บทที่ 235 ประกาศการสังหาร
บทที่ 235 ประกาศการสังหาร
.
มีดแหลมคมเหมือนแทงทะลุอากาศ
เฮยเจวี๋ยมีสีหน้าตกตะลึง เมื่อตระหนักได้ว่าแม่ชีได้หายตัวไปต่อหน้าต่อตา ทันทีหลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อและรู้สึกเจ็บอย่างรุนแรงที่หน้าอก
เร็วมาก……
เมื่อมองลงไปก็เห็นมือเรียวยาวสีขาวที่กุมหัวใจร้อนๆ เต้นแรงอย่างมีชีวิตชีวา ยื่นออกมาจากหน้าอก
“อืม อืม อืม ได้ยินมาว่าหัวใจของแวมไพร์ทรงพลังกว่ามนุษย์ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกแกถึงได้มีชีวิตยืนยาว… แต่ฉันอยากรู้ว่าถ้าไม่มีหัวใจ แกจะยังอยู่รอดได้อีกไหม?”
แม่ชีแย้มยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกียจคร้าน เหมือนเพิ่งตื่นนอนในตอนเช้าอันเงียบสงบ จากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และพูดเบาๆว่า:
“กลายเป็นว่าแกไม่สามารถถือเป็นแวมไพร์อย่างสมบูรณ์ อืม… สิ่งพิเศษของแกคือการกลายเป็นค้างคาวที่สมบูรณ์ นี่ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ของลัทธิไม่นับถือศาสนาใช่ไหม?”
สีหน้าของเฮยเจวี๋ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และรู้สึกว่าพลังชีวิตของตัวเองไหลออกไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าเขาจะมีความสามารถในการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งมาก แต่เขาก็ไม่สามารถต้านทานต่อการสูญเสียนี้ได้
เขากำลังจะตาย
แสงสีแดงกระพริบในดวงตาของเฮยเจวี๋ย เขาหันกลับและฟันดาบในมือใส่ใบหน้าของแม่ชี โดยไม่สนใจต่ออาการบาดเจ็บที่หน้าอก
ในเวลาเดียวกัน
เลือดของเขาราวกับมีชีวิต มันคืบคลานไปบนแขนของแม่ชีเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน
“นังสารเลว แกคิดว่าจะเอาชนะฉันได้จริงๆ งั้นเรอะ?”
เฮยเจวี๋ยคำราม ความตื่นตระหนกในดวงตาของเขาหายไป แต่กลับเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและความโกรธ
แม้ว่าช่องว่างของความแข็งแกร่งระหว่างพวกเขาจะมีไม่มากนัก
แต่ความแตกต่างเพียงเล็กน้อย ก็คือความแตกต่างในทุกสิ่ง
ช่องว่างเล็กๆนี้ คือความแตกต่างระหว่างลำธารกับท้องทะเล
เพียงแม่ชีโบกมือข้างหนึ่ง หัวของเฮยเจวี๋ยก็บินออกไปราวกับลูกเบสบอล และตกลงไปในฝูงชน แต่เหตุการณ์นี้กลับเงียบอย่างน่าขนลุก แม้ทุกคนจะตกใจมากก็ตาม
แม่ชีขมวดคิ้วมองดูเลือดที่เหนียวอย่างผิดปกติบนมือ มันยังคงกระจายอยู่บนผิวหนัง และไม่ได้แยกย้ายออกไปเพราะการตายของเฮยเจวี๋ย
เลือดนี้ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติบางอย่างในการดึงพลังชีวิตออกมา
เธอสะบัดมือ ทำให้เลือดหลุดลงบนพื้นและพูดอย่างครุ่นคิด: “มันเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ”
โทรศัพท์สั่น มันคือประกาศการสังหาร
[คุณหนูใหญ่แม่ชีได้สังหารเฮยเจวี๋ยแบบเผชิญหน้า สืบทอดตำแหน่งและความสามารถของอีกฝ่าย]
(ผู้แปล – เปลี่ยนจากแม่ชีสาว เป็นคุณหนูใหญ่แม่ชี และตำแหน่งในที่นี้ คือ ลำดับในรายการสังหารและฉายา)
เป็นข้อความที่เรียบง่ายมาก
เธอคิดไม่ถึงว่าฟอรั่มจะประกาศเรื่องนี้… เป็นไปได้ไหมว่านี่เป็นเพราะเฮยเจวี๋ยมีตำแหน่ง ฟอรัมจึงประกาศเรื่องนี้?
