ตอนที่ 37 ภารกิจ : หยุดหักค่าจ้างของข้า (ฟรี)
ตอนที่ 37 ภารกิจ : หยุดหักค่าจ้างของข้า
เมืองหวงซาน
ผู้นำของทั้งสามตระกูล หนิว จาง หลู่ มาร่วมตัวกัน
“ข้าได้ยินมาว่าราชสำนักเพิ่งจัดตั้งกองตรวจการ คงไม่ง่ายที่จะรับมือเลย” ผู้นำตระกูลจางพูดช้าๆ
“ไม่ง่ายที่จะรับมือ? เฮอะ” หัวหน้าหนิวพูดอย่างเย็นชา “ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วยังไงพวกเราไม่ได้ทำอะไรที่น่าละอายเลย”
“มันเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่ผู้บัญชาการคนนั้นกลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เขาต้องการจับกุมคนของเรา และยึดทรัพย์สินของเรา เขาคิดว่าเรารังแกได้ง่ายจริงๆ รึ”
“เอาล่ะ แต่เพื่อความปลอดภัย เราก็ต้องหาทางรับมือไว้ก่อน”
"อืม นั่นสมเหตุสมผล"
…
สำนักอสรพิษ
ซูเซินรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ในห้องโถงใหญ่ของสำนัก
“กองตรวจการ?”
"ข้าได้เข้ามาถึงระดับ 3 แล้ว ตราบใดที่ข้าไม่ก่อกบฏ หรือสังหารหมู่ผู้คนในเมือง อีกฝ่ายจะไม่ติดตามเรื่องเล็กน้อยใดๆ"
“แต่เราไม่สามารถประเมินราชสำนักต่ำเกินไปได้ เราควรควบคุมอัตราการเสียชีวิตในอนาคตอันใกล้นี้เพื่อไม่ให้มีคนตายมากเกินไป”
"ขอรับ"
เจ้าสำนักอสรพิษไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้
…
กองตรวจการ
ซูหยางกำลังแกว่งดาบอยู่ที่ลานบ้านตามปกติ
ครึ่งวันต่อมา เล่ยเจ๋อก็มาขอพบเขา
“สถานการณ์เป็นอย่างไร?” ซูหยางเก็บดาบเข้าฝักแล้วถามออกไป
เล่ยเจ๋ออธิบายทุกอย่างที่เขาพบในเมืองหวงซานอย่างละเอียด
สามตระกูลในเมืองหวงซาน จาง หลิว และหลู่ รวมมือกันเพื่อควบคุมธุรกิจในเมืองหวงซาน และควบคุมอัตราค่าจ้าง
สำหรับคนธรรมดา ค่าจ้างรายวันสำหรับคนใช้แรงงานคือ สิบเหวิน
ราคานี้เป็นค่าจ้างขั้นต่ำที่ราชสำนักกำหนด และได้รับการดูแลร่วมกันโดยนายอำเภอท้องถิ่น และกองเจิ้นหวู่
จุดประสงค์ก็เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น
พ่อค้าจะไม่ได้รับอนุญาตให้กำหนดค่าจ้างตามต้องการ และเอารัดเอาเปรียบประชาชน
แต่หลังจากที่ทั้งสามตระกูลรวมพลังกันเพื่อควบคุมธุรกิจในเมืองหวงซาน พวกเขาก็เริ่มควบคุมอัตราค่าจ้าง
กดค่าจ้างให้ต่ำลง
นายอำเภอ และกองเจิ้นหวู่ไม่เห็นด้วยหรือ?
พวกเขามีวิธีแก้ด้วยการระบุในสัญญาว่า พวกเขาจะได้รับเงินค่าจ้างวันละสิบเหวิน แต่ถ้าพวกเขาทำอะไรผิดพวกเขาจะต้องจ่ายค่าชดเชย
ไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ทั้งสามตระกูลก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ และเริ่มหักค่าจ้างจากคนงาน
ทั้งกองเจิ้นหวู่ และนายอำเภอก็ไม่สามารถพูดอะไรได้
แม้จะเป็นเช่นนี้ คนงานยังทำงานต่อเหรอ?
ยุคนี้พวกเขาจะไปไหนได้?
บรรพบุรุษของพวกเขาอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้วถึงอยากจะย้ายก็ทำไม่ได้เพราะไม่มีเงิน
พวกเขาสามารถปล่อยให้มันบีบคั้นเท่านั้น
จะต่อต้านได้อย่างไรถ้าไม่มีพลังพอที่จะต่อต้าน?
