ตอนที่ 10 วิชาระดับ 7
ตอนที่ 10 วิชาระดับ 7
ลู่อี้กดรับรางวัลของภารกิจที่สองต่อและทันใดนั้น รองเท้าบูทสีฟ้าอ่อนคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาบนโต๊ะตรงหน้าลู่อี้
สิ่งประดิษฐ์ระดับกลาง รองเท้าเมฆขาว
ลู่อี้รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ตอนนี้เขามีสิ่งประดิษฐ์ระดับกลางแล้ว! แค่คิดว่าเฒ่าลู่ขี้เหนียวจนไม่ปล่อยให้เขาแตะดาบระดับกลางด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้เขาก็มีเป็นของตัวเองแล้ว และถ้าเฒ่าลู่รู้เรื่องนี้ ใครจะรู้ว่าเขาจะอิจฉาขนาดไหน
ลู่อี้แทบรอไม่ไหวที่จะแสดงความเป็นเจ้าของ สิ่งประดิษฐ์ทั้งหลายจำเป็นต้องประทับจิตวิญญาณเพื่อใช้พลังเต็มที่ ก่อนที่ลู่อี้จะส่งพลังจิตของเข้าไปในสิ่งประดิษฐ์และทิ้งรอยประทับจิตวิญญาณของเขาไว้ ซึ่งนี่เป็นวิธีแสดงความเป็นเจ้าของสิ่งประดิษฐ์
หลังจากประทับจิตเสร็จแล้ว ลู่อี้ก็ถอดรองเท้าคู่เดิมแล้วสวมรองเท้าหลิวยุนแทน
เมื่อสวมรองเท้าหลิวยุนแล้ว ลู่อี้ก็ลุกขึ้นยืน กระโดดสองสามทีและรู้สึกประหลาดใจมาก สมกับเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับกลาง มันใส่สบายดีทีเดียว
ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่านั้นคือหลังจากสวมรองเท้าหลิวยุนแล้ว ลู่อี้ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาเบาขึ้น มันเพิ่มความเร็วของเขางั้นหรือ?
ลู่อี้เดินปราณเข้าไปในรองเท้าหลิวยุน เพื่อเปิดใช้งานสิ่งประดิษฐ์อย่างเต็มที่ จากนั้นเขาก็ใช้วิชาเคลื่อนไหวเมฆาขาว ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไป และไม่กี่วิต่อมา ลู่อี้ก็ปรากฏตัวขึ้นทันทีที่อีกด้านหนึ่งของห้อง โดยที่ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากผนังเพียงหนึ่งเซนติเมตรเท่านั้น
อันตรายจริง ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเกือบจะชนกำแพงแล้วไหมล่ะ
ลู่อี้รู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่ก็ประหลาดใจด้วย เพราะรองเท้าหลิวยุนเพิ่มความเร็วให้เขาเกือบ 30%!
ต้องรู้ก่อนนะว่าลู่อี้ได้ฝึกฝนวิชาเคลื่อนไหวจนถึงขอบเขตหวนคืนแล้ว และความเร็วของเขาเองก็นับว่าเร็วมากอยู่แล้ว ซึ่งเทียบได้กับผู้ฝึกฝนระดับรวมปราณขั้นที่ 8 หรือแม้แต่ขั้นที่ 9 เขาก็อาจเร็วกว่าด้วยซ้ำ
แข็งแกร่งสมกับเป็นสิ่งประดิษฐ์ระดับกลางจริงๆ
ลู่อี้รู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้ของเล่นใหม่ พลางลองฝึกใช้รองเท้าเมฆาขาว อีกหลายครั้ง
หลังจากนั้นไม่นาน ลู่อี้ก็สนุกจนพอก่อนที่จะกลับมานั่งบนเก้าอี้อย่างพึงพอใจและเก็บเกี่ยวผลผลิตของเขาต่อไป
ภารกิจที่สามคือการเอาชนะศิษย์ฝ่ายนอก แต่คู่ต่อสู้ครั้งนี้ก็คือหวังซินฉี ซึ่งรางวัลก็คือยาควบแน่นปราณขั้นสมบูรณ์สองเม็ด ลู่อี้กดรับมันต่อทำให้ตอนนี้เขามียาอยู่สามเม็ดซึ่งสามารถใช้ในการฝึกฝนต่อได้
ภารกิจที่สี่คือการสาธิตวิชาดาบเมฆาขาวกับศิษย์พี่หลิวหนิงซวง ซึ่งจะเพิ่มระดับวิชาดาบเมฆาขาว +1
หลังจากที่ลู่อี้รับรางวัล ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเจ็บหัวเล็กน้อยและข้อมูลมากมายก็เข้ามาในหัวของลู่อี้ - มันคือความเข้าใจทั้งหมดเกี่ยวกับวิชาดาบเมฆาขาว
ลู่อี้ หลับตาลงเพื่อซึมซับข้อมูล และเมื่อเขาซึมซับมันจนหมด เขาก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับหายใจออกเล็กน้อย จากนั้นก็ยกนิ้วขึ้นและเกิดเมฆขึ้นบนนิ้วของเขา มันดูนุ่มนวลมากและเพียงแค่เขาสะบัดนิ้ว ระลอกคลื่นคล้ายเมฆก็ปรากฏขึ้นในอากาศก่อนที่จะค่อยๆ ตกลงบนพื้นและกลายเป็นลวดลายเมฆสองสามแบบอย่างเงียบๆ
ลู่อี้ มองไปที่ลวดลายเมฆบนพื้นและรู้สึกตื่นเต้นมากระดับ 6 กับระดับ 7 นี่เป็นระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง!
แม้ว่ามันจะยังเป็นวิชาดาบเมฆาขาวอยู่ แต่วิธีที่ลู่อี้เดินปราณในขณะนี้กลับไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลังจากเปลี่ยนเส้นทางการเดินปราณไปสองสามเส้นทาง ประสิทธิภาพการใช้ปราณก็ดีขึ้นและพลังเองก็แข็งแกร่งขึ้น
นี่คือการเพิ่มประสิทธิภาพ! ก่อนระดับ 6 ลู่อี้มีความเชี่ยวชาญเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในวิชาดาบเมฆาขาวดั้งเดิม แต่ในระดับ 7 นั้นเขาได้กระโดดออกจากกรอบและปรับปรุงวิชาดาบเมฆาขาวแทน
ลู่อี้ รู้สึกว่าถ้าเขาโจมตีด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของเขาในตอนนี้ พลังจะเพิ่มขึ้นเกือบ 50% เมื่อเทียบกับวิชาดาบเมฆาขาวก่อนหน้า ระดับวิชาก็เหมือนจะสูงขึ้น สิ่งสำคัญที่สุดคือ วิชาไม่ได้ใช้ปราณเพิ่มขึ้นด้วย!
ยังใช้ปราณเท่าเดิม แต่พลังกลับเพิ่มขึ้น 50%! น่าเหลือเชื่อ!
การเปลี่ยนแปลงนี่มันเจ๋งมาก
ลู่อี้ตกใจมาก ถ้าวิชาดาบเมฆาขาวยังเพิ่มระดับต่อไป พลังมันจะเพิ่มต่อไปไหม? การใช้ปราณล่ะ จะยังไม่เปลี่ยนอีกหรือเปล่า?
มันจะกลายเป็นวิชาแบบไหนกันนะ?
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ฝึกฝนระดับรวมปราณจะสามารถฝึกฝนได้เพียงวิชาระดับรวมปราณเท่านั้น ถึงจะสามารถใช้พลังเต็มที่ได้ แต่ก็มีอัจฉริยะบางคนสามารถเชี่ยวชาญวิชาระดับสร้างรากฐานในระดับรวมปราณได้ แต่การใช้พลังปราณของวิชาระดับสร้างรากฐานนั้นมันอันตราย แม้ว่าอัจฉริยะจะมีรากฐานที่มั่นคง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้มันแบบทั่วไปและอย่างมากก็คงใช้เป็นไพ่ตาย
หากวิชาดาบเมฆาขาวของลู่อี้ยังคงเพิ่มระดับแบบเพิ่มพลังแต่ใช้ปราณเท่าเดิมต่อไป เขาก็น่าจะมีวิชาระดับสร้างรากฐานใช้ในระดับรวมปราณหรอกหรือ
ลู่อี้แสดงท่าทางแปลกๆ วิชาที่อัจฉริยะจะใช้เป็นไพ่ตาย สำหรับเขากลับเป็นวิชาทั่วไปงั้นหรือ
ดีไปเลยไม่ใช่หรือไงกัน
ขณะที่ลู่อี้กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาก็เริ่มยิ้มราวกับคนบ้า ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะหัวเราะ แต่เขาอดไม่ได้จริงๆ
ลู่อี้หัวเราะเป็นเวลานานก่อนที่จะหายใจเข้าลึกๆ เพื่อสงบอารมณ์ของเขา ใจเย็นๆ ถึงเขาจะใช้วิชาพวกนั้นได้เหมือนกับเรื่องง่าย แต่ตอนนี้เขาก็ยังเป็นแค่ระดับรวมปราณขั้นที่ 6 ตัวน้อยๆ อยู่
แถมเขาก็ยังไม่ได้ไรเทียมทานในนิกายฝ่ายนอกด้วย
เขาไม่สามารถเอาชนะระดับแก่นทองคำในระดับรวมปราณได้ เพราะอย่างงั้นเขายังไม่นับว่าแข็งแกร่ง
วิชาระดับสร้างรากฐานเองก็ขีดจำกัด ดังนั้นเขายังอ่อนแออยู่
ลู่อี้ปลูกฝังความคิดในใจว่าเขายังอ่อนแอ ถ้าเขาอวดดีเกินไป เขาก็จะหยิ่งได้ง่าย เมื่อหยิ่งได้ง่าย เขาก็จะไร้สมองและจากนั้นก็ตายอย่างไร้เหตุผล
ลู่อี้รู้สึกว่าแม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนขี้ขลาดมากนัก แต่มันก็โง่มากที่จะฆ่าตัวตายแบบนั้น
หลังจากสะกดจิตตัวเองอย่างต่อเนื่อง ลู่อี้ก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ
ข้าเป็นเพียงผู้ฝึกฝนระดับรวมปราณขั้นที่ 6 ธรรมดาๆ เขาต้องฝึกฝนอย่างหนักต่อไปและเดินอย่างมั่นคงบนถนนแห่งการฝึกฝนอมตะ!
ลู่อี้พยักหน้าเล็กน้อย เห็นด้วยกับความคิดของเขาเอง
หลังจากนับผลผลิตแล้ว ลู่อี้ก็มองออกไปนอกหน้าต่าง
ท้องฟ้าเริ่มกลายเป็นสีส้ม และดวงอาทิตย์ก็ลับขอบฟ้าไปแล้ว วันนี้ศิษย์พี่หลิวหนิงซวงบรรยายเป็นเวลาหนึ่งวัน เมื่อเขากลับมามันก็สายแล้ว จากนั้นเขาก็นับผลผลิตและศึกษาวิชาดาบระดับ 7 จนลืมเวลาไปเลย
เขาไม่รู้ว่าเฒ่าลู่และแม่ของเขาเลิกงานแล้วหรือยัง ลู่อี้รู้สึกหิวเล็กน้อย
...
ในเวลาเดียวกัน ในสำนักงานฝ่ายนอก ลู่เกาหยางและหวังซีฉีกำลังวางแผนที่จะเก็บของและเลิกงาน ในฐานะผู้ช่วย พวกเขายังทำงานอยู่ และตอนนี้ก็ถึงเวลาที่พวกเขาต้องเลิกงานแล้ว
ในขณะนี้ ชายวัยกลางคนรีบเข้ามาหาพวกเขาแล้วมองที่ลู่เกาหยางแล้วตะโกนออกมา "เฒ่าลู่เอ้ย! ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กน้อยในครอบครัวของเจ้าจะทรงพลังขนาดนี้! ทำไมเจ้าไม่เคยเล่าให้ข้าฟังกัน?”
ลู่เกาหยางมองไปที่ชายคนนั้นด้วยความงุนงง "อา? อะไรกัน?"