การประกาศนี้สร้างความปั่นป่วนอย่างมากในฟอรั่ม เฮยเจวี๋ยตายแล้วจริงๆ เขาถูกใครบางคนฆ่า และเขาก็เป็นบุคคลที่อยู่ในรายชื่อของรายการสังหาร
ใครก็ตามที่มีรายชื่อในรายการสังหาร จะเป็นผู้แข็งแกร่งที่ได้รับการยอมรับในพื้นที่ของพวกเขา และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่แนวหน้าของระดับแถวหน้าอีกด้วย
จนถึงตอนนี้เฮยเจวี๋ยยังคงเป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของรายการสังหารที่เสียชีวิตอีกด้วย
……
ผู้คนกำลังเข้าออกในสถานที่รวมพลของสำนักรักษาความปลอดภัย
หลินซิ่วหยูที่นั่งอยู่ริมถนน เมื่อเห็นข้อความนี้แล้ว เขาก็ตกตะลึงและพูดว่า:
“ผมเคยได้ยินมาว่ามีความขัดแย้งในเฉินซี เท่าที่เรารู้ เฮยเจวี๋ยอยู่ในฝ่ายกบฏ จริงแล้วๆ ไม่ควรถือว่าเป็นการกบฏ แต่ควรเป็นเพียงการยึดอำนาจเท่านั้น… ดูเหมือนตอนนี้เขาจะถูกปราบปรามแล้ว”
ชายวัยกลางคนสวมหมวกหนังสีเทาคิดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดว่า:
“คนที่ถูกเรียกว่า ‘คุณหนูใหญ่’ น่าจะเป็น ‘แม่ชี’ เทียนฉีเจ๋อของเฉินซี”
“เทียนฉีเจ๋อ?” (คำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์)
ความสับสนปรากฏขึ้นในดวงตาของหลินซิ่วหยู เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับองค์กรนี้มากนัก เพียงแค่รู้ว่ามีองค์กรนี้ จากนั้นเขาก็พูดว่า:
“โดยพื้นฐานแล้ว ดูเหมือนพวกเขาจะไม่ยอมรับพลเรือน วิธีที่พวกเขาทำสิ่งต่างๆก็แปลกมาก ผมก็ไม่รู้ว่าองค์กรที่มีการกระทำเช่นนี้ดำรงอยู่ได้อย่างไร”
เฉินซีมีอยู่ในโลกมาช้านานแล้ว แม้จะมีความสำคัญค่อนข้างต่ำ แต่ก็เป็นองค์กรที่มีอิสระอย่างสมบูรณ์ และครอบคลุมหลายประเทศ
อืม ไม่สามารถพูดแบบนั้นได้เช่นกัน เพียงแต่พวกเขามีความสำคัญค่อนข้างต่ำในอาณาจักรซวนของพวกเขาเท่านั้น
(ผู้แปล – อาณาจักรซวน คือ ประเทศในตำนานของจีนโบราณ ในที่นี้น่าจะหมายถึงประเทศจีนในโลกเดิม)
สีหน้าแห่งความทรงจำปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายวัยกลางคน เขาพูดอย่างคลุมเครือว่า:
“การที่พวกเขาดำรงอยู่ได้นั้นมีเหตุผล และ… เอาเป็นว่า เราแค่พยายามอย่าไปขัดแย้งกับพวกเขาก็พอ”
จู่ๆ ไฉ่จิงที่อยู่ข้างๆ ก็ถามขึ้น “หัวหน้า ระหว่างคุณกับเทียนฉีเจ๋อใครเก่งกว่ากัน? ฉันรู้สึกว่าคุณควรรู้จักพวกเขา”
ชายวัยกลางคนมองผ่านแว่นกันแดดไปที่ไฉ่จิงที่อยู่ข้างๆ และพูดด้วยรอยยิ้ม:
“เหอะ ผมควรเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่หลังจากวันโลกาวินาศ ความแข็งแกร่งของทุกคนได้รับการปรับปรุงอย่างมาก ตอนนี้มันยากที่จะพูด… ไม่มีใครรู้จนกว่าจะได้ต่อสู้กัน”
ไฉ่จิงอึ้ง จากนั้นก็พูดว่า “และอีกอย่าง ฉันเพิ่งได้รับข่าวมาว่า มีสถานที่ชุมนุมระดับกลางที่มีคนประมาณหนึ่งพัน ดูเหมือนพวกเขาจะมีคนพิเศษมากกว่า 5 คน”
“มากกว่า 5 คน?”
ชายวัยกลางคนตะลึงงันมองดูเธอ และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “แน่ใจนะว่า 5 คน?”
แนวคิดของคนพิเศษ 5 คนคืออะไร สำนักรักษาความปลอดภัยของพวกเขา เมื่อรวมทุกสถานที่รวมพลแล้วก็ยังมีคนพิเศษไม่ถึง 5 คน
หลินซิ่วหยูสูดลมหายใจแล้วพูดว่า “นี่มันเกินจริงเกินไปแล้ว”
จากนั้นเขาก็ยืนยันว่า “พวกเขาควรเชี่ยวชาญในวิธีที่ไม่เหมือนใครในการทำให้คนกลายเป็นคนพิเศษอย่างแน่นอน เป็นสถานที่ชุมนุมไหนกันล่ะ?”
ไฉ่จิงมีสีหน้าแปลกๆ “ดูเหมือนจะเป็นสถานที่ชุมนุมของ ‘ข้าวหุงเอง’ ว่ากันว่าตอนที่พวกเขาทำพิธีกรรมลึกลับได้เกิดปรากฏการณ์น่ากลัวบางอย่างขึ้นด้วย…”
ชายวัยกลางคนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วยิ้มและพูดว่า “นี่ถือได้ว่าเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเขาเชี่ยวชาญวิธีการบางอย่างจริงๆ เราต้องได้มา… ไม่ว่าจะต้องใช้อะไรก็ตาม”
.
.
.
คุณหนูใหญ่แม่ชีเหรอ?
ซูฉางซิงจำได้ว่านี่เป็นคนแรกที่ฆ่าอมนุษย์พันธุ์สังหารได้ และได้รับฉายา ‘นักล่าเหยื่อ’
จนถึงตอนนี้ ฉายาต่างๆ ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีประโยชน์มากนัก อย่างไรก็ตามแต่ละฉายาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำกัน
จูเหวินหวู่พูดอย่างเย้ยหยัน “คนเหล่านี้คงไม่มีอะไรทำจนปวดไข่ ทำไมไม่เอาแรงที่ฆ่ากันเองไปฆ่านักล่าล่ะ?”
ซูฉางซิงพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่าย ภายใต้แรงกดดันอันยิ่งใหญ่จากภายนอกเช่นนี้ ก็อย่างที่พูดนั่นแหละ มนุษย์ทุกคนควรรวมตัวกัน”
ไม่นานหลังจากที่พวกเขาเดินออกมาจากจุดเริ่มต้น พวกเขาก็เห็นโจวอันนั่งรออยู่คนเดียวบนรถที่ถูกทิ้งร้าง
พอโจวอันเห็นพวกเขาก็รีบวิ่งมาหา และพูดด้วยความประหลาดใจ “พี่ใหญ่ซู พวกคุณมาจากด้านหลังจริงๆ ทำไมเมื่อกี้เราถึงไม่เจอกันล่ะ”
ซูฉางซิงมองไปรอบๆ แล้วพูดว่า “อืม ที่นี่มันแปลกจริงๆ แล้วคนอื่นๆล่ะ?”
โจวอันชี้ไปที่อาคารข้างๆ แล้วพูดว่า “พวกเขาพักอยู่ที่นั่น หากมีคนอยู่กันมากก็จะเป็นเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น ผมจึงออกมารอพวกคุณข้างนอกคนเดียว”
ซูฉางซิงเดินตามโจวอันไปที่อาคาร และถามว่า “พวกคุณเจอนักล่าบ้างไหม?”
โจวอันส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “ไม่ อย่างน้อยตัวผมก็ไม่เจอ แต่ที่นี่มีซอมบี้น้อยมาก และพวกเราก็เดินกันเร็วมากด้วย”
ตำแหน่งของโจวอันมีความสามารถในการรับรู้ในระดับหนึ่ง แม้จะด้อยกว่าจูเหวินหวู่มาก แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติมันก็เพียงพอแล้ว