สิ่งนี้ไม่สามารถต่อต้านได้โดยคนจำนวนมาก
นักสู้ระดับ 8 คนใดก็ตามสามารถปราบปรามคนธรรมดาได้หลายสิบคน
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีนักสู้ระดับ 5 อยู่ในทั้งสามตระกูล
หากไม่มีใครยับยั้ง มันจะเป็นเพียงเรื่องของเวลาก่อนที่นักสู้ระดับ 5 จะสังหารคนทั้งเมือง
ผู้ที่มีความแข็งแกร่งสามารถหาเงินได้มากขึ้น และจะไม่ได้รับผลกระทบ
ทั้งสามตระกูลก็ฉลาดมาก และจะไม่รังแกนักสู้ หรือผู้ฝึกฝน เป้าหมายของพวกเขาคือ คนธรรมดาสามัญเท่านั้น
“เตรียมม้าให้ข้า” ซูหยางไม่ได้พูดอะไรมาก เนื่องจากบางคนไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา เขาจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง
“ขอรับ!” เล่ยเจ๋อตื่นเต้น และแก้แค้นสามตระกูลที่รวมมือกันพยายามสังหารเขา ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอ เขาก็คงโค่นล้มทั้งสามตระกูลไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองก็ขี่ม้าออกจากเมืองเทียนเฟิง
หลังจากนั้นไม่นาน ซูหยางก็ปรากฏตัวในเมืองหวงซาน
ทันทีที่เขามาถึงเมืองหวงซาน ซูหยางก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่สิ้นหวังของผู้คน เหมือนช่วงพลบค่ำแห่งชีวิต
เหมือนพวกเขาอยู่อย่างมึนงง ไร้ความหวังใดๆ
สถานการณ์ที่นี่รุนแรงกว่าที่เคยปรากฏในเมืองผิงซานมาก
แม้ว่าจะมีการกดขี่ของผู้มีอำนาจในเมืองผิงซาน แต่อย่างน้อยผู้คนก็กล้าพูดออกมา และโกรธเคือง
แต่ที่นี่ ซูหยางไม่ได้ยินเสียงแห่งความไม่พอใจเลย ไม่ต้องพูดถึงการต่อต้าน
เมื่อเปิดแผงคุณสมบัติ ภารกิจในเมืองหวงซานก็ปรากฏขึ้น
[ ภารกิจ : หยุดหักค่าจ้างของข้า ]
[ ระดับ : 12 ]
[ ข้อกำหนด : ทำให้ตระกูลจาง ตระกูลหนิว และตระกูลหลู่ในเมืองหวงซานให้สัญญาว่าจะไม่หักค่าจ้างคนงานอีกต่อไป ]
[ รางวัล : เจตจำนงแห่งสรรพชีวิต 12 ดวง ]
เมื่อเขาเห็นชื่อของภารกิจนี้ ซูหยางตัดสินใจว่าภารกิจนี้จะต้องทำให้เสร็จสิ้น และเขาต้องช่วยโดยเร็วที่สุด!
หลังจากเข้าไปในเมือง ซูหยางก็มาที่กองเจิ้นหวู่อย่างรวดเร็ว
ทันทีที่เขาเข้าไปในกองเจินหวู่ ซูหยางก็เห็นทหารที่ได้รับบาดเจ็บบางส่วนยังคงถูกห่อด้วยผ้าสีขาว
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ซูหยางก็โกรธเล็กน้อยเช่นกัน
หลังจากที่จางไป๋ซานออกมาทักทาย ซูหยางก็พูดตรงๆ
“จางไป๋ซาน เรียกทุกคนให้มาร่วมตัวกัน ยกเว้นพี่น้องที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และเคลื่อนไหวไม่ได้”
“ใต้เท้า ทำไมเราไม่หารือกันก่อนล่ะ?” จางไป๋ซานลังเลเล็กน้อย หากทำอะไรโดยประมาท เขาเกรงว่าเรื่องหลังจากนี้จะรุนแรงยิ่งขึ้น
“ขั้นแรกให้จับกุมทุกคนที่ทำร้ายคนของเรา จากนั้นค่อยมาหารือกัน” ซูหยางกล่าวอย่างสงบ
พวกเขาชอบใช้กำลัง แทนการใช้เหตุผลไม่ใช่เหรอ?
งั้นเขาก็จะทำแบบเดียวกัน!
ในไม่ช้า จางไป๋ซานก็รวบรวมทหารที่ยังเคลื่อนไหวได้ให้มารวมตัวกัน
ในเรื่องนี้ ทหารเหล่านี้ยังคงสับสน
พวกเขาบาดเจ็บกันหมดแล้วแต่ยังอยากจะไปอีกเหรอ?
แต่คำพูดถัดไปของซูหยางทำให้พวกเขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
บนสนามฝึก
จางไป๋ซาน และเล่ยเจ๋อยืนอยู่ทั้งสองฝั่งของซูหยาง
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นชัดเจน
ทหารหลายร้อยคนในสนามฝึกดูสงสัย มีคนมาจากเบื้องบนงั้นเหรอ?
"ให้ข้าแนะนำตัวเองก่อน"
“ข้าซูหยาง ผู้ตรวจการสี่ทิศแห่งกองตรวจการ ความแข็งแกร่งระดับ 4 ถ้าตำแหน่งนี้ พวกเจ้าทุกคนถือได้ว่าเป็นคนของข้า”
“วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อสองสิ่ง อย่างแรกเพื่อช่วยให้พวกเจ้าได้รับความยุติธรรม! อย่างที่สอง เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดจากทั้งสามตระกูล”
ซูหยางมองไปรอบ ๆ อย่างสงบ
เหล่าทหารตกตะลึงในตอนแรก
ใครบางคนจากเบื้องบนจะสามารถช่วยพวกเขาได้รับความยุติธรรมจริงหรือ?
“หยิบอาวุธของตน แล้วตามข้ามา ตามหาคนที่โจมตีเจ้า และจัดการพวกเขาซะ พวกเจ้ากล้าไหม?”
คำพูดของซูหยางก้องอยู่ในใจของทหารทุกคน
โต้กลับ
ในอดีต เจ้าหน้าที่ระดับบนถูกติดสินบน และไม่มีใครสนใจคนระดับล่าง
พวกเจ้าสมควรที่จะถูกทุบตี
ใครบอกให้พวกเจ้าไปยั่วยุพวกเขา?
เมื่อมีคนพร่ำบ่น ผู้บังคับบัญชาจะถามเพียงว่าพวกเขาทำสิ่งเหล่านั้นไปทำไม ทำไมจึงสร้างปัญหา
เมื่อสร้างปัญหาก็สมควรแล้วที่จะต้องถูกลงโทษจะได้ไม่แส่หาเรื่องอีก
ทำบางสิ่งก็โดนดุ ไม่ทำอะไรเลยก็โดนดุ ถ้าทำให้ไม่พอใจก็โดนดุ
หลังจากทนทุกข์ทรมานกับความคับข้องใจทั้งหมด พวกเขาก็ทำได้แค่ไปนอน หรือไปย่านโคมแดง!
เมื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น เบื้องบนไม่สนับสนุนพวกเขา แต่กลับจัดการกับพวกเขาแทน ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกท้อแท้
คราวนี้ จู่ๆ จางไป๋ซานก็ออกคำสั่งที่ต่างจากปกติ และพวกเขาก็ต้องเชื่อฟัง
หลังจากถูกทุบตี พวกเขาทั้งหมดก็อดกลั้นอย่างเงียบๆ
พวกเขาเตรียมพร้อมมานานแล้วที่จะถูกทุบตีอย่างไร้ผล
แต่ตอนนี้ สิ่งต่างๆ ดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้ว
ผู้บังคับบัญชาคนนี้เพิ่งบอกว่าตนจะสนับสนุนพวกเขาเหรอ?
ต้องการช่วยพวกเขาโต้กลับ?
ด้สนการก่อตั้งกองตรวจการ ในที่สุดพวกเขาก็มีผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งแล้ว?
เหล่าทหารตัวสั่นเล็กน้อย และภาพการถูกทุบตีกลับราวกับสุนัขยังคงชัดเจนอยู่ในใจของพวกเขา
ความคับข้องใจในอดีตเปรียบเสมือนน้ำที่ทลายเขื่อน และไม่สามารถระงับได้อีกต่อไป
ตะโกน:
“ในเมื่อใต้เท้าอยู่ที่นี่ ทำไมเราจะไม่กล้า!”
ขณะที่คนแรกพูด แรงผลักดันที่เกิดจากเขาก็เหมือนกับคลื่นลูกหนึ่ง
“ใต้เท้า เราจะไปกับท่าน!”
ในกองเจิ้นหวู่ บรรยากาศที่น่าสังเวช และสิ้นหวังถูกพัดพาไป ทุกคนเต็มไปด้วยพลัง พวกเขาเป็นเหมือนกลุ่มหมาป่าที่ต้องการแก้แค้น!
"ตกลง!" ซูหยางหันกลับมาแล้วพูดอย่างเย็นชา "ไปกันเถอะ!"
รอบๆ กองเจิ้นหวู่
ผู้คนทั้งหมดมองดูอย่างอยากรู้อยากเห็น
ตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้ยินเรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในกองเจิ้นหวู่
อีกฝ่ายกำลังเทำอะไรอยู่?
พวกเขาซึ่งแม้จะเป็นคนทั่วไปก็รู้เช่นกันว่าทหารของกองเจิ้นหวู่ถูกทุบตีเมื่อวานนี้
ชีวิตของพวกเขาเศร้าหมองมากตอนนี้ พวกเขาไม่ตำหนิเหล่าทหารในเมืองหวงซาน
เพราะพวกเขารู้ว่าทหารเหล่านี้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว
สิ่งที่พวกเขาบ่นคือราชสำนัก ทำไมอีกฝ่ายถึงตาบอด และมองไม่เห็นความโศกเศร้าของพวกเขาเลย
ทำไมไม่ส่งคนที่แข็งแกร่งกว่านี้มาแก้ปัญหาล่ะ
เมื่อคนเหล่านี้อยากรู้
ทหารหลายร้อยคนจากกองเจิ้นหวู่ เดินออกมาอย่างเป็นระเบียบ
ด้วยก้าวย่างที่สม่ำเสมอ แรงผลักดันรวมตัวกันกลายเป็นเหมือนหอก และเคลื่อนตัวข้างหน้าอย่างไม่ย่อท้อ
แตะ แตะ แตะ
ด้วยการก้าวเท้าที่พร้อมกัน ทหาร และชุดเกราะอยู่ในโทนเดียวกัน พวกเขาเปล่งพลังกดดันเหมือนพยัคฆ์ที่กำลังล่าเหยื่อ