ตอนที่แล้ว1380 - ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป1382 - ปราบปรามอัศวินศักดิ์สิทธิ์

1381 - การปะทะกันของเทพ


1381 - การปะทะกันของเทพ

ทวนในมือของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่พุ่งเข้ามาราวกับมังกรร้าย

มือซ้ายของเย่ฟ่านชี้ขึ้นไปด้านบนพร้อมกับปลดปล่อยปราณกระบี่อันแหลมคมฟาดฟันเข้าหาทวนมังกร ในเวลาเดียวกันเขาก็รวบหมัดขวากระแทกไปที่ศีรษะของฝ่ายตรงข้ามทันที

“ปัง!”

ทวนมังกรกระแทกร่างกายของเย่ฟ่านปลิวกระเด็นออกไป อย่างไรก็ตามกำปั้นที่แข็งแกร่งของยังคงทุบเข้าหากะโหลกหน้าผากอัศวินศักดิ์สิทธิ์และทำให้ยอดฝีมือผู้ทรงพลังแห่งดินแดนตะวันตกปลิวออกจากตำแหน่งเดิมเช่นกัน

เย่ฟ่านรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก คนผู้นี้ไม่เพียงมีทักษะเต๋าที่แข็งแกร่งเท่านั้นแต่เขายังมีร่างกายที่ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อ!

คนที่แข็งแกร่งเช่นนี้อาจเป็นราชาบรรพชนของเผ่าพันธุ์โบราณหรือไม่?

เย่ฟ่านขมวดคิ้วเล็กน้อย ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ยังมากกว่าหยวนกู่ซึ่งเคยถูกเขาสังหารด้วยซ้ำ

“บูม”

ส่งเสียงดังก้องเป็นครั้งสุดท้าย แล้วทั้งสองก็แยกจากกัน ภูเขาและแม่น้ำโดยรอบส่งเสียงคำราม อักขระเต๋าสีทองกระจัดกระจายทั่วท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ครั้งนี้น่าสะพรึงกลัวมากเพียงใด

“ปิดกั้น”

พระสันตะปาปายกพระหัตถ์ขึ้นสู่ท้องฟ้าและกวาดล้างพลังทำลายล้างทั้งหมดออกจากละครวาติกัน ความแข็งแกร่งที่เขาแสดงออกมานั้นยังคงน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง

“ชื่อเสียงของปีศาจในภาคกลางสมกับคำร่ำลือ คราวนี้พวกเรามีปัญหาใหญ่แล้ว” ชายชราที่อยู่ข้างหลังสมเด็จพระสันตะปาปารำพึงกับตัวเองว่า

“ใช่ แม้แต่ชายผู้มีอำนาจสูงสุดภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็ไม่ได้ปราบปรามเขาในทันที โดยเฉพาะความแข็งแกร่งทางร่างกายดูเหมือนฝ่ายเราจะเสียเปรียบเล็กน้อยด้วยซ้ำ”

“คนบาปของเรามีโอกาสได้อาบโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพระผู้เป็นเจ้า เขาจะพบกับผู้เท่าเทียมได้อย่างไร?”

ชายชรากลุ่มหนึ่งรู้สึกสงสัยและรู้สึกเย็นชาไปทั่ว นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นคนใช้เนื้อหนังแข่งขันกับชายที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

คนนอกไม่สามารถเข้าใจความแข็งแกร่งระดับนี้ได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาที่เป็นถึงปรมาจารย์ระดับสูงมีหรือจะไม่รู้ว่าร่างกายของเย่ฟ่านทรงพลังมากเพียงใด

ตามตำนาน วาติกันเป็นดินแดนแห่งเทพเจ้าอันบริสุทธิ์ นานมาแล้วสถานที่แห่งนี้เคยเป็นจุดชุมนุมของปราชญ์โบราณนับร้อยคน พวกเขาล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตจากเผ่าพันธุ์โบราณที่เดินทางข้ามจักรวาลมาสู่โลกใบนี้

ปราชญ์โบราณเหล่านั้นได้อุทิศแก่นแท้โลหิตของตัวเองและทำการหลอมกลั่นอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดพวกเขาก็ได้น้ำอมฤตจำนวนมากขึ้นมา

น้ำอมฤตเหล่านี้เมื่อใช้ขัดเกลาร่างกายของผู้คนมันจะทำให้พวกเขาเนื้อหนังที่แข็งแกร่งอย่างที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ และนี่คือขั้นตอนที่พวกเขาสร้างอัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนี้ขึ้นมา

อัศวินศักดิ์สิทธิ์คนนี้มีพรสวรรค์อย่างมาก เขาเป็นอัจฉริยภาพผู้ดูถูกโลก เขาถูกบ่มเพาะให้เป็นบุตรของพระเจ้า มีคุณสมบัติที่จะสั่นสะเทือนโลกในรอบหมื่นปี

แต่เขากลับเล่นซนเกินไปหน่อย ครั้งหนึ่งเขาได้นำจอกศักดิ์สิทธิ์แห่งวาธิการออกมาเล่น สุดท้ายเขาไม่สามารถควบคุมพลังของจอกศักดิ์สิทธิ์ได้และทำให้ผู้คนมากมายต้องตายจากความผิดพลาดเล็กๆน้อย

เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ผู้คนจากดินแดนตะวันตกเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว อย่างไรก็ตามด้วยพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาจึงไม่มีใครสามารถลงโทษตายต่อเขาได้

สุดท้ายโทษของเขาจึงเป็นการถูกเรียกว่าคนบาป เขาทำได้เพียงทำงานหนักและซ่อนตัวอยู่ในความมืดมิดตลอดไป หน้าที่หลักของเขาคือปกป้องวาติกันอย่างเงียบๆ

เนื่องจากเขาเป็นคนบาป ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถได้รับพลังแห่งศรัทธา ตั้งแต่เมื่อหลายพันปีก่อนเขาทำได้เพียงฝึกฝนลำพังจนกระทั่งไต่เต้ากลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว

ดังนั้นแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงเซียนเทียมขั้นสามยังไม่ทะลวงเข้าสู่อาณาจักรเซียน แต่เขาก็เป็นราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นก็เพราะพลังทั้งหมดที่เขาได้มาล้วนแต่เป็นการสะสมด้วยตัวเองทั้งสิ้น

เวลาหลายพันปีผ่านไปในที่สุดพลังแห่งสวรรค์พิภพก็เริ่มเหือดแห้ง

เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอายุมากกว่าสี่พันปีซึ่งยังมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามตลอดหลายพันปีที่ผ่านมาเต๋าของเขาไม่สามารถพัฒนาขึ้นและทำให้ฐานการบ่มเพาะของเขายังคงอยู่ในอาณาจักรเดิมโดยไม่มีความเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

“คนบาปอาบเลือดของเทพเจ้า อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังที่สุดในวาติกัน ชายที่แข็งแกร่งที่สุดภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวจงสังหารศัตรูของเจ้าเพื่อหลุดพ้นจากการเป็นคนบาป” สมเด็จพระสันตะปาปากล่าวเบาๆ

อัศวินศักดิ์สิทธิ์มีสีหน้าสงบนิ่ง ไม่สามารถบอกอารมณ์ได้ เขายืนอยู่ในระยะไกลพร้อมทวนในมือข้างเดียว การโจมตีครั้งแรกเป็นเพียงการทดสอบ คู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่าที่เขาคาดไว้

“สหายเต๋าชีวิตของข้าใกล้จะจบลงแล้ว ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้อาจเป็นการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของข้า!”

