ตอนที่ 867 ราชาโพธิ์ตายไปแล้ว
แสงพุทธส่องสว่างทั้งท้องฟ้า สถานที่นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายกว้างใหญ่ ขุนเขาและแม่น้ำยิ่งใหญ่ ดวงตะวันและจันทราลอยสูงในท้องฟ้า
บนดาวชีวิตทุกดวง มีเจดีย์และวัด พระหลายองค์กำลังบ่มเพาะในสถานที่ต่างๆ ทำความเข้าใจวิชาของชาวพุทธและบทสวด
นี่คืออาณาจักรที่เป็นของชาวพุทธ พลังแห่งศรัทธาปกคลุมทุกมุม
แม้กระทั่งผู้บ่มเพาะมารที่ดูดุร้าย สายตาก็ยังอ่อนโยน เต็มไปด้วยความเห็นใจชะตากรรมของมนุษย์ มันราวกับพวกเขาถูกชำระล้าง พวกเขาเหมือนพระชรา
“นับตั้งแต่ราชาโพธิ์ก่อตั้งอาณาจักรพุทธ สถานที่นี้ก็กลายเป็นโลกที่คนนอกไม่เต็มใจย่างกรายเข้า”
“ถ้าเซียนแท้จริงบางคนยังอยู่ที่นี่ต่อ พวกเขาอาจโดนปนเปื้อนด้วยพลังพุทธและถูกทำให้บริสุทธิ์”
“ราชาโพธิ์อาจได้รับมรดกของพระพุทธเจ้าก่อนยุคต้องห้าม เขาเคยสู้กับราชาเซียนและชนะง่ายๆ..”
ราชินีจันทราอธิบาย นำกู่ฉางเกอไปจักรวาลที่ราชาโพธิ์อยู่
นางระแวงราชาโพธิ์จริงๆ เพราะนางรู้สึกว่าเขาลึกลับมาก นางไม่รู้เลยว่ามรดกเขามาจากไหน แต่เคล็ดบ่มเพาะพุทธที่เขาเข้าใจลึกล้ำจนส่งผลได้แม้กระทั่งกับราชาเซียน
นางเคยเจอกับราชาโพธิ์ และได้รับผลกระทบโดยวิชาเขา สภาพจิตของนางเกือบสั่นคลอน
ดังนั้น แม้ราชาโพธิ์จะไม่ปรากฏในโลกมานานมากแล้ว นางก็ยังระแวงเขา นางไม่แทรกแซงเรื่องของอาณาจักรพุทธ และแทบไม่ถามถึง
ในช่วงปีเหล่านี้ แม้แดนเซียนใต้จะมีแค่สองราชาเซียนบนผิวเผิน แต่แดนเซียนอื่นก็ไม่มาที่นี่เพื่อแข่งขันกับพวกเขา
ราชาโพธิ์ยังถอนตัวจากทางโลก
“หกวิถีว่างเปล่า รากฐานของพุทธลึกล้ำ”
กู่ฉางเกอพูด เขายืนที่ขอบจักรวาลนี้ มองฉากในอาณาจักรพุทธ
เขาวางแผนจะดูว่าสามารถปราบราชาเซียนที่เมาะสมบางคนได้ไหมก่อนจะถึงเส้นตายครึ่งเดือน
ราชินีจันทราตรงหน้าเขาระวังมาก ในฐานะราชาเซียนหญิง นางไม่มีจิตวิญญาณแข่งขันสูงนัก ทุกสิ่งที่นางทำเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง
แม้พลังนางจะไม่ถือว่าแกร่งมากท่ามกลางราชาเซียน แต่ก็ยังพอเบียด
และจากนาง กู่ฉางเกอได้รู้ว่าในอาณาจักรพุทธ ยังมีราชาเซียนอีกคนที่ชื่อราชาโพธิ์ เขาก่อตั้งอาณาจักรพุทธ แยกตัวจากโลก
แต่ หลังมาถึงรอบนอกของอาณาจักรพุทธ กู่ฉางเกอก็รู้สึกเสียใจ
เขาส่ายหัว“ราชาโพธิ์ท่เจ้าพูดถึงหายไปจากโลกนี้นานแล้ว กลิ่นอายที่เจ้ารู้สึกแค่สิ่งที่หลงเหลือจากการตายของเขา”
ราชินีจันทราตกตะลึงตอนได้ยิน นางพบว่ามันยากที่จะเชื่อ
ราชาโพธิ์หายไปแล้ว?
