์กิ้งก่าถือหน้าไม้ถูกสายฟ้าซัดใส่จนกระเด็นออกไป
'แม้กระทั่งการแทรกแซงเวทย์มนตร์'
แสงสีแดงหายไปจากไม้เท้าของมนุษย์กิ้งก่านักเวทย์ที่กำลังร่ายเวทย์
"แกร๊ก? ทำไมพลังข้าถึง……”
เวคิสไม่รอให้มันหาคำตอบ เขาแยกหัวของมันออกเป็นสองซีก
ถัดจากเวคิสไปไม่กี่เมตร เปลวไฟจากมือออลก้าปะทุออกมาและร่างกิ้งก่าที่ไหม้เกรียมจากการระเบิดกระจัดกระจายไปทั่ว
ออลก้าดึงมือออกแล้วเปิดยามานา
“ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก”
เส้นใยมานาสีน้ำเงินไหลซึมเข้าไปในร่างของออลก้า
“อะไรน่ะ?”
'ดูเหมือนว่าการถ่ายโอนมานาก็ทำได้ด้วยเช่นกัน เด็กนี้ทำได้หลายอย่างเลยแฮะ'
ไม่กี่นาทีต่อมา
ลานด้านหน้าถ้ำเต็มไปด้วยซากมนุษย์กิ้งก่า
เจนน่าพึมพำ
“นี่เขาทำได้กี่อย่างเนี่ย?”
“ทำไมไม่ถามเด็กนั้นตรง ๆ ล่ะ”
ฉันสะบัดเลือดออกจากดาบ
พวกมันที่เหลือนั่งตัวสั่นอยู่ที่มุม ๆ หนึ่ง
“น่าทึ่งจริง ๆ ฉันคิดว่าพวกนักเวทย์เสกได้แค่เปลวไฟหรือสายฟ้าเท่านั้น”
“มันเป็นพลังอันทรงเกียรติเป็นที่มีมาอย่างยาวนาน เวทย์มนตร์แห่งการเล่นแร่แปรธาตุมีการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานนับพันปี…”
“แค่เศษซากอารยธรรมของคนรุ่นเก่า”
“ใช่แล้ว เป็นซากของคนรุ่นเก่า…เดี๋ยว ไม่ใช่นะ!”
ฉันหัวเราะเบา ๆ
“ฉันคิดว่าพี่ออลก้าเก่งกว่า!”
เจนน่าหันหน้ามาบอกฉัน
“แค่ภายนอกไม่สามารถตัดสินได้หรอก”
ในการต่อสู้ระยะใกล้ นักเวทย์ที่เล่นเเร่แปรธาตุได้จะมีประสิทธิภาพมากกว่า
“ฉันไม่รู้ว่าพวกนายต่อสู้กันยังไง...คือฉันยังปรับตัวไม่ได้...”
คาทีโอบ่นและมองไปที่ซากศพที่กระจัดกระจาย ดูผ่าน ๆ ก็น่าจะประมาณ 50 กว่าตัว และเราไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย
“ดูเหมือนนายจะต่อสู้ได้ดีกว่าที่ฉันคิด นายพร้อมที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือยัง?”
ฉันพูดเพื่อปลุกใจคาทีโอ และหันไปจัดการมนุษย์กิ้งก่าตัวสุดท้าย
เมื่อสัตว์ประหลาดตัวสุดท้ายตายไป มีข้อความขึ้นมาว่า 'เคลียร์ด่านสำเร็จ' ปรากฏขึ้นและจากนนั้นร่างกายของฉันก็เริ่มถูกปกคลุมไปด้วยแสง
“แต่นายต้องต่อสู้ที่นี่ แทนที่จะเป็นฮาร์ลา…”
“คิดให้ดี เรามีเวลาอีกเยอะ”
ยังมีเวลาอีกมาก เป็นเรื่องดีที่จะตัดสินใจหลังจากภารกิจนี้จบลงแล้ว
นักเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการเล่นแร่แปรธาตุนั้น ส่วนใหญ่ก็ได้รับการสนับสนุนมากกว่าอยู่แล้ว
ไรก็ได้เองก็คงมีความคิดคล้าย ๆ กัน
ไม่นานหลังจากนั้น ไรก็ได้ก็เข้าสู่ระบบ
ในตอนแรก ฉันพยายามให้เด็กนั้นเข้าร่วมปาร์ตี้ที่ 2 แต่หลังจากอีดิสปฏิเสธ ฉันก็ไม่ได้บังคับเธอ และฉันเพิ่งให้มอบหมายให้คาทีโอทำการวิจัยและจัดการเรือเหาะ
หลังจากเสร็จสิ้นคำแนะนำพื้นฐานแล้ว หน้าต่างแจ้งเตือนก็จะปรากฏขึ้นให้ไรก็ได้เห็นเมื่อเขาเข้าสู่ระบบ
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏหลายครั้งนับตั้งแต่การโจมตีครั้งล่าสุด
[นายท่านตรวจพบการแชทที่ไม่ปรากฏชื่อ]
[คุณต้องการตรวจสอบหรือไม่? ]
[ใช่ (เลือก) / ไม่ใช่]
แม้แต่ไรก็ได้ที่เมินมันมาโดยตลอดก็ยังเลือกปุ่ม 'ใช่' ด้วยความอยากรู้
ซินนูนู > เฮ้! ไอ้สารเลว
ซินนูนู > แกรู้สึกดีมากใช่ไหมที่ได้ใช้ฮีโร่และเรือเหาะของคนอื่นห่ะ?
ซินนูนู > ไร้ค่าชิบหาย ฝั่งฉันอุตส่าห์ใจดีกับแก แต่ แต่แกกลับมองว่าคนอื่นเป็นคนโง่งั้นสินะ
ซินนูนู > แกคิดว่านี่คือจุดจบงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ รออีกสักหนึ่งสัปดาห์ก่อนเถอะ
[การแชทสิ้นสุดลงแล้ว]
หน้าต่างแชทหายไป
ไรก็ได้ยังคงเล่นจัดการห้องรอต่อไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
'ไอ้ซินนูนูควรจะยอมแพ้ได้เเล้ว'
ฮีโร่หลักตายไปจนหมดแล้ว นักเวทย์และเรือเหาะก็ถูกยึด
สิ่งอำนวยความสะดวกทุกแห่งถูกไฟไหม้ ระดับของสิ่งอำนวยความสะดวกก็ลดลงเช่นกัน นับว่าเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญ เขาต้องใช้เวลามากกว่าหนึ่งเดือนและต้องใช้อัญมณีจำนวนมากในการฟื้นฟูห้องรอ แต่เขากลับมีความมั่นใจมากเหมือนคิดว่าจะสามารถเอาคืนเราได้
'มีบางอย่างที่เราต้องทำก่อนจะไปสู่ภารกิจหลักแฮะ'
“ยูเน็ต”
<นายท่าน ดีใจจังเลยค่ะที่นายท่านติดต่อมาแล้ว>
ยูเน็ตพูดต่อ
<ฉันทราบถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นแล้ว หากนายท่านออกคำสั่ง ฉันจะจัดกองกำลังเรือเหาะทันทีค่ะ>
"ยังไม่ต้องใช้กองทัพเรือเหาะ เว้นแต่พวกมันจะกำหนดเป้าหมายไปที่เนลม์ไฮมฟ์”
ไม่มีทางที่มันจะไปที่เนลม์ไฮมฟ์ เพราะยังไงมันต้องมาที่ทาวน์เนียแน่นอน
ถึงการปล่อยไปแบบนี้มันจะมีความเสี่ยงอยู่พอสมควร...แต่ฉันมีแผนในใจแล้ว