ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 2 ข้าออกภารกิจเองได้?!

ตอนที่ 1 ระบบที่หายไปนาน


ตอนที่ 1 ระบบที่หายไปนาน

[ตัวละคร] : ลู่อี้

[ฐานการบ่มเพาะ] : รวมปราณขั้นที่ 6

[ทักษะบ่มเพาะ] : "ทักษะบ่มเพาะเมฆาขาว" (ระดับ 2)

[ทักษะ] : "วิชาดาบเมฆาขาว" (ระดับ 2) , วิชาเคลื่อนไหวเมฆาขาว" (ระดับ 3)

[ภารกิจ] : ไม่มี

...

ลู่อี้ จ้องไปที่ตัวหนังสือพวกนี้ที่จู่ๆ ก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าเขาและขยี้ตาอยู่หลายครั้งก่อนที่จะยืนยันได้ว่าเขาไม่ได้กำลังฝันอยู่

จากนั้นตาของเขาก็เริ่มแดงและเกือบจะร้องไห้ออกมา ระบบที่หายไปนาน 16 ปี ในที่สุดแกก็มาหาข้าแล้วสินะ!

ลู่อี้เป็นผู้กลับชาติมาเกิดใหม่ในทวีปที่ชื่อว่าเทียนหมิง เมื่อ 16 ปีก่อน

ซึ่งโลกอันกว้างใหญ่นี้มีผู้บ่มเพาะอมตะที่ทรงพลัง ปีศาจ ผู้ฝึกตนที่ชั่วร้ายและอันตรายอีกมากมาย

แต่ว่าลู่อี้ก็ยังโชคดีอยู่ เพราะหลังจากมาเกิดใหม่ พ่อแม่ของเขาต่างก็เป็นผู้ช่วยของนิกายฝ่ายนอก แม้ว่าสถานะของพวกเขาจะไม่ได้สูงอะไรมากนัก แต่มันก็ยังถือว่าดีเมื่อเทียบกับคนทั่วไป

ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะของลู่อี้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรเป็นพิเศษ แต่เขาก็ยังฝึกมาจนถึงระดับรวมปราณขั้นที่ 6 ตอนอายุ 16 ซึ่งมันก็ยังพอมีหวังที่จะทะลวงระดับก่อตั้งรากฐานก่อนอายุ 20 และเข้าไปเป็นศิษย์ฝ่ายในได้

เดิมที เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลู่อี้ก็คือการเข้าร่วมเป็นศิษย์ฝ่ายใน จากนั้นก็ไปเป็นผู้ช่วยแล้วมีชีวิตอยู่อีกสักสองสามร้อยปี แต่งงานกับภรรยาสองสามคน มีลูกและหลานมากมาย จากนั้นก็ตาย

คาดไม่ถึงเลย เขายังไม่ทันได้ทำตามแผนนั่น ระบบก็โผล่ออกมาซะงั้น!

ลู่อี้ขีดฆ่าเป้าหมายเดิมทิ้งไปอย่างเงียบๆ จากนั้นลู่อี้ก็เริ่มตรวจสอบระบบและพบว่าเจ้านี่คล้ายกับแผงควบคุมในเกมที่บอกฐานการฝึกฝนและทักษะบ่มเพาะของเขา

นิกายที่ลู่อี้อยู่นั้นมีชื่อว่านิกายเมฆาขาว และทักษะบ่มเพาะเมฆาขาวนี้เองก็เป็นทักษะบ่มเพาะพื้นฐานของนิกาย ซึ่งสามารถบ่มเพาะไปยังระดับก่อตั้งรากฐานได้ ส่วนวิชาดาบเมฆาขาวกับวิชาเคลื่อนไหวเมฆาขาวนั้นล้วนเป็นวิชาพื้นฐานในระดับรวมปราณอยู่แล้ว

บรรทัดสุดท้าย [ภารกิจ] นี่มันน่าจะเกี่ยวกับภารกิจแน่ๆ แต่เขายังไม่รู้ว่ามันทำงานยังไง

ลู่อี้ที่คิดอะไรไม่ออกเลยเลิกคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปก่อน จากนั้นเขาก็พูดเบาๆ ในใจว่า "ระบบ?"

หลังจากรออยู่พักหนึ่ง ลู่อี้ก็ไม่ได้รับการตอบกลับ อืม...ดูเหมือนจะเป็นแค่ระบบธรรมดาๆ

ลู่อี้เรียกระบบอีกสองสามครั้ง แต่ก็ไม่มีการตอบสนองใดๆ เขาเลยพูดไม่ออกเล็กน้อย

ในตอนนั้นเอง เสียงของผู้หญิงที่นุ่มนวลก็ดังมาจากนอกประตู "อี้เอ๋อ เจ้าตื่นหรือยัง"

นั่นคือเสียงแม่ของลู่อี้

ลู่อี้กลับมาได้สติและตอบว่า "ข้าตื่นแล้วท่านแม่"

เขากลิ้งตัวและลุกจากเตียงพลางตั้งใจจะทดสอบระบบต่อหลังอาหารเช้า

หลังจากออกมาจากห้องแล้ว ลู่อี้ก็เดินมาที่บ้านหลังใหญ่ซึ่งในบ้านหลังนี้มีชายวัยกลางคนและหญิงสาวสวยบอบบางนั่งอยู่ที่โต๊ะ

ทั้งสองคือพ่อและแม่ของลู่อี้ในชีวิตนี้ ลู่เกาหยางและหวังซีฉี

ด้านข้างทั้งสองมีสาวใช้ที่น่ารักและบอบบางชื่อ ไป๋หลิงหลิง

ด้วยฐานะผู้ช่วยของนิกายเมฆาขาวฝ่ายนอก พวกเขาเลยมีสถานะในนิกายฝ่ายนอกอยู่เล็กน้อย แต่มันก็ไม่ได้สูงมากนักและมีสาวใช้เพียงคนเดียวที่มักจะรับผิดชอบในการซักผ้า ทำอาหารและทำความสะอาด

"อี้เอ๋อมาแล้ว มานั่งทานอาหารเช้าสิ" หวังซีฉีเปิดปากและพูดด้วยรอยยิ้ม

ในฐานะพ่อ ลู่เกาหยางค่อนข้างน่าเกรงขาม เขามองไปที่ลู่อี้และขมวดคิ้ว "ทำไมวันนี้เจ้าถึงตื่นสาย? เจ้าต้องไม่ขี้เกียจบนเส้นทางแห่งการบ่มเพาะ เข้าใจไหม"

ลู่อี้นั่งลง "ข้าเข้าใจแล้ว ท่านพ่อ"

หวังซีฉีจ้องไปที่ลู่เกาหยาง "พรสวรรค์ของอี้เอ๋อนั้นดีกว่าเจ้าและในอนาคตเขาจะได้เข้าฝ่ายใน เขายังต้องให้เจ้ามาสอนอยู่อีกหรือ"

ลู่เกาหยางปากกระตุก ใบหน้าของเขามืดลงเล็กน้อย กลอกตาโดยไม่พูดอะไรจากนั้นก็ก้มหน้าลงกินอาหาร

พูดตามตรง พรสวรรค์ของลู่อี้นั้นดีกว่าของลู่เกาหยางอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นลู่เกาหยางเลยไม่สามารถหักล้างคำพูดของหวังซีฉีได้

ลู่อี้มองไปที่ลู่เกาหยางที่เงียบไปแล้วก็ยิ้ม พ่อแม่ของเขามักจะทะเลาะกันอยู่บ่อยๆในชีวิตนี้ แต่พวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีและเลี้ยงดูเขาเป็นอย่างดี ซึ่งลู่อี้ก็รู้สึกพอใจมาก

จู่ๆลู่เกาหยางก็นึกอะไรบางอย่างออกพลางเปิดปากและพูดว่า "ยังไงก็เถอะอีก 1 เดือนจะมีการแข่งขันอันของนิกายฝ่ายนอกในปีนี้และเจ้าก็มาถึงระดับรวมปราณขั้นที่ 6 แล้ว เมื่อถึงเวลาก็ไปลงทะเบียนซะนะ ไม่ต้องไปหวังติดอันดับหรอก แค่ถือซะว่ามันเป็นประสบการณ์ก็พอ”

นิกายเมฆาขาวในทุกๆปีจะมีการแข่งขันในนิกายฝ่ายนอก ซึ่งผู้ที่ได้อันดับสูงในการแข่งขันนี้ก็จะได้รับรางวัล และหากพวกเขาติดสิบอันดับแรก พวกเขาจะสามารถเข้าสู่ฝ่ายในได้โดยตรงโดยไม่จำเป็นต้องทดสอบด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม ในการแข่งขันนี้ผู้ฝึกตนทุกคนที่มีระดับมากกว่ารวมปราณขั้นที่ 5 จะเข้าร่วม ซึ่งนิกายเมฆาขาวนั้นมีขนาดใหญ่มากโดยในฝ่ายนอกเองก็มีลูกศิษย์มากกว่า 100,000 คนและมีหลายหมื่นคนที่มีระดับมากกว่ารวมปราณขั้นที่ 5 เห็นได้ชัดว่านี่จะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือดเป็นอย่างมาก

เมื่อปีที่แล้ว ลู่อี้อยู่ที่ระดับรวมปราณขั้นที่ 5 และไม่ได้ลงทะเบียน

เนื่องจากทั้งลู่เกาหยางและหวังซีฉีไม่อยากให้ลู่อี้ลงทะเบียน ยังไงซะเขาก็คงไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกได้เลยด้วยซ้ำ ซึ่งมันอาจจะทำให้เขารู้สึกอับอายและอาจส่งผลต่อการบ่มเพาะของเขาได้

และในปีนี้ ลู่อี้ก็มาถึงระดับรวมปราณขั้นที่ 6 แล้ว เขาเลยสามารถไปได้ เพราะอย่างน้อยการผ่านรอบคัดเลือกก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่

ลู่อี้พยักหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม "ขอรับท่านพ่อ"

ในขณะนี้เอง ลู่อี้ก็ก้มหน้าลงและหรี่ตาลงเล็กน้อย เพราะในสายตาของเขา หน้าต่างระบบได้เปลี่ยนไป

[ภารกิจ] :

เข้าร่วมการแข่งขันของนิกายเมฆาขาวและรางวัลจะถูกกำหนดตามอันดับ

ยอมรับ : ใช่/ไม่

ระบบใช้อย่างนี้งั้นหรอ? ออกภารกิจเอง?

ลู่อี้รู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะเข้าใจถึงประโยชน์ของระบบนี้แล้ว

ออกภารกิจและรับรางวัล? นั่นมันเหมือนเล่นเกมเลยไม่ใช่เหรอ?

ลู่อี้ที่กำลังจะเข้าร่วมการแข่งขันอยู่แล้ว แน่นอนว่าไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เขากดคำว่า 'ใช่' และยอมรับภารกิจในทันที

จากนั้น ลู่อี้ก็พบว่าหน้าต่างระบบของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

[ภารกิจ] : เข้าร่วมการแข่งขันของนิกายเมฆาขาว

ลู่อี้มองไปที่บรรทัดนี้และคิดอะไรในใจของเขาก่อนที่เขาจะมองไปที่ลู่เกาหยางและหวังซีฉี แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ท่านพ่อ ท่านแม่ มีอะไรอยากให้ข้าทำหรือไม่ อย่างนวดขา นวดหลัง หรืออะไรซักอย่าง"

"???"

ทั้งลู่เกาหยางและหวังซีฉีมองไปที่ลู่อี้ด้วยความสับสน ภายในจิตใจของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

ลู่เกาหยางกลอกตาโดยไม่พูดอะไร "เจ้าเด็กนี่ แค่ฝึกฝนให้ดีก็พอ! ถ้าไม่มีอะไรทำจริงๆ ก็ไปฝึกวิชาดาบเมฆาขาวให้ได้ 10 รอบในเช้านี้ซะ!"

[ภารกิจ] :

ฝึกฝนวิชาดาบเมฆาขาว 10 รอบ (ความคืบหน้า : 0/10)

รางวัล: วิชาดาบเมฆาขาว ระดับ +1

ยอมรับ: ใช่/ไม่

เมื่อเห็นภารกิจที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา มุมปากของลู่อี้ก็ยกขึ้นเบาๆ และเขาก็ยอมรับภารกิจอย่างเงียบๆ อย่างที่คิด!

“ขอรับท่านพ่อ ข้าจะฝึกให้สำเร็จอย่างแน่นอน!”

เมื่อได้เห็นท่าทางตื่นเต้นของลู่อี้ หวังซีฉีในฐานะแม่ก็อดที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของลู่อี้ "อี้เอ๋อ เจ้าไม่สบายหรือเปล่า? เจ้าไม่มีไข้อะไรใช่ไหม"

รอยยิ้มของลู่อี้แข็งทื่อ เขาตื่นเต้นเกินไปจนไม่สามารถกลั้นมันไว้ได้...เขาต้องสงบสติอารมณ์เข้าไว้

ลู่อี้ฝืนยิ้มพร้อมกับอ้าปากและพูดว่า "ท่านแม่ ข้าสบายดี ข้าขอไปฝึกฝนก่อนนะขอรับ"

ลู่อี้หยิบขนมปังสองก้อนแล้ววิ่งออกไปทันที เขาจะรีบไปฝึกให้เสร็จและรับรางวัล

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด