ตอนที่ 5 สิ่งประดิษฐ์
ตอนที่ 5 สิ่งประดิษฐ์
[ภารกิจ] : ขึ้นสู่แท่นบนยอดเขาไป๋หยาง
รางวัล : สิ่งประดิษฐ์ระดับกลาง รองเท้าเมฆขาว
ยอมรับ : ใช่ / ไม่
ลู่อี้ คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะได้รางวัลดีขนาดนี้ แถมมันยังเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับกลางอีก!
สิ่งประดิษฐ์...มีลูกศิษย์มากกว่า 100,000 คนในนิกายฝ่ายนอก แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีสิ่งประดิษฐ์ ซึ่งโดยปกติแล้วผู้บ่มเพาะระดับสร้างรากฐานจะใช้กัน
เนื่องจากพ่อแม่ของลู่อี้เป็นผู้ช่วยนิกายฝ่ายนอกและยังเป็นผู้บ่มเพาะระดับสร้างรากฐานอีก พวกเขาก็เลยมีสิ่งประดิษฐ์ใช้ ซึ่งพ่อแม่ของลู่อี้ก็ได้ใช้เงินเป็นจำนวนมากเพื่อซื้อมันมา
เพียงแค่สิ่งประดิษฐ์ระดับต่ำก็ยังมีค่ามาก เพราะงั้นสิ่งประดิษฐ์ระดับกลางนี่คงไม่ต้องพูดถึง
เท่าที่ลู่อี้รู้ พ่อของเขา ลู่เกาหยางก็มีดาบยาวระดับกลางแถมเขายังหวงมากขนาดเขาเองยังทำได้แค่มองเท่านั้น ส่วนแม่ของเขามีแค่ระดับต่ำ
เขาคาดไม่ถึงว่าระบบมันจะใจกว้างขนาดนี้
ลู่อี้คิดว่าวันนี้เขาต้องขึ้นไปนั่งบนแท่นนั่นให้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงนอนไม่หลับเป็นแน่
ลู่อี้ยอมรับภารกิจและเดินต่อไปอีกครั้ง เหล่าลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่กำลังเฝ้าดูอยู่นั้น พวกเขาก็ได้เปิดทางให้ลู่อี้เดินผ่านไปอย่างง่ายๆ
ในตอนแรกลู่อี้ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมากหรอก จนกระทั่งเขาเดินเข้าใกล้แท่นมากขึ้นเรื่อยๆ ลู่อี้เลยพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ทำไมไม่มีใครมาหยุดเขาเลยเนี่ย?
ปกติแล้ว มันต้องมีอีกสองสามคนกระโดดออกมาหยุดไม่ให้เขาขึ้นไปไม่ใช่หรือไงกัน
และในขณะที่ลู่อี้กำลังเดินไปคิดไปอยู่นั้น เขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเกือบมาถึงทางขึ้นแท่นแล้วและผู้คนที่อยู่ข้างหน้าก็ดูเหมือนจะไม่มีความคิดที่จะหยุดเขาเลย
ลู่อี้รู้สึกกังวลเล็กน้อย ลุกมาสิเหล่าศิษย์พี่ขั้นที่ 8 ทั้งหลาย พวกท่านไม่มีศักดิ์ศรีเลยหรือไง?! ท่านจะปล่อยให้ระดับรวมลมปราณขั้นที่ 6 ตัวเล็กๆ ขึ้นไปบนแท่นได้งั้นหรือ? เขากำลังจะได้ฟาร์มยาแล้วนะ ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้เล่า!
ลู่อี้ตั้งใจเดินช้าลงพร้อมกับหวังให้ใครสักคนออกมาหยุดเขา แต่ก็ไม่มีใครออกมาหยุดจนลู่อี้ไปถึงขั้นบันไดใต้แท่นเลย
ลู่อี้รู้สึกผิดหวังมาก เขาหันหลังไปเห็นศิษย์พี่และศิษย์น้องที่กำลังมองมาที่เขา เขาก็ไม่เต็มใจเล็กน้อยและวางแผนที่จะลีลาให้สุดกำลัง
เขามองไปรอบๆ พลางยิ้มแล้วพูดว่า "ศิษย์พี่ ข้าจะขึ้นไปแล้วนะ?"
รีบมาหยุดข้าเร็ว!! รีบหน่อย! ตอนนี้เลย!! ลูอี้รออย่างใจจดใจจ่อ
ในตอนนั้นเอง ศิษย์พี่รวมลมปราณขั้นที่ 8 ก็ยิ้มและพูดว่า "ศิษย์น้องเจ้าขึ้นไปเถอะ หลินกังเป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดในหมู่พวกเราแล้วล่ะ หากเจ้าสามารถเอาชนะเขาได้ ก็เหลือคนไม่มากแล้วที่จะเอาชนะเจ้าได้ ดังนั้นพวกข้าจะไม่หยุดเจ้าหรอก”
“ใช่แล้ว ศิษย์น้อง วิชาดาบเมฆาขาวขอบเขตเปลี่ยนแปลงของเจ้านั้นทรงพลังจริงๆ หลังจากการบรรยายครั้งนี้ ข้าก็หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนวิถีดาบกับศิษย์น้องนะ”
“ข้าเองก็ด้วย”
"..."
ศิษย์พี่น้องทั้งหลายพูดออกมาทำให้ลู่อี้ก็รู้สึกอึ้ง ศิษย์พี่ก่อนหน้านี้แกร่งขนาดนั้นเลยเหรอ? ไงก็เถอะ เขาจะออกมาหยุดเองทำไมเนี่ย ทำไมไม่ปล่อยให้ลูกน้องมาหยุดก่อนเล่า?!
ลู่อี้เศร้ามากและมองไปที่หลินกัง เมื่อเขาเห็นสิ่งนี้ หลินกังก็ยิ้มให้ลู่อี้อย่างจริงใจ "ศิษย์น้อง ข้าเองก็หวังว่าจะได้แลกเปลี่ยนกับเจ้าอีกนะ"
ลู่อี้พยายามฝืนยิ้ม "ขอบคุณศิษย์พี่ หากเป็นเช่นนั้น ข้าขอขึ้นไปก่อนนะ"
เขาหันกลับด้วยความหงุดหงิดและเดินขึ้นบันไดต่อไปทีละขั้น
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่อี้ก็มาถึงแท่นบนยอดเขาไป่หยางจนได้ ซึ่งบนแท่นนี้เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ มีฟูกวางอยู่มากมาย ด้านหน้าฟูกก็มีแท่นซึ่งเป็นที่ที่ผู้อาวุโสจะมานั่งบรรยาย แต่ตอนนี้มันยังว่างเปล่าอยู่
มีคนจำนวนมากนั่งอยู่บนฟูกอยู่แล้ว ลู่อี้พบว่ายิ่งฟูกอยู่ใกล้แท่นมากเท่าไร ฐานการบ่มเพาะของเหล่าลูกศิษย์ที่นั่งก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และมีลูกศิษย์หลายคนเลยที่ทำให้ลู่อี้รู้สึกอันตรายมาก
ลูกศิษย์เหล่านี้บางคนพูดคุยกันสองสามคน และบางคนก็หลับตาและนั่งสมาธิเพียงลำพัง หลังจากที่ลู่อี้เดินขึ้นมา พวกเขาก็เริ่มมองมาที่เขา
ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นลู่อี้แล้ว ลูกศิษย์เหล่านั้นก็ตกตะลึง บางคนงุนงง บางคนขมวดคิ้ว
“รวมลมปราณขั้นที่ 6?”
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมศิษย์ระดับรวมลมปราณขั้นที่ 6 ถึงขึ้นมาได้กัน? คนด้านล่างไม่หยุดเขาเอาไว้หรือ?”
“ไม่น่าจะใช่? คนข้างล่างจะทำแค่มองศิษย์น้องผู้นี้ขึ้นมาเฉยๆได้อย่างไรกัน?”
