ตอนที่ 3 เจ้าบ้านี่มาจากไหนกัน
ตอนที่ 3 เจ้าบ้านี่มาจากไหนกัน
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่อี้ก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขามีความเข้าใจทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวลึกซึ้งยิ่งขึ้น จากนั้นเขาก็พยายามใช้ทักษะบ่มเพาะและรู้สึกประหลาดใจในทันที เขาพบว่าพลังปราณเคลื่อนไหวได้ราบรื่นมากกว่าเดิม และเวลาในการเดินลมปราณเองก็สั้นลงเกือบหนึ่งในสามแถมประสิทธิภาพการดูดซับปราณเองก็ดีขึ้นเช่นกัน
ถ้าให้ประมาณ ทักษะนี้น่าจะดีขึ้นเกือบ 50% กันเลยทีเดียว!
การอัพเกรดแบบนี้มันสุดยอดจริงๆ
เดิมที ถ้าลู่อี้อยากจะทะลวงไประดับรวมลมปราณขั้นที่ 7 เขาคาดว่าจะต้องใช้เวลาประมาณเจ็ดหรือแปดเดือน แต่ตอนนี้...เขาอาจจะใช้เวลาแค่ห้าหรือหกเดือนเท่านั้น
ไม่ใช่แค่นั้น เมื่อเขาเดินปราณได้อย่างราบรื่นขึ้น ลู่อี้ก็จะใช้วิชาต่างๆได้เร็วขึ้นและพลังการต่อสู้ของเขาก็จะดีขึ้นเช่นกัน
อาจกล่าวได้ว่าเพียงแค่เขาอัพเกรดทักษะบ่มเพาะอย่างเดียวก็ทำให้ลู่อี้พัฒนาขึ้นในทุกด้าน
ดังนั้น ลู่อี้จึงออกภารกิจฝึกฝนทักษะบ่มเพาะเมฆาขาว 10 รอบอีกครั้ง และยังคงฝึกฝนต่อไป
…………
วันเวลาผ่านไป
ลู่อี้ ออกภารกิจให้ตัวเองทุกวัน ฝึกฝนวิชาดาบเมฆาขาวในตอนเช้า ฝึกฝนวิชาตัวเบาเมฆาขาวในตอนบ่ายและฝึกฝนทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวในตอนเย็น
เมื่อทำภารกิจจนเสร็จ ระดับทักษะทั้งสามของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปสองอาทิตย์จนเข้าต้นเดือนแล้ว
ในเช้านี้ลู่อี้, ลู่เกาหยางและหวังซีฉีกำลังนั่งกินอาหารเช้าร่วมกันอยู่
ทันใดนั้น ลู่เกาหยางก็นึกอะไรบางอย่างได้ แล้วมองไปที่ลู่อี้พร้อมกับเปิดปากพูดว่า "อี้เอ๋อ วันนี้เป็นวันที่ผู้อาวุโสจะมาบรรยาย อย่าลืมเวลาหละ"
ลู่อี้กัดซาลาเปาครึ่งลูกพร้อมกับพยักหน้า "ข้ารู้"
ในช่วงต้นเดือน ผู้อาวุโสฝ่ายนอกจะออกมาบรรยายที่ยอดเขาไป๋หยาง ซึ่งจะสอนพื้นฐานการบ่มเพาะบางอย่าง และยังชี้แนะศิษย์ฝ่ายนอกบางคนที่มีปัญหากับการบ่มเพาะอีกด้วย
ถึงจะเป็นผู้อาวุโสฝ่ายนอก แต่เขาก็อยู่ในระดับแก่นทองคำ และประสบการณ์การบ่มเพาะเล็กน้อยของเขาก็เป็นประโยชน์อย่างมากต่อบรรดาลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่ยังอยู่แค่ระดับรวมลมปราณ
ซึ่งโดยทั่วไปทุกต้นเดือน เว้นแต่จะมีธุระ ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ฝ่ายนอกนั้นจะไปเข้าฟังการบรรยายกันและแน่นอนว่าลู่อี้เองก็ไม่มีข้อยกเว้น
มีการบรรยายฟรีจากผู้อาวุโสแก่นทองคำแบบนี้ ถ้าไม่ไปเขาก็โง่แล้ว
แม้ว่าตอนนี้ ลู่อี้จะมีระบบและความเร็วในการฝึกฝนของเขาเองก็เร็วมาก แต่เขาจะไม่อวดดีและคิดว่าตัวเองไร้เทียมทาน เพราะตอนนี้เขายังเป็นแค่ผู้ฝึกฝนรวมลมปราณผู้น่ารักธรรมดาๆ เท่านั้นเอง
ลู่อี้ รู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะทำอะไร เขาไม่ควรอวดดี มิฉะนั้นเขาจะต้องพบกับความเจ็บปวด
หลังจากกินอาหารเช้าอย่างเร่งรีบ ลู่อี้ก็พูดว่า "ท่านพ่อ ข้าขอไปยอดเขาไป๋หยางก่อนนะขอรับ"
เมื่อเห็นลู่อี้รีบวิ่งออกไป หวังซีฉีก็รีบเปิดปากและพูดว่า "ระวังตัวด้วยนะ อย่าวิ่งเร็วเกินไปหละ"
“ขอรับ!” ลู่อี้ตอบด้วยรอยยิ้มและวิ่งออกไป
นิกายเมฆาขาวนั้นตั้งอยู่ในเทือกเขาเมฆาขาว ซึ่งมีพื้นที่หลายร้อยกิโลเมตรและภายในก็เต็มไปด้วยยอดเขา
นิกายฝ่ายนอกตั้งอยู่ที่ด้านนอกสุดของนิกาย ซึ่งมียอดเขาหลายร้อยยอด รวมไปถึงยอดเขาไป๋หยางที่ผู้อาวุโสฝ่ายนอกจะเข้ามาบรรยายด้วย
ยอดเขาที่ลู่อี้อาศัยอยู่มีชื่อว่าไป๋หลิง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากยอดเขาไป๋หยางมากนัก ห่างออกไปเพียงหกยอดเขาเท่านั้น
ลู่อี้ มองดูเวลาและพบว่ายังเหลือเวลาก่อนที่จะเริ่มอยู่ ดังนั้นเขาจึงไม่รีบร้อนและค่อยๆ เดินไปตามทางเพื่อไปยังยอดเขาไป๋หยาง
ระหว่างทาง ลู่อี้ก็ได้เห็นศิษย์ฝ่ายนอกคนอื่นๆ บางคนอยู่คนเดียว บางคนมากันสองสามคนกับเพื่อนๆ
ทุกคนอาศัยอยู่บนยอดเขาลูกเดียวกัน ส่วนใหญ่เคยพบหน้ากัน และตอนนี้เมื่อได้พบกันพวกเขาก็เลยยิ้มให้กัน
ลู่อี้ มักจะยุ่งอยู่กับการบ่มเพาะ ไม่ค่อยเข้าสังคม ไม่มีเพื่อนที่ดี และเขาเองก็ไม่สนใจเรื่องนี้ ในโลกแห่งการฝึกตน การเข้าสังคมก็มีความสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือความแข็งแกร่ง ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงพัฒนาความแข็งแกร่ง ดังนั้นเขาจึงควรฝึกฝนให้ดี ไม่อย่างนั้นพอโตขึ้นมาเขาจะเสียใจเอาได้
แน่นอนว่า ลู่อี้เองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีเป็นพิเศษกับคนอื่นๆ ยังไงซะ พ่อแม่ของเขาก็เป็นผู้ช่วย ดังนั้นเขาจึงยังมีหน้ามีตาเล็กน้อยในนิกายฝ่ายนอก
และพรสวรรค์ของลู่อี้เองก็ถือได้ว่าเป็นชนชั้นสูงในนิกายฝ่ายนอก โดยปกติแล้วทุกคนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาและมีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเริ่มยั่วยุเขาก่อน
ยิ่งลู่อี้เข้าใกล้ยอดเขาไป๋หยางมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งเห็นศิษย์ฝ่ายนอกมากขึ้นเท่านั้น
ศิษย์ฝ่ายนอกในนิยายเมฆาขาวนั้นมีมากกว่า 100,000 คน และมีประมาณ 100,000 คนที่มาที่ยอดเขาไป๋หยางทุกต้นเดือน
เมื่อใกล้ถึงยอดเขาไป๋หยาง บรรยากาศในหมู่ศิษย์ฝ่ายนอกทั้งหมดก็เริ่มเคร่งเครียด
ผู้อาวุโสนั้นจะบรรยายอยู่บนยอดเขา แม้ว่าแท่นบนยอดเขาจะไม่เล็ก แต่มันก็มีที่นั่งเพียงแค่พันที่นั่งและมีศิษย์เพียงแค่พันคนเท่านั้นที่สามารถนั่งได้
ส่วนคนอื่นหนะหรอ? แน่นอนว่า ระหว่างทางขึ้นเขาหรือครึ่งทางขึ้นเขาจะยืนตรงไหนก็ได้ทั้งนั้น
ผู้ที่อยู่บนแท่นบนยอดเขาจะสามารถได้ยินได้ชัดเจนมากกว่าและผู้อาวุโสจะสุ่มชี้แนะการบ่มเพาะให้กับลูกศิษย์หลังจากการบรรยาย ซึ่งเขาจะสุ่มจากบรรดาลูกศิษย์บนแท่นบนยอดเขานั่นแหละ
แล้วใครล่ะจะไม่อยากนั่งบนแท่นนั่น?
ส่วนใครสามารถอยู่บนแท่นได้บ้างนั้น แน่นอนว่ามันขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่ง
ผู้ที่แข็งแกร่งจะได้ขึ้นไปและผู้ที่อ่อนแอก็ทำได้แค่นั่งเสียใจ
เมื่อก่อนลู่อี้เคยฟังบรรยายอยู่แค่ครึ่งทางขึ้นเขาเท่านั้น
แต่ครั้งนี้เขาวางแผนที่จะขึ้นไปบนแท่นเพื่อดูว่าด้านบนกับด้านล่างมันต่างกันยังไง
ลู่อี้ยิ้มและเดินขึ้นไปบนยอดเขาไป๋หยาง
ขณะที่เขากำลังเดินขึ้นไป ลูกศิษย์ระดับรวมลมปราณขั้นที่ 2 ก็เริ่มหยุดลงก่อน ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่อยากขึ้นแต่พวกเขาไม่กล้าขึ้นไป เพราะหากพวกเขาขึ้นไปและครอบครองตำแหน่งของศิษย์ที่ทรงพลังเหล่านั้น พวกเขาต้องถูกทุบตีเป็นแน่
ในไม่ช้า ศิษย์รวมลมปราณขั้นที่ 3 กับ 4 ก็หยุดลงเช่นกัน
เมื่อไปถึงกลางเขาคนก็เริ่มน้อยลงมากและศิษย์รวมลมปราณขั้นที่ 5 ก็หยุดลงเช่นกัน
หลังจากเดินไปได้ไม่ไกล ศิษย์ส่วนใหญ่ในระดับรวมลมปราณขั้นที่ 6 ก็หยุดลงเช่นกัน
ต่อไปก็เป็นตำแหน่งของศิษย์รวมลมปราณขั้นที่ 7
ซึ่งลู่อี้ก็ยังไม่หยุดและยังคงเดินขึ้นต่อไป
เมื่อได้เห็นสิ่งนี้ ลูกศิษย์ฝ่ายนอกที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็เริ่มมองมาไปที่ลู่อี้
มีคนต้องการที่จะท้าทายงั้นหรือ? นานๆทีจะได้เจอคนแบบนี้
ศิษย์ที่อยู่ระดับรวมลมปราณขั้นที่ 7 ถัดจากเขาก็เริ่มขมวดคิ้วเมื่อเห็นลู่อี้ ตรงนี้มันก็แออัดอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับมีรวมลมปราณขั้นที่ 6 มาเบียดกับพวกเขา? มันไม่มากเกินไปหรือ?!
ลู่อี้ ไม่ได้สนใจกับการจ้องมองของพวกเขาและยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
ท่าทางของศิษย์รวมลมปราณขั้นที่ 7 เหล่านั้นเริ่มค่อยๆกลายเป็นแปลกๆ
เพราะแม้แต่รวมลมปราณขั้นที่ 7 ก็หยุดลง แต่ลู่อี้กลับยังไม่หยุด
นี่มันใกล้ยอดเขาแล้วนะ แถมที่นี่ยังเป็นตำแหน่งที่ศิษย์รวมลมปราณขั้นที่ 7 ที่ทรงพลังเป็นพิเศษ และแม้แต่ศิษย์รวมลมปราณขั้นที่ 8 ก็ยังสามารถพบเห็นได้ประปราย!
แถวนั้นมีขนาดเล็กมาก เจ้าเด็กนี่กล้าขึ้นไปได้ยังไงกัน?
“เวรเอ้ย? ไอ้เจ้าบ้านี่โผล่มาจากไหนกัน! แกไม่กลัวตายเลยหรือ?”
“มาพนันกันว่าเจ้าเด็กนี่จะไปได้นานแค่ไหน?”
ทุกคนพูดคุยกันอย่างมีชีวิตชีวา
ในขณะนั้นเอง ศิษย์ฝ่ายนอกร่างสูงก็มายืนอยู่ตรงหน้าลู่อี้ เขายิ้มและเริ่มพูดว่า "ศิษย์น้อง เจ้ามาผิดที่แล้ว ทำไมเจ้าไม่ลงไปล่ะ"
มาแล้ว!
ดวงตาของศิษย์ฝ่ายนอกหลายคนเป็นประกายและเริ่มตั้งหน้าตั้งตาดูการแสดงอย่างมีความสุข