ตอนที่ 20 กล้า
ตอนที่ 20 กล้า
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ลู่อี้กินอาหารเช้ากับลู่เกาหยางและหวังซีฉีเสร็จ ลู่เกาหยางก็พูดว่า "ไปลานหยานหวู่กัน!"
ลู่อี้มองไปที่มือที่กำลังยื่นมาของลู่เกาหยาง ก่อนที่จะพูดอย่างรวดเร็วว่า "เฒ่าลู่ เดี๋ยวก่อน! วันนี้ข้าว่าจะไปเอง!"
มือของลู่เกาหยางหยุดลง และเขามองไปที่ลู่อี้ด้วยความสงสัย "ทำไม? ให้ข้าพาไปเร็วกว่าเยอะ"
ลู่อี้ไอและพูดว่า "ท่านก็รู้ว่าตอนนี้ข้ามีชื่อเสียงมาก แถมตอนนี้ก็ยังเช้าอยู่ ถ้าข้าไปเร็วเกินไป ข้าคงแย่ที่ต้องถูกรายล้อมไปด้วยผู้คน เพราะงั้นค่อยๆ ไปดีกว่า"
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่อี้ ลู่เกาหยางก็คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และคิดว่ามันสมเหตุสมผล หวังซีฉีที่อยู่ข้างๆ เองก็ยิ้มและพูดว่า "ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้อี้เอ๋อไปเองเถอะ อี้เอ๋อเองก็โตแล้วและมีความคิดของเขาเอง"
ทั้งสองจากไปพร้อมกันและลู่อี้ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก วันนี้ ในที่สุดเขาก็ไม่ต้องโดนแบกไปแล้ว
ลู่อี้มีสีหน้ามีความสุขและวิ่งสบายๆออกไป
ไม่นานนักลู่อี้ก็มาถึงลานหยานหวู่ ซึ่งมีคนจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่แล้ว เนื่องจากรอบคัดเลือกจบไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้ในขณะนี้มีคนน้อยกว่าเดิมมาก แต่ในลานด้านนอกกลับมีคนมากขึ้นแทน
เมื่อเหล่าศิษย์เห็นลู่อี้เข้ามา ดวงตาของพวกเขาก็สว่างขึ้น
“ศิษย์น้องลู่อี้!”
“เมื่อวาน ข้าคิดว่าจะได้เห็นวิชาดาบของศิษย์น้องลู่อี้ซะอีก เพราะไม่ว่าจะเป็นที่เขาไป๋หยางหรือที่ลานหยานหวู่ ข้าก็ไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ข้าก็คาดไม่ถึงว่าศิษย์น้องลู่อี้จะไม่ได้แกว่งดาบเลยสักครั้ง”
"ใช่ แต่วันนี้เราจะเลือก 10 อันดับแรก เราก็น่าจะได้เห็นวิชาดาบของศิษย์น้องลู่อี้อย่างแน่นอน!"
"…"
ศิษย์หลายคนเองก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยสิ่งนี้อยู่เช่นกัน
ลู่อี้เดินเข้าไปในลานประลองที่ใกล้กับบริเวณลานกลาง
รอบๆ ลานกลาง มีลานขนาดใหญ่กว่า 10 ลาน และลานทั้ง 10 นี้มีไว้สำหรับการแข่งขันจัดอันดับ
ในการแข่งขันครั้งก่อน มีศิษย์ 320 คนลงแข่งขันในสนามแข่ง 10 สนาม และเลือกศิษย์ 10 อันดับแรก
ในตอนนี้เองก็มีศิษย์จำนวนมากอยู่ในพื้นที่ประลองแล้ว และศิษย์เหล่านี้ทั้งหมดอยู่ในอันดับที่ 320
เมื่อเห็นลู่อี้เข้ามา ศิษย์ทุกคนก็มองดูด้วยสายตาคาดเดา บางคนก็ระมัดระวังเล็กน้อย และแม้แต่ดวงตาที่ไม่เป็นมิตรเองก็โผล่เข้ามาบ้าง
เขามองไปที่เหล่าศิษย์ที่แสดงท่าทางไม่เป็นมิตร พวกเขาทั้งหมดเป็นศิษย์ระดับรวมปราณขั้นที่ 9
ลู่อี้คิดอยู่พักหนึ่งและรู้สึกว่าเขาไม่เคยยั่วยุพวกเขาเลย
ลู่อี้ไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงหยุดคิดถึงเรื่องนี้ไป
ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่ ทันใดนั้น ลู่อี้ก็ได้ยินเสียงของหวังอู๋เหลียน "ศิษย์น้องลู่ ทางนี้!"