หลายคนแสดงสีหน้าประหลาดใจ และผู้คนจำนวนมากก็มองไปที่ลู่อี้ด้วยสายตาที่แตกต่างกัน
สายตาของเหล่าลูกศิษย์ที่นั่งอยู่แถวหน้าเป็นเชิงสงสัยและสนใจ ในขณะที่สายตาของเหล่าลูกศิษย์ที่นั่งใกล้กับขอบนอกนั้นค่อนข้างระมัดระวังเล็กน้อย
บนแท่นนี้มีฟูกให้แค่ 1000 ที่เท่านั้นและทุกครั้งที่มีคนขึ้นมามันก็หมายความว่าต้องมีคนลงไป เนื่องจากศิษย์รวมลมปราณขั้นที่ 6 ผู้นี้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคลูกศิษย์จำนวนมากที่อยู่ด้านล่างขึ้นมาได้ นั่นก็หมายความว่าเขาต้องมีความแข็งแกร่งเพียงพอ โดยทั่วไปแล้ว ลูกศิษย์ที่อยู่แถวหน้าไม่ต้องกังวลเรื่องการลงไปอย่างแน่นอน แต่ทางด้านคนที่อยู่วงนอกนั้นต่างกัน
ลู่อี้มองไปที่ฟูกบนแท่น คิดอยู่พักหนึ่งแล้วตัดสินใจว่าจะไม่ทำตัวเก่งเกินไปดีกว่า เพราะศิษย์พี่ที่อยู่วงในดูเหมือนจะค่อนข้างแกร่งและดูเหมือนว่าเขาจะสู้ไม่ได้ ดังนั้นเขาก็แค่หาที่นั่งวงนอกนั่งก็พอแล้ว
ยังไงซะ คนเราก็ต้องทำอะไรที่มันไม่เกินตัวและต้องบรรลุเป้าหมายไปทีละขั้น ลู่อี้ในตอนนี้รู้สึกพอใจมากแล้วที่สามารถขึ้นมาบนแท่นได้ในวันนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาก็คงจะอยู่ได้แค่กลางภูเขาเท่านั้น
ดังนั้น ลู่อี้จึงสุ่มหาที่นั่งแถวๆนั้นแล้วนั่งลงพร้อมกับมองระบบอย่างมีความสุข
[ภารกิจ] : ขึ้นสู่แท่นบนยอดเขาไป๋หยาง
รางวัล : สิ่งประดิษฐ์ระดับกลาง รองเท้าเมฆาขาว
เสร็จสิ้น
รับรางวัล : ใช่/ไม่
ภารกิจเสร็จแล้ว! เขาจะมีสิ่งประดิษฐ์ระดับกลางใช้แล้ว!
แต่ตอนนี้มีคนอยู่เยอะเกินไป ลู่อี้เลยทำได้เพียงอดทนยังไม่รับรางวัลและวางแผนที่จะรอจนกว่าเขาจะกลับบ้าน
เมื่อเห็นว่าลู่อี้เดินไปนั่งเงียบๆ พวกคนที่คอยจ้องมองลู่อี้อยู่ก็ค่อยๆ ถอนสายตาออก แต่ลู่อี้ก็ยังคงรู้สึกว่ามีคนกำลังจับตาดูเขาอยู่ และเขาก็ตื่นเต้นเล็กน้อยพลางคิดว่าจะมีใครมาท้าทายหรือไม่ ถ้ามีเขาก็จะได้รางวัลอีก
ส่วนการเริ่มท้าคนอื่นก่อนนั้น มันไม่เคยเข้ามาในหัวลู่อี้เลย เพราะเขาลู่อี้ ไม่ใช่คนที่อยากดังขนาดนั้น
ลู่อี้รอมาเป็นเวลานาน และไม่มีใครกล้าท้าทายเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เหล่าลูกศิษย์ก็มาที่แท่นมากขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อเห็นหน้าใหม่อย่างลู่อี้ หลายคนก็ให้ความสนใจเขา
เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนบนแท่นก็เพิ่มมากขึ้นและฟูกก็ค่อยๆ เต็ม ผู้บ่มเพาะที่นั่งอยู่วงในนั้นยังสบายดี แต่ผู้บ่มเพาะที่นั่งอยู่วงนอกขมวดคิ้วเมื่อเห็นลู่อี้
จากนั้นจู่ๆลู่อี้ได้ยินเสียงเย็นชา "ศิษย์น้อง เจ้ากำลังนั่งอยู่บนที่นั่งของข้าอยู่"
ลู่อี้หันหน้าไปและเห็นชายหนุ่มรูปงามมองเขาอย่างเย็นชา
รวมลมปราณขั้นที่ 8
ในที่สุดก็มาซักทีให้รอซะนานเลย
ลู่อี้ยืนขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม "สวัสดีศิษย์พี่ ที่นั่งนี้เป็นของข้าแล้ว"