ตอนที่ 16 การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น
ตอนที่ 16 การแข่งขันเริ่มต้นขึ้น
เมื่อหวังอู๋เหลียนก้าวลงจากลานประลอง ลู่อี้ก็ยิ้มให้หลู่หลิงที่อยากจะประลองต่อในทันที "ศิษย์พี่หลู่หลิง เรามาประลองกันเลยดีไหม"
หลู่หลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า "ศิษย์น้องลู่อี้ เจ้าเพิ่งผ่านการต่อสู้มา เจ้าไม่อยากจะพักก่อนเหรอ?"
ลู่อี้ยิ้มและตอบว่า "ขอบเขตของทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวของข้านั้นไม่ได้ต่ำอะไร และความเร็วในการฟื้นฟูปราณนั้นค่อนข้างเร็ว ดังนั้นข้าจึงไม่จำเป็นต้องพักผ่อน"
ผู้คนรอบลานประลองต่างพากันอ้าปากค้างเมื่อได้ยินที่เขาพูด
“วิชาดาบเมฆาขาวขอบเขตหวนคืน วิชาเคลื่อนไหวเองก็ไปถึงขอบเขตแปลี่ยนแปลง แม้แต่ทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวก็ยังจะมีขอบเขตสูงอีกงั้นเหรอ? สมกับเป็นศิษย์พี่ลู่อี้”
“ความเข้าใจของศิษย์พี่ลู่อี้นั้นสูงมาก ข้าล่ะอิจฉาจริงๆ ข้าหวังว่าข้าจะมีความเข้าใจแบบศิษย์พี่ลู่อี้ได้สักครึ่งหนึ่ง”
ท่ามกลางเสียงพูดคุยของฝูงชน หลู่หลิงมองลู่อี้อยู่นาน พูดตามตรงเขาเองก็รู้สึกอิจฉานิดหน่อย
ไม่นานนัก หลู่หลิงก็หยุดคิดแล้วพูดด้วยรอยยิ้มสบายๆว่า "ถ้าอย่างนั้น ข้าขอประลองเลยแล้วกัน"
เขากระโดดลอยขึ้นไปบนลานประลองเบาๆ
ลู่อี้สังเกตเห็นว่าหลู่หลิงเองก็ฝึกวิชาเคลื่อนไหวเมฆาขาวเหมือนกันกับเขา
จากนั้นหลู่หลิงก็ชักดาบออกมาแล้วพูดว่า "ศิษย์น้องลู่ โปรดชี้แนะข้าด้วย!"
"อืม!" ลู่อี้ยิ้ม
จากนั้นทั้งสองก็รีบวิ่งเข้าหากันโดยไม่พูดอะไรมาก เช่นเดียวกับการสู้กับหวังอู๋เหลียน, ลู่อี้สู้กับหลู่หลิงอยู่นาน แม้ว่าระดับวิชาดาบของหลู่หลิงจะไม่สูงเท่าหวังอู๋เหลียน แต่วิชาเคลื่อนไหวของเขานั้นเร็วกว่า ทำให้เขารู้สึกแตกต่างออกไป
หลังจากประลองไปได้สักพัก ลู่อี้ก็เอาชนะหลู่หลิงได้ ถึงเขาจะประลองกับหลู่หลิงเสร็จไปแล้ว แต่หวังอู๋เหลียนก็ยังคงทำความเข้าใจไม่เสร็จ ดังนั้น ลู่อี้เลยใช้เวลานี้เพื่อพักฟื้น
ถึงเขาจะไม่เหนื่อยมากและยังมีพลังปราณเหลืออยู่ประมาณครึ่งหนึ่งก็ตาม แต่ถ้าเขาไม่หยุดพักบ้าง เขาคงถูกมองว่าเป็นสัตว์ประหลาดแน่
ด้วยวิธีนี้ ลู่อี้, หวังอู๋เหลียนและหลู่หลิงก็แลกเปลี่ยนความคิด และผู้ฝึกฝนที่เฝ้าดูอยู่ข้างสนามก็รวมตัวกันเป็นกลุ่ม สังเกตวิชาดาบเมฆาขาว โดยหวังว่าจะได้อะไรบางอย่างไปบ้าง
ตลอดทั้งเช้าลู่อี้ประลองไปทั้งหมด 16 ครั้ง ทำภารกิจสำเร็จ 16 ครั้งและได้ยามา 16 เม็ด
หลังจากประลองกับหลู่หลิงจบ ลู่อี้ก็ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ศิษย์พี่หลู่, ศิษย์พี่หวัง วันนี้ข้าขอตัวก่อน ข้าต้องขอขอบคุณศิษย์พี่ที่คอยชี้แนะข้าด้วย"
หลู่หลิงและหวังอู๋เหลียนต่างก็ผงะ จากนั้นจึงส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
หลู่หลิงกล่าวอย่างขอบคุณ "ศิษย์น้องลู่ ที่ไหนกัน ข้าเองก็ได้ประโยชน์มากมายจากการประลอง บางทีอีกไม่นานข้าคงจะสามารถทะลวงวิชาดาบไปสู่ขอบเขตเปลี่ยนแปลงได้ และทั้งหมดนี้ก็ต้องขอบคุณน้องชาย!"
หวังอู๋เหลียนที่อยู่ด้านข้างเองก็พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า "พี่หลู่ พูดถูกแล้ว วิชาดาบของข้าเองก็ใกล้ขอบเขตเปลี่ยนแปลงเหมือนกันและทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้านะ น้องชาย!"
ลู่อี้แตะไปที่กระเป๋า ซึ่งมีเม็ดยาอยู่ 16 เม็ด และเขาก็ยิ้มอย่างสุภาพ "พวกท่านนี่ใจดีจริงๆ"
ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเองของทั้งสามคน ลู่อี้กล่าวลาและเริ่มเดินออกไป เหล่าผู้ฝึกฝนหลายคนที่อยู่ข้างลานประลอง ซึ่งมาเพื่อดูวิชาดาบของลู่อี้ก็ได้หลีกทางให้ลู่อี้ผ่านไป
หลายคนมองดูลู่อี้ด้วยความขอบคุณ เพราะพวกเขานั้นได้รู้แจ้งบางอย่าง สำหรับผู้ฝึกฝนแล้ว การได้ดูการต่อสู้ของผู้ฝึกฝนที่ทรงพลังจะมีประสิทธิภาพมากกว่าการฝึกปกติของพวกเขาเอง การประลองตลอดเช้าของลู่อี้ก็ส่งผลต่อการฝึกของพวกเขาเช่นกัน
หลังจากออกจากลานหยานหวู่แล้ว ลู่อี้ก็กลับไปที่เขาไป๋หลิงและเริ่มการฝึกในวันนี้ต่อ
เวลาในการฝึกฝนวิชาดาบเมฆาขาวในตอนเช้าผ่านไปแล้ว แต่เขายังมีฝึกในช่วงบ่ายและเย็นอยู่
ในเวลาต่อมา เพราะมียาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์ ลู่อี้เลยไม่ได้ออกไปข้างนอกและขยันฝึกฝนต่อไป เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน
เขาฝึกฝนวิชาดาบเมฆาขาวในตอนเช้า วิชาเคลื่อนไหวเมฆาขาวในตอนบ่าย และทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวในตอนเย็น ทำให้แทบไม่มีเวลาพักผ่อนเลย การทำตัวขยันแบบนี้ทำให้ลู่อี้นึกถึงการสอบเข้ามหาลัยของเขา ในตอนนั้นเขาอาจพูดได้ว่าไม่ได้หลับไม่ได้นอนและเขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงช่วงเวลานั้น
อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างระหว่างการฝึกฝนและการสอบเข้ามหาลัยก็คือเมื่อลู่อี้ออกภารกิจด้วยตัวเอง เขาจะรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเขาแข็งแกร่งขึ้นด้วยตาเปล่า ความรู้สึกนั้นช่างน่าติดตามและเขาก็สนุกกับมันด้วย
ด้วยเหตุนี้ รู้ตัวอีกทีเวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว
ในวันนี้ ลู่อี้ลืมตาขึ้นพร้อมกับแสงสีขาวในดวงตาของเขา ก่อนที่ออร่าของเขาจะค่อยๆหายไปและลู่อี้ก็พ่นลมหายใจออกเล็กน้อย
"ถึงเวลาแล้วสินะ"
วันนี้เป็นวันสำคัญ
ลู่อี้มาที่บ้านใหญ่ ในนั้นมีลู่เกาหยางและหวังซีฉีกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะพร้อมอาหารเช้าบนโต๊ะ แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่มีใครขยับตะเกียบ
เมื่อลู่อี้เข้าไปในประตู ทั้งคู่ก็มองมา ลู่เกาหยาง "อี้เอ๋อ การแข่งขันจะเริ่มในวันนี้แล้ว เจ้ารู้สึกอย่างไร?"
หวังซีฉีเองก็มองดูเขาเช่นกัน ในช่วงเวลานี้ พวกเขาไม่ได้พูดถึงการฝึกของลู่อี้เลย
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ในห้องโถงฝ่ายนอก ผู้ช่วยหลายก็คนถามทั้งสองคนเกี่ยวกับสถานการณ์ของลู่อี้เป็นครั้งคราว ท้ายที่สุด ในช่วงการบรรยาย เขาก็ทำให้ผู้ชมประหลาดใจและมีชื่อเสียงในนิกายฝ่ายนอกในพริบตา
หากลู่อี้ทำผลงานไม่ดีพอในครั้งนี้ ใครๆ ก็คงจินตนาการได้ว่าจะมีการวิพากษ์วิจารณ์มากมายเพียงใด
ลู่เกาหยางและหวังซีฉีไม่อยากจะเพิ่มแรงกดดันให้กับลู่อี้
ลู่อี้ยิ้มและพูดว่า "ไม่ต้องห่วง เฒ่าลู่ ข้าสบายดี"
ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา ลู่อี้ไม่ได้นอนเล่นไปวันๆ และการฝึกหนักในแต่ละวันของเขาก็ได้รับผลตอบแทนแล้ว หน้าจอระบบของเขาเองมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
[ตัวละคร] : ลู่อี้
[ฐานการบ่มเพาะ]: รวมปราณขั้นที่ 7
[ทักษะบ่มเพาะ]: “ทักษะบ่มเพาะเมฆาขาว” (ระดับ 8)
[วิชา]: "วิชาดาบเมฆาขาว" (ระดับ 8), "วิชาเคลื่อนไหวเมฆาขาว" (ระดับ 8)
วิชาทั้งหมดไปถึงระดับ 8 แล้ว!
พูดตามตรง แม้แต่ตัวลู่อี้เองก็ไม่รู้ว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ท้ายที่สุดแล้ว วิชาระดับ 8 นั้นทรงพลังเกินไป ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับลู่อี้ที่จะลองพวกมันในลานเล็กๆ
เขากลัวลานเล็กๆจะพังโดยไม่ได้ตั้งใจ
ไม่ว่าจะยังไง ลู่อี้ก็รู้สึกว่าจะไม่มีปัญหาสำหรับเขาที่จะแข่งขันในการแข่งขัน แต่เขาก็ไม่ลืมว่าเขายังมีภารกิจการแข่งขันอยู่
ไม่รู้ว่าถ้าได้ที่หนึ่งจะได้รางวัลอะไรนะ?
ลู่อี้กำลังตั้งหน้าตั้งตารอคอยมันอยู่
เมื่อเห็นใบหน้าที่มั่นใจของลู่อี้ ลู่เกาหยางและหวังซีฉีก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน หวังซีฉียิ้มและพูดว่า "ข้ารู้ว่า อี้เอ๋อ ของข้าจะไม่เป็นไร!"
ลู่เกาหยางยังแสดงรอยยิ้มที่หายาก "เจ้าพูดแบบนั้นได้ยังไง พ่อเป็นเสือยังไงลูกไม่มีทางเป็นหมาแน่!"
ลู่อี้เหลือบมองลู่เกาหยางอย่างพูดไม่ออก เขาไม่เคยเห็นคนหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน กล้าเรียกตัวเองว่าพ่อเสือและไม่สนใจหน้าเขาเลย!
"เอาล่ะ กิน กิน! หลังอาหารเช้า เราจะไปสนามประลองด้วยกัน!" ลู่เกาหยางหัวเราะ
สถานที่จัดการแข่งขันนิกายฝ่ายนอกประจำปีก็คือลานหยานหวู่
เนื่องจากเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนิกายฝ่ายนอก ศิษย์ฝ่ายนอกเกือบทั้งหมดจะไปที่ลานประลองในระหว่างการแข่งขันทุกปี แม้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะเข้าร่วม แต่พวกเขาก็สามารถไปดูและเป็นสักขีพยานในการแข่งขันของศิษย์พี่ผู้ทรงพลังได้ นอกจากนี้พวกเขายังได้ประโยชน์อีก
เนื่องจากเหล่าศิษย์ส่วนใหญ่ต่างก็อยู่ที่นั่นกันหมด ทั้งผู้ช่วยและผู้อาวุโสจึงไม่มีอะไรทำและโดยปกติแล้วพวกเขาก็ไปร่วมสนุกกันด้วย
แน่นอนว่า ลู่เกาหยางและหวังซีฉีก็เป็นแบบเดียวกัน ไม่ต้องพูดถึงว่าลูกชายของพวกเขาจะเข้าร่วมการแข่งขันในปีนี้ด้วย พวกเขาต้องไปดูอยู่แล้ว