ราชาเซียนเหล่านี้คิดจริงๆหรือว่าเขาจะอยู่ในอาณาจักรพุทธ ทำความเข้าใจธรรมะและไม่ถามถึงเรื่องของโลก บางทีกายแท้จริงของเขาคงบ่มเพาะถึงระดับที่สูงมาก
ในเมื่อกู่ฉางเกอพูดแล้ว นางย่อมไม่กล้าสงสัยอะไร
มันแค่ว่าหลังราชาโพธิ์จากลา เต๋าของเขาก็ยังอยู่ในโลก ทำให้ราชาเซียนมากมายรู้สึกว่าเขายังมีชีวิตและไม่หายไป
บางทีนี่คงเป็นความลี้ลับของเต๋าพุทธ?
สุดท้าย ราชินีจันทราได้แต่เดาเช่นนี้ แม้เต๋าที่นางบ่มเพาะจะขัดแย้งกับเต๋าพุทธ ก็ยังมีความคล้ายคลึงกันระหว่างกัน
กู่ฉางเกอไม่พูดอะไร เขาก้าวเข้าอาณาจักรพุทธและตรงไปภูเขาพุทธเจ้าในส่วนลึกสุด
เมฆและหมอกลอยคลุ้ง เจดีย์พุทธมีเต็มไปหมด มีแสงพุทธพลุ่งพล่าน
สภาพแวดล้อมเต็มไปด้วยพลังศรัทธาสีเงิน
ที่ยอดเขาพุทธ มีวิหาร มันเจิดจ้า ยิ่งใหญ่
“วิหารอสนีบาต?”
ชื่อนี้ทำให้กู่ฉางเกอแปลกใจหน่อย แต่ เพราะนี่คือวัดของอาณาจักรพุทธในตำนาน มันไม่ใช่เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเห็นชื่อเดียวกัน
แต่ ในเมื่อกล้าใช้ชื่อนี้ ก็ต้องรับผลที่ตามมา มันอยู่ในความคาดหมายที่อาณาจักรพุทธจะกลายเป็นเช่นนี้
ราชินีจันทราตามรอยเท้าเขาและมาถึงที่นี่ นี่คือครั้งแรกที่นางมาอาณาจักรพุทธ ก่อนหน้านี้ นางมักอยู่ในจักรวาลที่นางปกครอง และจะไม่ก้าวเข้าอาณาเขตของผู้อื่น
และด้านนอกวิหาร มันสามารถเห็นแสงพุทธเจิดจ้า เสียงสวดดังก้องฟ้า
โลกเต็มไปด้วยธรรมะและกลิ่นอายพุทธ มันราวกับถ้ามีมารตนใดที่มาที่นี่ พวกนั้นจะโดนปัดเป่า
พระโพธิ์สัตว์และพระอรหันต์มากมายปรากฏด้านหน้าวิหาร บ้างยิ้ม บ้างโกรธและมีความสุข ยังมีท่าทางที่แตกต่างมากมาย
“ในเมื่อเจ้าเคยเห็นพุทธองค์ ทำไมไม่สักการะเล่า?”
อย่างคลุมเครือ มันสามารถได้ยินเสียงฟ้าร้องที่มาจากวิหารด้านหน้า มันเหมือนเสียงระฆังโบราณ
แม้กระทั่งราชินีจันทราที่มีฐานบ่มเพาะสูงก็ยังเกือบได้รับผล
“นี่คือกลอุบายที่ราชาโพธิ์ทิ้งไว้?”
นางตกใจเล็กน้อย ควรรู้ว่าราชาโพธิ์ได้จากไปแล้ว นี่คือสถานที่ตรัสรู้ที่เขาทิ้งไว้
แต่ สถานที่ตรัสรู้นี้มีเสียงพุทธกว้างใหญ่เช่นนี้ มันสดใสและชอบธรรม สามารถส่งผลต่อราชาเซียน
ถ้าราชาโพธิ์ไม่จากลา งั้นร่างกายเขาต้องมีระดับบ่มเพาะถึงไหน?
ในยุคปัจจุบันนี้ ผู้บ่มเพาะที่แกร่งสุดในแดนเซียนคือราชาเซียนเท่านั้น มันยากมากที่จะพัฒนาเพิ่ม
แต่ ราชาโพธิ์ูเหมือนจะแตะธรณีของอาณาจักรที่สูงขึ้น?นางรู้ขีดจำกัดนาง นางรู้ว่าพลังนางห่างไกลจากราชาโพธิ์
แต่ เทียบกับความตกใจของนาง สีหน้ากู่ฉางเกอไม่เปลี่ยนเลย เขาไม่แปลกใจ
ยิ่งไปกว่านั้น เสียงวดเหล่านี้ไม่สามารถส่งผลต่อเขาได้เลย
“ดูเหมือนข้าจะมาสายไป”
“เขาแข็งแกร่งกว่าราชาเซียนทั่วไปมากจริงๆ แต่ ถ้าเขาอยากหลุดออกจากอาณาจักรนี้ มันยังอีกไกล”
“แดนเซียนในปัจจุบันไม่อนุญาตให้มีตัวตนที่เหนือกว่าราชาเซียนถือกำเนิด”
กู่ฉางเกอส่ายหัว สายตาเขาสงบมากขณะที่ยืนบนยอดเขาพุทธ
เขาสามารถเห็นฉากรุ่งโรจน์ในระยะไกล มีเจดีย์พุทธ วิหารและภูเขานับไม่ถ้วน สำนักสงฆ์มากมายรุ่งเรือง
แต่ วินาทีต่อมา พอเขาสะบัดแขนเสื้อ อาณาจักรพุทธนี้ดูเหมือนจะโดนลมเป่า แสงทุกประเภทจางไป ไม่มีวิหารหรือเจดีย์ใดที่จุดสูงสุด มีเพียงเศษซากทุกที่
แม้กระทั่งวิหารอสนีบาต ซึ่งเปล่งด้วยแสงพุทธและเต็มไปด้วยพระ ก็แสดงถึงสัญญาณของการถดถอย ภูเขาอ้างวา้ง บางสถานที่เป็นสีดำไหม้เกรียม
วัดจากก่อนหน้าได้ล่มสลายไปแล้ว มีเศษกระเบื้องอยู่ทั่ว
“อะไรกัน..?”
ฉากนี้ทำให้ดวงตาของราชินีจันทรเบิกกว้าง เขาเหลือเชื่อ
หรือว่านี่จะคือโฉมหน้าจริงของอาณาจักรพุทธ ฉากรุ่งเรืองที่นางเห็นแค่ภาพมายา?
แต่ทำไมแม้กระทั่งนาง ราชาเซียนถึงโดนหลอก?ทำไมนางถึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติที่นี่?
ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่นาง แม้กระทั่งราชาเซียนของแดนเซียนอื่นก็อาจไม่รู้สถานการณ์ปัจจุบันของอาณาจักรพุทธ ่อให้มาที่นี่เอง ก็อาจไม่รู้ว่าสิ่งที่เห็นจริงหรือหลอก
“เกิดจากความหมกมุ่น ทั้งหมดที่เจ้าเห็นคือภาพมายา…”
กู่ฉางเกอหยิบของเก่าแก่สีเหลืองดินขนาดเท่าก้อนกรวดจากวัดที่เสื่อมโทรมด้านหน้า มันแผ่แสงพุทธหนาแน่น มีร่องรอยของความมัวหมองปะปน
พอกู่ฉางเกอหยิบมันขึ้นมา พลังศรัทธาที่ปกคลุมท้องฟ้าก่อนหน้าก็มารวมกันที่นี่
ตอนนี้ พลังศรัทธาไร้ขอบเขตที่ราชาโพธิ์รวบรวมก่อนเขาจะจากลาถูกกลืนกินในพริตา
มันเหมือนกับว่าพลังศรัทธาที่ปกคลุมจักรวาลส่วนนี้ก่อนหน้าแผ่ออกจากสมบัติชิ้นนี้
แม้จะไม่เจอราชาโพธิ์ แต่การเก็บมรดกที่เขาทิ้งไว้หลังจากลาก็ไม่ถือว่าขาดทุน
หลังออกอาณาจักรพุทธ จักรวาลส่วนนี้ก็เสื่อมโทรมทันตาเห็น จากนั้นมันก็กลายเป็นเสียหาย แตกตัว ถล่มอย่างต่อเนื่อง
ราวกับเวลาผ่านไปหลายยุคสมัยในชั่วพริบตา พลังชีวิตทั้งหมดก่อนหน้าของมันหายไป ปราณโกลาหลไร้ขอบเขตแผ่ บดขยี้ดาวมากมาย
ยอดฝีมือในจักรวาลโดยรอบสังเกตเห็นความผิดปกติทันที พวกเขาที่ไม่รู้ความจริงกลายเป็นผวา
“อาณาจักรพุทธถูกทำลายแล้ว มันกลายเป็นอาณาจักรที่ตายแล้ว ไม่มีเสียงพุทธหรือพลังชีวิตอีก…”บางคนพูดด้วยเสียงสั่นเครือ