ลู่อี้หันหน้าไปเห็นหวังอู๋เหลียนโบกมือมาที่เขาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า
ลู่อี้เดินไปหาเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ศิษย์พี่หวัง!"
หลังจากพูดจบ เขาก็มองไปรอบๆ และถามด้วยความสงสัย "ศิษย์พี่หลู่อยู่ที่ไหนล่ะ"
ความแข็งแกร่งของหลู่หลิงไม่ได้อ่อนแอ แต่ลู่อี้กลับไม่เห็นเขาที่นี่ด้วยซ้ำ
หวังอู๋เหลียนยิ้มแห้งๆและพูดว่า "พี่หลู่โชคไม่ดีมีพี่เจียงฟานอยู่ในลานที่เขาอยู่ และเขาก็ตกรอบไปแล้ว"
“ศิษย์พี่เจียงฟาน?” ลู่อี้ คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่าง "เขาคือศิษย์พี่ระดับรวมปราณขั้นที่ 10 หรือไม่"
“จะเป็นใครได้อีกนอกจากเขา” หวังอู๋เหลียนกล่าว
ลู่อี้ "…"
เขาพบว่าไม่เพียงแต่ศิษย์พี่หลี่ฉีเท่านั้นที่โชคร้าย แต่ศิษย์พี่หลู่หลิงเองก็โชคร้ายด้วยเช่นกัน
เห็นได้ชัดว่าเขามีความแข็งแกร่งในระดับ 100 อันดับแรก แต่เขากลับไม่ผ่านรอบคัดเลือกด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนอกนั้นไม่สนใจว่าสิ่งนี้จะยุติธรรมหรือไม่ เพราะสำหรับผู้ฝึกฝน แม้ว่าโชคจะเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แต่มันก็สำคัญและโชคก็เป็นส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่ง
ลู่อี้เองก็ไม่ได้รู้สึกผิดปกติอะไร เขาเคยอ่านนิยายมาหลายเล่มในชีวิตก่อน แม้ว่าบุตรแห่งโชคจะไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่พวกเขาก็เหมือนกับคนที่ทุบตีไม่ตาย
“ยังไงก็เถอะ ศิษย์พี่หวัง ศิษย์พี่ชุดคลุมสีเขียวคนนั้นคือใครหรือ? ทำไมเขาถึงมองข้าราวกับว่าข้าไปขโมยของสำคัญจากเขาล่ะ?” ลู่อี้รู้สึกสับสนเล็กน้อย
ดวงตาของผู้ชายคนนั้นดูไม่เป็นมิตรอย่างมาก มันทำให้ลู่อี้คิดว่าเขาไปปล้นบ้านเขามาหรือไง
หวังอู๋เหลียนเหลือบมองไปยังทิศทางที่ลู่อี้ชี้และรีบถอนสายตาออกไป เขายิ้มและพูดด้วยรอยยิ้ม "ไม่ใช่เพราะศิษย์น้องลู่อี้ทะลวงไปถึงระดับรวมปราณขั้นที่ 7 หรอกหรือ"
“สิ่งนี้เกี่ยวอะไรกับการที่ข้าทะลวงขั้นที่ 7 กัน?” ลู่อี้รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
“เฮ้...ก็เพราะศิษย์น้องลู่อี้น่าทึ่งเกินไป เจ้ามีพลังการต่อสู้ขั้นที่ 9 อยู่แล้ว และตอนนี้เจ้ายังทะลวงขั้นที่ 7 อีกบางคนจึงกลัวกัน” หวังอู๋เหลียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ศิษย์น้องลู่รู้ใช่ไหมว่า 10 อันดับแรกในการแข่งขันประจำปีสามารถได้รับการยกเว้นจากการประเมินและเข้าฝ่ายในได้โดยตรง?”
ลู่อี้พยักหน้า "ข้ารู้อยู่แล้ว"
พูดตามตรง นี่เป็นเป้าหมายของลู่อี้เช่นกัน
หวังอู๋เหลียนอธิบายต่อว่า "ในบรรดาศิษย์ฝ่ายนอกในปีนี้ มีศิษย์พี่น้องเพียง 6 คนเท่านั้นที่อยู่ขั้นที่ 10 และอีก 4 คนที่เหลือต้องเลือกจากศิษย์ขั้นที่ 9 คนที่เจ้าชี้เมื่อกี้นี้ชื่อว่าโม่หลิงซี เขามีความแข็งแกร่งใน 10 อันดับแรกหรือเขาแค่ติดอยู่ในอันดับ 10 น้องชาย เจ้าเข้าใจสิ่งที่ข้าหมายถึงหรือไม่”
ลู่อี้ตกตะลึง ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมพวกขั้นที่ 9 จึงมองเขาด้วยความเกลียดชัง
คาดว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นศิษย์ฝ่ายนอกที่แข็งแกร่งพอที่จะติด 10 อันดับแรกใช่หรือไม่ แต่ตอนนี้กลับมีลู่อี้เข้ามาอีกคน ซึ่งก็เท่ากับมีคู่แข่งเพิ่มอีกหนึ่งคน
ส่วนศิษย์ที่ดูไม่เป็นมิตรเป็นพิเศษ ลู่อี้ก็เข้าใจว่าเค้าคงเพิ่งจะติดอันดับที่10 และหากลู่อี้ติด 10 อันดับแรก เขาก็จะถูกผลักออกไปอย่างแน่นอน และจากนั้นเขาจะไม่สามารถเข้าฝ่ายในได้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เค้าคนนี้จะไม่เป็นมิตรขนาดนี้ ลู่อี้รู้สึกเห็นใจเขาเล็กน้อย
เขาถอนหายใจและพูดว่า "ข้าหวังว่าศิษย์พี่โม่จะโชคดีในปีหน้านะ"
หวังอู๋เหลียน "???"
เขามองไปที่ลู่อี้ที่ถอนหายใจ "น้องชาย เจ้าคิดว่าเจ้าจะติดหนึ่งใน 10 อันดับแรกอย่างแน่นอนหรือ"
ลู่อี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า
“ทำไมจะไม่ล่ะ?”
แท้จริงแล้ว เป้าหมายของลู่อี้คืออันดับหนึ่ง เขายังไม่ลืมจนถึงตอนนี้ว่าภารกิจการแข่งขันจะได้รับรางวัลตามอันดับ ยิ่งอันดับสูง รางวัลก็ยิ่งดี
หวังอู๋เหลียนยิ้มและยกนิ้วให้ลู่อี้ "น้องชายลู่ช่างกล้าหาญจริงๆ! แต่อย่าดูถูกศิษย์เหล่านั้นที่สามารถแข่งขันเพื่อชิง 10 อันดับแรกล่ะ พวกเขาก็เหมือนเรามีทักษะเฉพาะตัวสักหนึ่งหรือสองทักษะ อย่างน้อยก็มีวิชาที่ได้รับการฝึกฝนจนถึงขอบเขตเปลี่ยนแปลงและยังมีแม้แต่คนที่มีสิ่งประดิษฐ์ด้วยซ้ำ”
สิ่งประดิษฐ์งั้นหรือ? ลู่อี้รู้สึกแปลก แต่เขาเองก็มีสองชิ้น ดาบยาวสิ่งประดิษฐ์ระดับต่ำและรองเท้าระดับกลางหนึ่งคู่
ส่วนวิชาขอบเขตเปลี่ยนแปลง ไม่ได้จะโม้นะ มันไม่อยู่ในสายตาเขาเลยด้วยซ้ำ
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่นั้น ตู่กู่ฟางก็มาที่ลานกลางอีกครั้ง
ตู่กู่ฟางมองไปที่ลู่อี้และคนอื่นๆ ใบหน้าของเขาดูอ่อนลงกว่าเมื่อวาน และเขากล่าวว่า "หากเจ้าสามารถเข้าร่วมการแข่งขันจัดอันดับได้ พวกเจ้าทุกคนก็เป็นศิษย์ชั้นยอดจากนิกายฝ่ายนอก และพวกเจ้าสามารถเข้าสู่นิกายฝ่ายในได้ในอนาคตอย่างแน่นอน การแข่งขันในวันนี้ ข้าหวังว่าพวกเจ้าคงพร้อมกันแล้วนะ"
ในขณะที่พูดตู่กู่ฟางก็โบกมืออีกครั้งและแผ่นป้าย 320 แผ่นก็ปรากฏขึ้น บินไปหาลู่อี้และคนอื่นๆ