ในที่สุดเขาก็กล่าววาจา มันไม่ง่ายเลยที่จะมีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้โดยไม่ต้องอาศัยพลังแห่งศรัทธาในการฝึกฝน มันไม่ง่ายเลยที่จะบรรลุลัทธิเต๋าในรูปที่เสื่อมทราม

เขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนยาวอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตามสุดท้ายชีวิตของเขายังต้องสิ้นสุดลง เขาไม่สามารถสร้างชีวิตที่สองโดยปราศจากทรัพยากรและพลังปราณสวรรค์พิภพได้

“ปัง”

ความว่างเปล่าสั่นไหว ทวนมังกรยาวของเขาทิ่มแทงลงมาจากท้องฟ้าโดยมีเป้าหมายอยู่ที่หน้าอกของเย่ฟ่าน

ทวนมังกรนี้พิเศษมาก ไม่รู้ว่ามันเป็นสมบัติจากยุคไหน และไม่มีใครรู้ว่าผู้ใดสร้างทวนมังกรเล่มนี้ขึ้นมา อย่างไรก็ตามมันมีคุณสมบัติพิเศษนั่นก็คือแข็งแกร่งอย่างที่ไม่มีโลหะชนิดใดเทียบได้

เดิมทีทวนมังกรนั้นมืดมนและขาดความดแจ่มใส แต่หลังจากที่อัศวินศักดิ์สิทธิ์เปิดใช้งาน ดูเหมือนว่ามันจะมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง และกลายเป็นทวนศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำลายท้องฟ้าบดขยี้พื้นปฐพีได้อย่างง่ายดาย

ชะตากรรมของคนผู้นี้แม้แต่เย่ฟ่านก็ยังรู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก สิ่งมีชีวิตจากยุคโบราณที่รอดมาจนถึงปัจจุบันได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามีความแข็งแกร่งมากเพียงใด

หากคนผู้นี้เกิดอยู่ในเป่ยโต้วพลังของเขาจะต้องอยู่ในระดับเดียวกันกับราชาสวรรค์เจียงไท่ซูอย่างแน่นอน

“ความแข็งแกร่งของคนบาปอยู่ในระดับตำนานแล้ว หวังว่าเขาจะเอาชนะศัตรูได้!”

ผู้อาวุโสหลายคนในวาติกันประหลาดใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา

พลังของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถวัดได้โดยคนเช่นพวกเขา ในขณะนี้ ทวนมังกรแยกท้องฟ้าออกเป็นสองส่วนพลังของมันสั่นสะเทือนสวรรค์พิภพอย่างรุนแรง!

เย่ฟ่านสกัดทวนมังกรด้วยมือซ้ายและโจมตีออกไปด้วยหมัดขวา การต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้รวดเร็วนัก แต่ทุกความเคลื่อนไหวล้วนเต็มไปด้วยพลังทำลายล้างอันแข็งแกร่ง

ภูเขาศักดิ์สิทธิ์หลายร้อยลูกปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า พวกมันพุ่งเข้าหากันราวกับอุกกาบาตลูกใหญ่

“ปัง”

เย่ฟ่านต่อสู้กับอัศวินศักดิ์สิทธิ์ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกาย

ภูเขาและแม่น้ำแตกเป็นเสี่ยงด้วยพลังของพวกเขา

โชคดีที่สถานที่ต่อสู้ของพวกเขาอยู่ในโลกใบเล็กซึ่งเป็นมิติลึกลับแปลกแยกจากโรคที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นพลังนี้เพียงพอที่จะทำลายทั้งอิตาลีได้อย่างราบคาบ

“ตาย…”

ด้วยเสียงคำรามยาว ทั้งสองกระตุ้นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ให้ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่าและเพิ่งเข้าหากันอย่างบ้าคลั่ง ทุกการโจมตีของพวกเขาเหมือนเป็นการทดสอบความแข็งแกร่งทางร่างกายไปในตัวด้วย!

“ปุ๊”

หลายคนกระอักเลือด หลายคนร่างกายถูกบดขยี้เป็นหมอกเลือดจากคลื่นพลังที่ระเบิดออกมาจากใจกลางของสนามรบ

นี่เป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัว เสียงคำรามดังทำให้ผู้คนมากมายต้องหลบหนีจากสถานที่แห่งนี้ไปให้ไกลที่สุด

พระสันตะปาปาใบหน้าเปลี่ยนสี เขาพยายามใช้พลังของตัวเองในการลบล้างคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากใจกลางสนามรบ แต่สุดท้ายมันยังคงทำให้วิหารศักดิ์สิทธิ์ของเขาแหลกละเอียดอยู่ดี

……

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด