ตอนที่แล้วตอนที่ 12 คอขวดรวมปราณขั้นที่ 6
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 ภารกิจ

ตอนที่ 13 ความสุขสองเท่า


ตอนที่ 13 ความสุขสองเท่า

เดิมทีลู่อี้คิดว่าต้องใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าจะทะลวงขั้น แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าตั้งแต่ระบบตื่นขึ้นจนถึงปัจจุบัน เพียงครึ่งเดือนเขาก็มาถึงคอขวดแล้ว

สาเหตุส่วนใหญ่น่าจะมาจากทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวระดับ 6 ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการฝึกฝนได้อย่างมากและยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์เองก็มีส่วนอย่างมากเช่นกัน

ลู่อี้มุ่งเน้นไปที่การควบคุมปราณและเตรียมที่จะโจมตีคอขวด จากประสบการณ์คอขวดในอดีตของเขา เขารู้ว่ามันไม่ง่ายและมักจะใช้เวลานาน

แต่คราวนี้...ปราณในร่างกายของลู่อี้นั้นราวกับกระแสน้ำที่พุ่งเข้ากระแทกสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็นอย่างแรงด้วยพลังที่ยากจะต้านทานได้

**บูม!**

เสียงระเบิดดังขึ้น และกระแสพลังปราณและสิ่งกีดขวางในร่างกายก็หยุดชะงักลง และในพริบตานั้นเองคอขวดก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ พันธนาการที่มองไม่เห็นได้หายไป และลู่อี้ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้น ก่อนที่มันจะเริ่มดูดซับปราณอีกครั้งด้วยทักษะบ่มเพาะ

มันเป็นความก้าวหน้า และคอขวดก็ไม่สามารถหยุดลู่อี้ได้แม้แต่นาทีเดียว!

เขารู้สึกประหลาดใจแต่ก็ไม่ได้ตกใจมากนัก ลู่อี้รู้ว่าความสำเร็จของเขามาจากรากฐานที่มั่นคงของเขากับทักษะบ่มเพาะระดับ 6 และพลังปราณจากยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์ เขานั้นรู้ดีว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและตั้งตารอที่จะทะลวงขั้นต่อไปในอนาคต

แต่ตอนนี้เขาต้องฝึกฝนต่อไป เขาเดินทักษะบ่มเพาะอย่างต่อเนื่องถึงสิบรอบจนจบภารกิจและเลือกรับรางวัล

ทันใดนั้น ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวก็เข้ามาในหัวของลู่อี้ ซึ่งมันทั้งลึกลับและยากที่จะเข้าใจ แต่ลู่อี้ก็ซึมซับมันได้อย่างง่ายดาย

ตามคาดระดับ 7 กับระดับ 6 เส้นทางการเดินปราณเปลี่ยนไปจริงๆ

เดิมทีทักษะนี้จะเดินปราณผ่านจุดชีพจร 17 จุด แต่หลังจากยกระดับแล้วกลับมีเพิ่มมาอีก 6 จุด

และด้วยความอยากลองใช้ทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวระดับ 7 ลู่อี้จึงออกภารกิจฝึกฝนให้ตัวเองและเริ่มฝึกฝน ซึ่งประสิทธิภาพของการดูดซึมปราณในระดับ 7 นั้นมากกว่าระดับ 6 ตั้ง 2 เท่า

ยิ่งไปกว่านั้นพลังปราณในร่างกายของลู่อี้ยังได้รับการปรับปรุงคุณภาพอย่างต่อเนื่องในขณะที่เขาฝึกฝน ซึ่งเป็นการยกระดับรากฐานที่แข็งแกร่งอยู่แล้วไปอีกระดับหนึ่งและการปรับปรุงดังกล่าวยังส่งผลไปถึงวิชาที่เขาฝึกอีกด้วย

ด้วยความตื่นเต้นกับประโยชน์ที่ได้รับจากทักษะบ่มเพาะระดับ 7 ทำให้ ลู่อี้ขยันฝึกฝนมากขึ้นไปอีก โดยดูดซับปราณที่ปล่อยออกมาจากยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์ในร่างกายของเขา

ค่ำคืนผ่านไปโดยไร้สซุ่มเสียงใด ๆ และเมื่อดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาเหนือยอดเขา ลู่อี้ก็ลืมตาขึ้นด้วยความดีใจ

หลังจากฝึกฝนมาทั้งคืน เขาก็ดูดซับยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์ได้หมด และระดับพลังเองก็ก้าวหน้าไปมาก ถ้าหากเขาดูดซับยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์ทุกวัน ลู่อี้คาดว่าเขาอาจจะทะลวงไปถึงระดับรวมปราณขั้นที่ 8 ได้ในเวลาเพียงหนึ่งเดือน

แม้แต่อัจฉริยะก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะยกระดับรวมปราณได้ในเวลาหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ

ด้วยความตื่นเต้น ลู่อี้ก็คิดถึงการอัพเกรดทักษะบ่มเพาะในอนาคต และศักยภาพในการก้าวหน้าที่รวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาเหลือยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์เพียงสองเม็ดเท่านั้น

เมื่อคิดถึงศิษย์พี่ทั้งหลาย รวมถึงหวังซินฉี ลู่อี้คิดที่จะประลองกับพวกเขาเพื่อรับยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์มากขึ้น แต่เมื่อเหลือยาอีกสองเม็ด เขาจึงตัดสินใจที่จะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนก่อน

ในอีกสองวันต่อมา ลู่อี้ยังคงฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่วิชาดาบเมฆาขาวในตอนกลางวัน วิชาเคลื่อนไหวเมฆาขาวในตอนบ่ายและทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวในตอนกลางคืน

เมื่อยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์หมดลงหลังจากผ่านไปสองวัน ลู่อี้ก็ติดที่จะหาเพิ่ม แม้จะมีขวดยาควบแน่นปราณขั้นยอดเยี่ยมจากหลิวหนิงซวง แต่เขาไม่อยากใช้มันหลังจากได้สัมผัสกับผลของยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์แล้ว

หลังกินอาหารเช้าเสร็จ ลู่อี้ก็ออกจากลานบ้านเล็กๆ ของเขาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลับจากการบรรยาย

นิกายฝ่ายนอกนั้นมีพื้นที่ลานประลองพิเศษสำหรับศิษย์ ลู่อี้มุ่งหน้าไปยังลานหยานหวู่ ซึ่งสาวกของนิกายฝ่ายนอกมักจะฝึกฝนและบางครั้งก็ยุติข้อพิพาทผ่านการต่อสู้ด้วยศิลปะการต่อสู้

บริเวณนี้มักจะเป็นพื้นที่ที่ศิษย์ฝ่ายนอกมาแลกเปลี่ยนกัน หากศิษย์ในนิกายมีความขัดแย้งและต้องการแก้ไขเป็นการส่วนตัว พวกเขาก็สามารถต่อสู้กันบนลานต่อสู้ได้ และถ้ามันเป็นความขัดแย้งถึงชีวิตก็สามารถจัดการต่อสู้เป็นตายได้เช่นกัน แต่ต้องได้การรับรองจากผู้ช่วยด้วย

อย่างไรก็ตาม ลู่อี้ก็อยู่ในนิกายมาหลายปีแล้ว แต่เขายังไม่เคยเห็นการต่อสู้แบบเป็นตายเลยสักครั้ง บรรยากาศของนิกายเมฆาขาวเองก็ยังดีมาก และโดยพื้นฐานแล้วผู้คนในนิกายก็มีความสามัคคีและเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาก

แต่พวกเขาก็ยังมีการประลองแลกเปลี่ยนกันบ้าง ยังไงซะ ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นเหมือนลู่อี้ที่ออกภารกิจให้ตัวเองแล้วปรับปรุงระดับวิชาเองได้ เพราะแม้แต่อัจฉริยะก็ยังต้องเข้าใจข้อบกพร่องของตัวเองผ่านการต่อสู้เลย

ลานหยานหวู่นั้นตั้งอยู่ระหว่างยอดเขาไป๋หลิงและยอดเขาไป๋หลู่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากยอดเขาไป๋หลิงนัก ลู่อี้จึงเดินไปยังลานหยานหวู่อย่างไม่เร่งรีบ

ระหว่างทาง ศิษย์ฝ่ายนอกต่างก็ทักทายลู่อี้ด้วยรอยยิ้ม

“ศิษย์พี่ลู่อี้!”

“ศิษย์พี่ลู่อี้! ท่านออกจากการปิดด่านแล้วหรือ?”

“ข้าได้ยินมาว่าวิชาดาบเมฆาขาวของศิษย์พี่ลู่อี้ไปถึงขอบเขตหวนคืนแล้ว ท่านช่วยชี้แนะข้าหน่อยได้หรือไม่”

"..."

ลู่อี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มทีละคน และสัมผัสใบหน้าของเขาเอง เขาคาดไม่ถึงว่าข่าวเรื่องยอดเขาไป่หยางจะแพร่ไปเร็วจนถึงจุดที่บารมีของเขามากมายขนาดนี้แล้ว?

มีศิษย์พี่หญิงคนสวยและน่ารักจำนวนไม่น้อยที่อยากได้คำชี้แนะเป็นพิเศษอีก ถ้าวันนี้ไม่มีงานที่ต้องทำเขาก็เกือบจะยอมไปแล้ว ให้ตายเถอะ!

ลู่อี้รีบสงบใจลงและกัดฟันปฏิเสธไปพลางมุ่งหน้าเดินไปลานหยานหวู่ต่อ

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด